วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2555

เมื่อนายทุนรุกรานสมุทรสงคราม ทำลายวิถีดั้งเดิม ?







บทความต่อไปนี้ ผมจะรวบรวมที่ผมโพสในเฟซบุ้คที่ผมโพสไว้ มานำเสนอครับ

สมุทรสงครามแต่เดิมในอดีต ผู้คนไม่ให้ความสนใจมาท่องเที่ยวเท่าไหร่ ทำให้สมุทรสงครามจึงไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวชื่อดังเหมือนอย่างจังหวัดอื่นๆ เป็นแค่เมืองสวนมะพร้าว เมืองน้ำตาลมะพร้าวลือชื่อเท่านั้น

ก็เพราะแต่เดิมวิถีริมน้ำภาคกลางที่ไหนๆ ก็มี แต่พอวิถีริมน้ำในจังหวัดอื่นๆ ถูกทำลายไป ผู้คนจึงสนใจหันมาเที่ยวสมุทรสงครามกันมากขึ้น จนบูม

แต่ถ้าสมุทรสงครามต้องเปลี่ยนแปลงตามกระแสทุนนิยมไปเหมือนที่อื่นๆ อีก ก็คงน่าสนใจน้อยลง เพราะไม่อาจรักษาเอกลักษณ์เดิมของตนไว้ได้ แล้วคลองอัมพวาก็จะเป็นดั่งคลองภาษีเจริญแห่งกระทุ่มแบน สมุทรสาคร ที่เน่าจนไม่อาจลงไปเล่นน้ำได้อีก หรือเป็นดั่งคลองแสนแสบในกรุงเทพฯ นั่นแหละ

ยิ่งตอนนี้เริ่มมีโรงงานอุตสาหกรรมรุกรานเข้ามาตั้ง เพราะหนีน้ำท่วมภาคกลางเข้าไปตั้งกันหลายโรงงานแล้ว ทำลายสิ่งแวดล้อมอยุธยายังไม่พอ ขอไปทำลายที่แม่กลองต่ออีก ซึ่งต่อไปสวนมะพร้าวก็อาจจะไม่เหลือ คงจะมีแต่โรงงานและหมู่บ้านจัดสรรเต็มไปหมด ต่อไปก็คงไม่ต่างอะไรกับสมุทรสาคร และสมุทรปราการ ในวันนี้

เอ้าอยากเจริญกันเข้าไป แต่นายทุนรวยที่สุด หากไม่เชื่อไปดูระยองเป็นตัวอย่างได้ ตอนนี้สิ เป็นไง เด็กระยองมีค่าสารตะกั่วในเลือดสูงกว่าจังหวัดอื่นไปแล้ว


ศิลปินมาเก็บภาพวิถีเก่าๆ เอาไว้ ก่อนที่จะหายไปในอีกไม่กี่วันนี้

ความคิดนายทุน "ผมจะมาสร้างความเจริญให้ชาวอัมพวา ให้สวยงาม ที่นี่จะมีที่พักชั้นดีให้นักท่องเที่ยว สร้างงานสร้างเงินให้คนในพื้นที่ บ้านเรือนซ่อมซ่อเก่าๆ ผมจะรื้อสร้างใหม่ให้สวยงาม ไม่ทรุดโทรม ตลาดน้ำอัมพวาจะศิวิไลซ์ ทัดเทียมนานาอารยะประเทศ"

แต่ความจริงพวกนายทุนมันหารู้ไม่ว่า ถึงจะโทรม ถึงจะเก่า แบบโบราณบ้านๆ มันก็คือความงดงามในวิถีชาวบ้าน มันคือเสน่ห์ มันเป็นความงดงามที่หาได้ยากแล้ว

ต่อให้บ้านริมน้ำ มันจะเก่า มันจะพัง ก็ปล่อยให้ชาวบ้านเขาคิดแก้ไขกันเอง ถ้าชาวบ้านไม่มีทุน องค์กรส่วนท้องถิ่นก็ควรเข้ามาดูแล ถึงจะคงความเป็นวิถีชาวบ้านไว้ได้

นักท่องเที่ยวที่ไปอัมพวา เขาต้องการไปดูวิถีชาวบ้าน ไม่ใช่ต้องการไปดูโรงแรม5ดาว ของโคตรพ่อโคตรแม่นายทุน

เราไม่ได้ปฏิเสธการพัฒนาพื้นที่ แต่ต้องให้ชาวบ้านมีส่วนรวมตัดสินใจอย่างแท้จริง และแม้จะสร้างสิ่งใหม่ขึ้นมา ก็ต้องให้เป็นไปแนวภูมิสถาปัตย์เดิมที่ไม่ขัดกับภูมิสถาปัตย์ท้องถิ่นเดิมที่มีอยู่ ที่เรียกว่า ทัศนียภาพอุจาดขัดแย้งกับวิถีเดิม จึงจะเรียกว่า การพัฒนาเชิงอนุรักษ์อย่างยั่งยืน

เมื่อตอนบ่ายผม ดูรายการเวทีสาธารณะ ทางทีวีไทย ชาวอัมพวาที่บ้านติดโรงแรมเล่าว่า เรือบริการนำนักท่องเที่ยวพานักท่องเที่ยวมาดู พอเห็นโรงแรมกำลังสร้าง

ไกด์บอกนักท่องเที่ยวว่า "This is the five star hotel."
นักท่องเที่ยวฝรั่ง ตะโกนสวนกลับทันที "Get out!!"

