วันพุธที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2555

เหตุผลที่ผมไม่เชื่อว่า บั้งไฟพญานาคเป็นของจริง !!






ตอนผมยังเด็ก สักประมาณปี พ.ศ.2529-2530 ผมเพิ่งได้รู้จักเรื่องบั้งไฟพญานาคจากข่าวช่อง7 ซึ่งผมก็ทึ่งกับข่าวมากๆ เพราะเป็นไปได้ยังไง มีบั้งไฟผุดขึ้นจากลำน้ำโขงทุกปี อย่างอัศจรรย์ ในวันออกพรรษา

OH Amazing Thailand !!

ซึ่งทำให้ผมยิ่งศรัทธาเชื่อมั่นในความศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาพุทธมากๆ ว่า ศาสนาพุทธคือของจริง เพราะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นแบบจะจะ กล้องนักข่าวถ่ายมาให้เห็นจะจะ พญานาคต้องมีจริงแหงๆ แต่นั่นคือความเชื่อเมื่อตอนเด็กๆ

แต่พอผมโตมาได้เรียนรู้มีประสบการณ์มากขึ้น ผมก็ยังเชื่อมั่นในพระพุทธศาสนา และผมก็เชื่อว่าพญานาคมีจริง แต่ที่ผมเชื่อว่าพญานาคมีจริง กลับไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องบั้งไฟพญานาคแต่อย่างใด

เพราะทุกวันนี้ผมเลิกเชื่อเรื่องบั้งไฟพญานาคมานานแล้ว


-------------------------------

รายการไนท์ตี้ช๊อค เมื่อเกือบ20ปีที่แล้ว

รายการNighty shock ของป๋อง กพล ทองพลับ ออนทีวีครั้งแรก เมื่อราวๆ ปี2538 หรือ2539 ผมเองก็จะไม่แน่ใจ ออกอากาศประมาณ5ทุ่มช่อง5 ในคืนวันศุกร์

รายการไนท์ตี้ช๊อด ในตอนนั้น เคยนำเรื่องบั้งไฟพญานาคมาพิสูจน์ว่า จริงหรือเท็จ?

ด้วยการพิสูจน์โดยมีอาจารย์ฟิสิกส์ท่านนึงในมหาลัยแห่งหนึ่งในภาคอีสานร่วมในการช่วยพิสูจน์คือ

วิธีแรกใช้กล้องอินฟาเรด ที่สามารถถ่ายได้ในที่มืด โดยถ่ายจากฝั่งไทย ไปยังฝั่งลาวในช่วงเกิดเหตุการณ์บั้งไฟพญานาค

วิธีที่2 คือ ให้เรือลอยกลางลำน้ำโขง แล้วใช้กล้องอินฟาเรด ลอยกลางลำน้ำโขงเพื่อคอยถ่ายเวลาบั้งไฟพุ่งขึ้นจากกลางแม่น้ำโขง

จากการตั้งกล้องตั้ง2วิธี ผลปรากฏว่า กล้องแรกที่ตั้งบนฝั่งไทยถ่ายไปยังฝั่งลาว พบว่าบั้งไฟพญานาคพุ่งขึ้นหลังแนวเงาทิวต้นไม้ ต้นมะพร้าวฝั่งลาว ไม่ได้ขึ้นจากกลางลำน้ำโขงแต่อย่างใด

แต่เพราะความที่มืดมาก ประกอบกับลำน้ำโขงมีความกว้างมาก ทำให้คนไทยเกิดอุปทานเชื่อไปเองว่า มีบั้งไฟผุดขึ้นมาจากกลางน้ำโขง

และจากการถ่ายจากกล้องอินฟาเรดบนเรือที่ลอยลำอยู่กลางน้ำโขง ผลปรากฏว่า ไม่มีบั้งไฟผุดขึ้นจากแม่น้ำโขงเลยสักลูกเดียว แต่กลับเห็นบั้งไฟขึ้นจากฝั่งขวามือของลำน้ำ ซึ่งก็คือฝั่งลาว ทางด้านขวามือของเรือ

แต่เพราะความมืด จึงทำให้คนไทยที่รอดูอยู่ฝั่งไทย คิดไปเองว่าเกิดจากกลางน้ำ แต่เมื่อลอยเรือรอถ่ายทำ กลับไม่มีบั้งไฟขึ้นจากกลางน้ำโขงเลย มีแต่ขึ้นจากฝั่งลาวเท่านั้น

โดยในรายการวันนั้น ก็สรุปว่า โปรดใช้วิจารณญาณเอง เพราะไม่ต้องการไปกระทบความเชื่อส่วนบุคคล เพียงแต่จากการลงพื้นที่ของรายการ สรุปว่ายังไม่พบบั้งไฟพญานาคที่ขึ้นจากกลางลำน้ำโขง


---------------------------------

ITV ตีแผ่ความจริงเรื่องบั้งไฟพญานาค

ช่องITV ในอดีต ในปี2545 เคยแฉความจริงเรื่องบั้งไฟพญานาค ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร

เกิดจากการโปรโมทการท่องเทียวจังหวัดเมื่อปี2529  ของนักการเมืองท่านหนึ่ง โดยเปลี่ยนชื่อจาก บั้งไฟผี เป็นบั้งไฟพญานาค

และในสกู๊ปของไอทีวี ก็แฉว่าบั้งไฟพญานาค ก็เกิดจากการที่คนลาวเขายิงปืนไฟ ฉลองออกพรรษาฝั่งลาว ซึ่งเขาทำกันมานานแล้ว

ในขณะที่คนไทยเห่อรอดูบั้งไฟพญานาค จนเป็นเหมือนงานเทศกาลประจำปี ในขณะที่คนฝั่งลาวกลับไม่สนใจดูเลย ทั้งๆ ที่ก็อยู่ร่วมน้ำโขงเดียวกัน เพราะอะไรล่ะ??

ก็เพราะ ถ้าคุณยืนบนฝั่งลาว หันมองมาทางฝั่่งไทย คุณจะไม่เห็นบั้งไฟพญานาคเลยซักลูก จะมองเห็นก็แต่คนไทยแห่กันมาดูบั้งไฟพญานาคเต็มไปหมด ในขณะที่ฝั่งลาวกลับมืดมิด เงียบสนิท  

ส่วนผมเอง ในปีนั้นก็ตามดูสกู๊ปนี้ทางไอทีวีด้วยใจจดใจจ่อ

ถอดรหัส ไอทีวี บั้งไฟพยานาค

-------------------------------

หลังจากที่ITV นำเสนอความจริงเรื่องบั้งไฟพญานาคกำมะลอ ออกไปแล้วก็ได้มีกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจในจังหวัดที่เกิดบั้นไฟพญานาค นำชาวบ้านออกมาประท้วงไอทีวีอย่างหนัก ที่ไอทีวีทำสกู๊ปเรื่องนี้ออกมา ซึ่งทำให้กระทบด้านลบต่อความเชื่อ และกระทบต่อการท่องเทียวและเศรษฐกิจในจังหวัดด้วย

สุดท้ายไอทีวีก็เลยจำใจขอโทษที่ทำสกู๊ปแฉความจริงเรื่องนี้

-----------------------------

ตรรกะและเหตุผลของผมเกี่ยวกับเรื่องบั้งไฟพญานาค

หลังจากไอทีวีแฉเรื่องบั้งไฟพญานาคกำมะลอ เลยมีคนแห่กันไปพิสูจน์ความจริงว่า ตกลงบั้งไฟพญานาคมีจริงหรือไม่?

สุดท้ายในปีนั้น ก็แทบไม่มีบั้งไฟพญานาคขึ้นเลย ถ้าผมจำไม่ผิดมีแค่3-4ลูก ตลอดทั้งคืนเท่านั้น

ถามแล้วอยู่ๆ บั้งไฟพญานาคหายไหน จากที่เคยขึ้นไปละหลายสิบลูก??