ความร่ำรวยจากการท่องเที่ยวที่เข้ามาทำลายวิถีชนบท นี่คือความคิดของพวกนายทุนที่มีรัฐบาลนายทุนสนับสนุน คือมุ่งแต่เห็นเงินคือสิ่งสำคัญที่สุด มุ่งแต่ตัวเลขGDP โดยไม่สนอนุรักษ์วิถีความเป็นไทย

โรงแรมนี้สร้างขึ้นมาโดยอาศัยช่องว่างกฎหมาย ไม่มีการทำประชาพิจารณ์ที่ถูกต้อง  เป็นเพียงการทำประชาพิจารณ์หลอกๆ แค่ถามชาวบ้านที่ตัวเองเกณฑ์มาด้วยเงินแค่100คน ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่ในพื้นที่ไม่รู้เห็นเรื่อง




เพราะอะไร ถึงมีนายทุนเข้าไปได้ ?

ที่จริงกระแสอัมพวาเริ่มเสื่อมโทรมลงมาประมาณ3-4ปีที่ผ่านมา จากการท่องเที่ยวเชิงทำลาย เพราะห้องเช่าริมน้ำ เริ่มมีคนจากในเมืองเข้ามากว้านเช่าในราคาสูง ทำให้ผู้เช่าเดิมอยู่ไม่ได้

ต่อมา ก็มีร้านค้า คาราโอเกะ ร้านค้าที่เต็มไปด้วยแสงสีเสียงยามค่ำคื่น เข้ามาทำลายความเงียบสงบ ทำให้ชาวบ้านเก่าๆ ก็เริ่มอยู่ไม่ได้ เพราะนักท่องเทียวแห่มาเที่ยวจนหนวกหู

มีเรือบริการนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น มีเรือพาไปดูหิ่งห้อย จนชาวบ้านที่อยู่ใกล้จุดชมหิ่งห้อย เริ่มทนไม่ไหว เพราะหนวกหู

ต่อมาแม้จะให้เรือหางยาวดับเครื่องก่อนเข้าจุดชมหิ่งห้อย แต่เสียงจากนักท่องเที่ยวที่มีมาก จำนวนเรือที่มีมาก รบกวนความสงบของหิ่งห้อย จนหิ่งห้อยก็เริ่มน้อยลง เพราะควันเรือ และเสียงรบกวน

ต่อมาตลิ่งริมฝั่งน้ำเริ่มพัง จากการกัดเซาะจากคลื่นของเรือยนต์

ต่อมามีการสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งพัง กลับกลายเป็นการทำลายชีววิทยาริมน้ำ กุ้ง หอย ปูปลา เขาไปวางไข่ริมน้ำไม่ได้

เมื่อมีชาวบ้านที่เริ่มเบื่อทนไม่ได้กับวิถีที่เปลี่ยนไป จึงเริ่มทยอยย้ายบ้านหนี ขายที่ทิ้ง มากขึ้นเรื่อยๆ

แม้คนขายที่จะมีน้อย แต่จำนวนน้อยเหล่านี้ นี่แหละ ที่ทำให้คนส่วนใหญ่เริ่มรับผลกระทบ จากการรุกรานของนายทุนที่เริ่มเข้ามากว้านซื้อที่ คุณคิดดูว่า แม้คุณไม่อยากขายที่ แต่อยู่ๆ มีโรงแรม และโรงงาน เข้ามาอยู่ติดบ้านคุณ คุณจะทนอยู่ได้ต่อไปหรือไม่?