คำตอบก็คือ พอเป็นข่าวดังในไทย กระทบไปถึงลาว ทางการลาวเลยสั่งห้ามคนลาวยิงปืนส่องแสงในวันออกพรรษา ใครยิงอีกจะมีโทษ

ในปีนั้น พอคนลาวไม่ยิงปืนส่องแสง บั้งไฟก็เลยหายเงียบตามไปด้วย นั่นแสดงให้เห็นถึงอะไร??

อยู่ๆ พญานาคเกิดกลัวไอทีวีเหรอ ถึงได้หายไปเหรอ? (ไปโผล่ที่จังหวัดอื่น รวม ๆ ไม่เกิน 4 ลูก)

-------------------------------

สังเกตได้เลยว่า ร้อยละ90 มีแต่คนไทยที่แห่ไปดูบั้งไฟพญานาค เพราะชาวต่างชาติที่เขาเคยไปดูมาแล้ว เขาไม่เชื่อว่าเป็นบั้งไฟที่พุ่งจากกลางน้ำจริงๆ

เพราะหากเป็นบั้งไฟที่เกิดจากกลางลำน้ำโขง ป่านนี้ต้องดังกระฉ่อนโลก ดังจนนักท่องเที่ยวต่างชาติแห่กันมาทำข่าวมากมายแล้ว

หากคนไทยแน่จริง กล้าให้ทีมสารคดีต่างชาติ จาก BBC หรือ National Geograpic มาพิสูจน์ความจริง มั้ยล่ะ?

ผมเชื่อเลยว่า คนหนองคายก็ไม่กล้า เพราะกลัวเสียประโยชน์จากการท่องเที่ยว

จะให้คนไทยทำสารคดีเก่งๆ มาพิสูจน์ เขาก็ไม่มาทำหรอก เพราะเขารู้ว่า คนไทยจำนวนมากที่เสียผลประโยชน์มันยอมรับความจริงไม่ได้ เดี๋ยวจะเป็นปัญหาแบบกรณีไอทีวีอีก

เพราะคนไทยมักชอบอยู่บนความเชื่อ มากกว่ากล้าพิสูจน์ความเป็นจริง

เคยมีทีมสารคดีจากต่างประเทศจะมาพิสูจน์บั้งไฟพญานาค แต่กลับถูกข่มขู่จากคนในพื้นที่ จนต้องยกเลิกการพิสูจน์ แล้วก็ปล่อยให้คนไทยอยู่ในกะลาต่อไป

-----------------------------

สรุปบั้งไฟพญานาคมีจริงหรือไม่?

ความเห็นส่วนตัว ผมเชื่อว่า พญานาคมีจริง แต่บั้งไฟพญานาคแบบที่พุ่งขึ้นสูงเสียดฟ้า ไม่มีจริงแน่นอน!!

หากเป็นบั้งไฟผี แบบที่คนโบราณเคยเห็น ผมคิดว่า อาจจะมี แต่คงไม่เหมือนแบบที่เห็นในปัจจุบันนับร้อยๆ ลูกแบบนี้หรอก

ไอ้แบบที่พุ่งขึ้นรวดเร็วแบบที่เห็นกันนั้น ของปลอมชัวร์

ทราบมาว่า เดี๋ยวนี้มีกลุ่มธุรกิจคนไทยไปจ้างคนลาวให้ยิงทุกปีด้วย

ผมเคยถามเพื่อนผู้หญิงของผมคนนึง เธอเป็นแพทย์หญิง ซึ่งเธอเป็นคนโพนพิสัย ผมถามเธอเมื่อ2ปีก่อนว่า เชื่อเรื่องบั้งไฟพญานาคในจังหวัดบ้านเกิดของเธอมั้ย?