ด้วยเหตุนี้จึงกลายเป็นเสมือนโดมิโน่ที่ล้มลง ทำให้มีชาวบ้านต้องทยอยขายที่ หนีการรุกรานของกระแสนายทุนไป

ย้ำ!! ว่า รายการเวทีสาธารณะ ทีวีไทย ได้พูดคุยกับชาวบ้านในเรื่องนี้แล้ว ชาวบ้านต่างบอกว่า เพราะข้าราชการเอื้อให้นายทุน นโยบายรัฐบาลไม่ปกป้อง ทำให้ชาวบ้านจึงอยู่ยาก

นั่นเพราะผังเมืองเก่าหมดอายุ แล้วข้าราชการเลวๆ ก็เอื้อนายทุน อีกทั้งกฎหมายผังเมืองมันห่วย เมื่อผังเมืองใหม่ยังไม่ออกมา ก็ควรให้ผังเมืองเก่ามีผลบังคับใช้ชั่วคราวไปก่อน ไม่ใช่ผังเมืองเดิมหมดอายุ เลยกลายเป็นช่องว่างให้พวกนายทุนหน้าเงินเข้ามากว้านเงินซื้อที่จากชาวบ้านที่โลภบางคนได้

ที่สำคัญ ห้องเช่าริมน้่ำของตลาดน้ำอัมพวา ลูกหลานเจ้าของที่ดิน เมื่อได้ที่ดินจากรุ่นพ่อรุ่นแม่มา เขาเห็นเงินหลายร้อยล้านมาวางตรงหน้า ก็เลยขายที่ดินตรงห้องเช่านั้นไป

เรื่องแบบนี้เคยเกิดกับสมุทรสาคร และสมุทรปราการมาแล้ว อย่างเช่นเมื่อไม่กี่สิบปีก่อนจังหวัดสมุทรสาคร ก็สวยงามตามแบบวิถีชาวนา ชาวสวน ไม่แพ้สมุทรสงคราม แต่เพราะวิถีความเจริญของเมือง คืบคลานเข้าไป มีโรงงานอุตสาหกรรมเข้าไปตั้งมากขึ้น ก็ตามมาด้วยหมู่บ้านจัดสรรที่นายทุนเริ่มกว้านซื้อที่จากชาวบ้าน สุดท้ายในวันนี้สมุทรสาครก็ไม่เหลือวิถีงดงามหลงเหลืออีก





ผมจะยกตัวอย่างให้เห็นชัดให้ดูอีกอย่างนึง อย่างจังหวัดนนทบุรี ที่สวนทุเรียนเมืองนนท์หมดไปเกือบหมด เพราะมีลูกหลานชาวสวนรุ่นหลังไม่ได้ทำสวน ก็เลยขายทีดิน ทีนี้ชาวสวนรายอื่นที่ไม่ได้อยากขาย แต่จำต้องขายตามไปด้วยเพราะอะไร?

ก็เพราะ น้ำเสียจากชุมชนหมู่บ้านจัดสรรเข้ามา สวนทุเรียนเลยอยู่ไม่ได้ครับ

บางสวนก็โดนหมู่บ้านล้อมไว้หมด โดนถมคูคลองเดิมไป ทีนี้สวนที่ไม่ได้ขาย ก็ไม่มีแหล่งน้ำสำหรับทำสวน ทำให้เหมือนถูกบีบให้ขายที่ดินไป ทั้ง ๆที่ ไม่ได้อยากขาย

หากชาวสวนทุเรียน100 เจ้า ถ้ามีแค่10เจ้าขายที่ดินให้หมู่บ้านจัดสรรไป สวนทุเรียนที่เหลืออยู่ ก็เริ่มจะอยู่ยากขึ้นเรื่อยๆ มันยากที่ชาวสวนจะรอดจากกระแสทุน หากไม่มีนโยบายจากภาครัฐมาช่วย

แต่ถ้าสวนไหนโชคดีอยู่รอดไปได้ ทุเรียนจากสวนนั้น ๆ ก็จะแพงมาก ทุเรียนเมืองนนท์ผลนึงเริ่มต้นที่ราคา 3พันบาท ไปจนถึงหมื่นบาท

แต่ตอนนี้โชคร้ายเหลือเกิน น้ำท่วมใหญ่ที่ผ่านมา ทำให้สวนทุเรียนเมืองนนท์ ไม่เหลือเลย โดนท่วมหมด
แต่เจ้าของสวนทุเรียนที่เหลือ ก็ยังคิดจะสู้ต่อไป ขอฟื้นฟูสวนทุเรียนเมืองนนท์ให้กลับมาอีกครั้งครับ


-------------------------------

ตลาด100ปี สามชุกคือตัวอย่างที่ดี

ขอยกตัวอย่างการพัฒนาแนวอนุรักษ์อย่างยั่งยืนให้ดูสักหนึงตัวอย่าง นั่นก็คือ ตลาด100ปี สามชุก สุพรรณบุรี

แต่เดิมตลาดสามชุกเกือบเป็นตลาดร้าง เพราะกระแสห้างสรรพสินค้าสมัยใหม่ เริ่มเป็นที่นิยม ประชาชนชอบไปเดินห้างมากกว่าเดินตลาด

แล้วทำไม เดี๋ยวนี้ตลาดสามชุกกลับมาบูมได้อีกครั้ง ? แถมได้รับรางวัลอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกประจำปี 2552 จากองค์การยูเนสโก อีกด้วย