เธอตอบว่า ไม่เชื่อ เพราะเคยไปดูมาแล้ว ไม่เห็นมีพุ่งขึ้นจากน้ำสักลูก เห็นแต่ลอยขึ้นไปกลางอากาศแล้วเท่านั้น


--------------------------

สำหรับผมเอง ไม่ได้ลบหลู่พญานาค เพราะผมเชื่อว่าพญานาคมีจริง แต่ผมว่าบั้งไฟพญานาคมันหลอกลวงชัดเจนครับ เพราะเคยมีทีมสารคดีจากต่างประเทศจะมาพิสูจน์ แต่เจออิทธิพลท้องถิ่นขัดขวางข่มขู่ จึงไม่มีทีมสารคดีที่ไหนเขาอยากจะมาพิสูจน์อีกแล้วครับ นี่คือเรื่องจริง

เพราะหากพิสูจน์ย่อมพบความจริงว่า ของปลอม ก็จะมีปัญหาระหว่างประเทศได้ เพราะนี่คือเรื่องของความเชื่อท้องถิ่น

และหากเป็นสิ่งมหัศจรรย์จริงๆ รับรองได้ว่า ทีมสารคดีต่างประเทศเขาต้องสนใจมานำเสนอไปทั่วโลกแล้วครับ แต่ที่ไม่มี ก็เพราะทั่วโลกเขารู้ว่า ของปลอมครับ

ถ้าฝั่งลาวเขาเห็นเหมือนกับคนไทย ป่านนี้ลาวเขาโปรโมทเป็นการท่องเที่ยวคู่ขนานกับฝั่งไทยแล้วครับ ไปหาดูข่าวที่ลาวได้ ไม่มีพูดถึงเรื่องนี้ครับ

-------------------------

คลิปกระสุนส่องแสงปี2555 จากฝั่งลาว 

ล่าสุดในวันเกิดบั้งไฟพญานาค ปี2555 นี้เอง ได้มีคนไทยข้ามไปฝั่งลาว เพื่อถ่ายคลิปกระสุนส่องแสงที่ยิงฝั่งลาวข้ามหัวผู้ถ่ายไป และหลังจากนั้นก็ตามด้วยเสียงคนไทยเฮกันลั่น




ซึ่งเจ้าของคลิปอธิบายเพิ่มเติมว่า "รูปคลิปนี้พวกทีมงานผมเนี่ยแหล่­ะครับที่ทำขึ้นมา โดยการถ่ายภาพแบบเปิดหน้ากล้องน­านแล้วก็เอาภาพทั้งหมดมาต่อกัน และก็เห็นชัดเลยครับว่าบั้งไฟขึ­้นมาจากฝั่ง ไม่ได้ขึ้นมาจากน้ำโขง / ตกลงว่าเปลี่ยนใจเชื่อพวกผมแล้ว­ใช่มั้ยครับ"

----------------

แต่ก็ยังมีคนสงสัยถามว่า แล้วทำไมคนไทยไม่ได้ยินเสียงปืน

ผมakecity ขอตอบเหมือนที่อาจารย์ชัยวัฒน์ ตอบในคลิปของไอทีวี ว่า เพราะระยะทางมันไกลมากครับ เสียงที่มาฝั่งไทยเบามากจนแทบไม่ได้ยินหรอกครับ แล้วเสียงเดินทางช้ากว่าแสง พอกว่าที่เสียงปืนจะมาถึงหูคนไท­ย คนไทยก็เฮกลบเสียงปืนหมดแล้ว

-------------------------

ถ้าเป็นของจริงของแท้พวกฝรั่งจะชอบมาก

อะไรที่เป็นของจริงแปลกประหลาด พวกฝรั่งจะชอบมาก ยิ่งอะไรที่เป็นของจริงแต่เหนือธรรมชาติ หรือความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ ฝรั่งจะยิ่งชอบเพราะอยากพิสูจน์ ด้วยหลักวิทยาศาสตร์ และอยากมีส่วนร่วมบันทึกในความทรงจำ และร่วมเผยแพร่บันทึกนั้น

ให้สังเกต ฝรั่งไปเที่ยวเกาะเต่า หรือ เกาะสวย ๆ ในไทย มากกว่านักท่องเที่ยวไทยเสียอีก แบบ 90 % เป็นฝรั่งที่ไปเที่ยวทั้งนั้น คนไทยมีแค่ 10 %

ในขณะที่ ดูบั้งไฟพญานาค มีแต่คนไทยเกิน 90 % ไม่มีฝรั่งสนใจไปดูเท่าไหร่ และไม่มีนักวิทยาศาสตร์ไปพิสูจน์ให้ความจริงกระจ่าง มันเพราะอะไร ??

ถ้าบั้งไฟพญานาคเป็นของจริง ป่านนี้ต้องบรรจุเข้าสิ่งมหัศจรรย์ของโลกไปแล้ว ต้องเข้ากินเนสบุ๊คไปแล้ว หรือต้องขอเป็นมรดกโลกไปแล้ว จริงไหม ?? 555


คลิปวิธีทำบั้งไฟพญานาค เหมือนสุดๆ 555


ย้ำ อีกครั้งว่า ไม่เคยมีใครถ่ายคลิปขณะบั้งไฟขึ้นจากน้ำได้จะจะ เห็นแต่คลิปที่บั้งไฟลอยอยู่บนฟ้าแล้วเท่านั้น

สำหรับใครที่เดินทางไปดูบั้งไฟพญานาค ผมถือว่า คุณตกเป็นเหยื่อเพราะความโง่ของคุณเอง

ไม่จำเป็นต้องไปดูหรือไปพิสูจน์แล้ว เพราะเขาหลอกให้ไปพิสูจน์ความโง่ของคุณต่างหาก 5555

-----------------------

อัพเดทข่าวบั้งไฟพญานาคล่าสุด

ขอบคุณ รายการเรื่องจริงผ่านจอ เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 2560 ที่ผ่านมา ที่เปิดเผยความจริงเรื่องนี้อีกครั้ง

คือ ปีนี้เรื่องจริงผ่านจอ เขาได้ทำงานร่วมกับเจ้าของเพจพิสูจน์ความจริงบั้งไฟพญานาค ซึ่งเขาตามเก็บรูปบั้งไฟมาตั้งแต่ปี 2554 - 2560 ด้วยกล้องและเครื่องมือถ่ายภาพที่ทันสมัย รวมทั้งการใช้โดรนร่วมด้วย จากหลายจุดของแม่น้ำโขงทั้งฝั่งลาวและฝั่งไทย

รูปบั้งไฟพญานาคปลอมขึ้นบนฝั่งลาว จากรายการเรื่องจริงผ่านจอ





เพราะวันออกพรรษาของไทยคือวันลอยกระทงของลาว วันออกพรรษาลาวหลังไทย 1 วัน

คนลาวเขายิงปืนพลุแสงฉลองวันลอยกระทงโว้ย

คลิปรายการเรื่องจริงผ่านจอ นักล่าบั้งไฟพญานาค




คลิกอ่าน เมื่อคนลาวหัวเราะเยาะเย้ยบั้งไฟพญานาคของไทย 555

วันอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ที่มาความฟิตปั๋งของเจ้าสัวบุญชัย ก่อนหมั้นตั๊ก บงกช






เจ้าสัวบุญชัย เบญจรงค์กุล มหาเศรษฐีหมื่นล้าน แม้ตอนนี้จะไม่ใช่เจ้าของดีแทคเต็มตัว แต่ก็ยังถือหุ้นดีแทคอยู่ไม่ใช่น้อย เพราะเทเลนอร์ขายหุ้นดีแทคคืนให้เจ้าสัวบุญชัยบางส่วน ไม่งั้นดีแทคจะเข้าประมูล3จีไม่ได้

เจ้าสัวบุณชัย อายุ58 มีเมียมาแล้ว 5 คน ถ้าได้ตั๊ก บงกช เป็นเมียอีกคน ตั๊กก็จะเป็นเมียคนที่ 6 ของเจ้าสัวบุญชัย