ผมจะบอกว่า ตลาดน้ำอัมพวา ก็เช่นเดียวกัน สามารถพัฒนาให้ทันสมัยพร้อมกับการอนุรักษ์สิงดีๆ เก่าๆ ให้คงอยู่เช่นกันครับ

อ่านบทความเรื่องตลาด100ปี สามชุก เพิ่มเติมที่ http://astv.mobi/AzuSjMV





--------------------------

คนในเมืองเห่อเที่ยววิถีชนบท วิถีธรรมชาติ

คนไทยแห่ไปหลวงพระบาง เพราะหลงใหลความสวยงาม และวิถีเดิมๆ ที่ยังคงอยู่

แต่คนไทยรุ่นเก่าๆ ยังบอกว่า เชียงใหม่ และหลายๆ เมืองทางเหนือของไทย ในอดีตสวยกว่าหลวงพระบางอีก

ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น??

การพัฒนาความเจริญ ไม่ใช่จะต้องมีโรงแรมหรู หรือตึกสูงๆ แบบกรุงเทพฯ

ทุกวันนี้ ประเทศไทยอยากพัฒนาให้ต่างจังหวัดกลายเป็นเหมือนกรุงเทพฯ เหรอ?
เราต้องการเช่นนั้นกันจริงๆ เหรอ??

เช่นทำไม วันนี้ ปาย ไม่สงบเหมือนเดิม และความสวยงามของปาย ก็กำลังเปลี่ยนไป เราอยากให้ปายกลายเป็นแบบเชียงใหม่วันนี้กันเหรอ?

วิถีชนบท ถูกวิถีเมืองที่อ้างความเจริญเข้ามากลืนกิน ร้านเบียร์ ร้านคาราโอเกะ ผุดเข้ามาแทน วิถีชนบทที่เงียบสงบ ??

เหมือนดั่งที่เกิดขึ้นในพัทยา สมุย ภูเก็ต และอีกหลายจังหวัด เพราะไทยเราเน้นแต่ปริมาณนักท่องเที่ยว แต่ไม่เน้นคุณภาพนักท่องเที่ยว อีกทั้งคุณภาพจิตใจคนไทยก็เริ่มเสื่อมถอยลง เพราะคำว่า เงิน สำคัญที่สุดนี่แหละ

อ่านข่าว สื่อนอกการท่องเที่ยวของไทยกำลังดิ่งเหว รบ.สนใจแต่ “ปริมาณ” นักท่องเที่ยว มากกว่า “คุณภาพ”

--------------------------


ทีนี้หลายคนอาจไม่เชื่อ ที่ผมเขียนเล่ามา จึงขอแนะนำใหดูรายการทีวีสาธารณะ ต่อเองแล้วกัน และถ้าคุณเลือกจะไม่เชื่อผม ก็ไม่เป็นไร ผมเองแม้เสียดายเสน่ห์อัมพวา แต่ถ้าประเทศนี้เขาชอบกระแสทุนนิยมแบบลัทธินายทุนมากกว่า ก็คงต้องปลง





ซึ่งถ้าใครได้เคยดูหนังฮอลีวู้ดหลายๆ เรื่อง ก็มีเรื่องทำนองนี้อยู่หลายเรื่องเหมือนกัน เช่นนายทุนมากว้านซื้อที่ดินห้องสมุด ที่ดินโรงเรียน จากเจ้าของที่ดินที่เห็นแก่เงิน แล้วก็ไปจ่ายเงินใต้โต๊ะให้ทางเทศมนตรี ก็เพื่อสร้างสปอร์คอมเพล็กซ์ จนประชาชนต้องออกมาประท้วงค้ดค้าน ฮอลีวู้ดยังมีหนังทำนองนี้หลายเรื่อง นั่นแสดงว่า ปัญหาเกี่ยวกับนายทุนมันมีอยู่ทุกประเทศจริงๆ


ที่จริงประเด็นต่อต้านโรงแรมของคุณชูชัย คงไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่ากับการที่จะปกป้องไม่ให้เกิดกรณีแบบนี้ขึ้นซ้ำอีก เพียงแต่ประเด็นโรงแรมของคุณชูชัย เป็นจุดเด่นทีเห็นชัด ซึ่งตอนนี้สมุทรสงครามก็มีโรงงายอุตสาหกรรมเข้ามาบุกรุกแล้ว ทั้งๆ ที่ผังเมืองเดิมที่หมดอายุไป ให้สมุทรสงครามเป็นพื้นที่สีเขียว ห้ามมีโรงงานอุตสหากรรม



คลิกอ่าน ต้องมีหัวใจประชาธิปไตยก่อน ถึงจะเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น