ผู้ชายมีเมียมาแล้ว 5 คน ย่อมไม่ธรรมดาแหงๆ

ที่ทั้งสองคนมารู้จักกันได้ เพราะเจ้าสัวเคยจ้างตั๊กไปเป็นนางแบบชุดว่ายน้ำ ให้เจ้าสัวแกวาดรูป ตามรูปนี้






"สัมมาอึ๋มจริงหนอ สัมมาอึ๋มจริงหนอ"

19 พ.ย. 55 นี้ บุญชัย จะหมั้นกับ ตั๊ก

ซึ่งถ้าจัดงานแต่งเมื่อไหร่ ผมขอเดาว่า เจ้าสัวบุญชัย ในฐานะศิษย์เอกแห่งวัดธรรมโกย เจ้าสัวคงระดมพระวัดธรรมโกย มาสักอย่างน้อย 1,000 รูป เดินบนกลีบกุหลาบแดงนี้เพื่อเธอ 9,999ดอก เพื่อมาบิณฑบาตรในงานแต่งเจ้าสัว โดยมีนายทำมไชโยโห่ฮิ้ว (อดีตพระธัมมไชโย) มาเป็นประธานด้วย 5555


เมื่อครั้งเจ้าสัวบุญชัยตักบาตรกลีบกุหลาบกับวัดธรรมโกย



"โยมบุญชัย คู่หมั้นของโยมสวยดีนะจ๊ะๆ อาตมาเห็นแล้วเกิดเมตตาต่อคู่หมั้นของโยมมาก พาคู่หมั้นมาทำบุญบ่อยๆ นะจ๊ะๆ อ้อ.. ถ้าจะมาวันไหน บอกอาตมาล่วงหน้านะจ๊ะ อาตมาจะได้ทำตัวให้ว่างนะจ๊ะๆ แล้วถ้าคู่หมั้นของโยมว่าง อาตมาอยากจะชวนหนูตั๊กแต่งตัวเป็นนางวิสาขา เพื่อไปถวายอาหารให้แม่ชีจันทร์กับอาตมา บนวิมานอันสวยงามนะจ๊ะ" นายทำมะไชโยโห่ฮิ้ว กล่าว


ถึงอย่างไรผมก็ขอแสดงความยินดีต่อลูกกตัญญูอย่างคุณตั๊ก หากได้แต่งกับเจ้าสัวจริง ก็ขอให้รักนี้ประสบความสำเร็จและยืนยง

และขอให้คุณตั๊ก จงอย่าได้หลงคารมทำบุญกับนายไชยบูรณ์เหมือนคู่หมั้นของตั๊กล่ะ ^^



ถ้าคุณรวยหลายหมื่นล้าน ว่าที่แม่ยายคุณจะเห็นคุณดูดีไปหมด

นักข่าว "เขาแก่กว่าลูกสาวแม่ ตั้ง30ปีนะคะ"
แม่ตั๊ก "โอย เขายังแข็งแรง นี่แหละลูกเขยในฝันของแม่"
นักข่าว "เขาเคยมีเมียมา5 คนแล้วนะคะ"
แม่ตั๊ก "โอย เขาเป็นคนดี เขามีเมียมากี่คน เขาเล่าให้แม่ฟังหมด นี่แหละลูกเขยในฝันของแม่"
นักข่าว "หรือเป็นเพราะว่าเขารวยรึเปล่า"
แม่ตั๊ก "โอย ไม่เกี่ยวกับรวย เพราะแม่ก็รวยอยู่แล้ว เขาเป็นคนจริงใจ เป็นคนใจบุญ นี่แหละลูกเขยในฝันของแม่"
รวยซะอย่าง ข้อด้อยกลายเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยไปเลย

เฮ่อ... อิจฉาคนรวยจริงๆ สามารถมีเมียเด็กกว่าได้เยอะๆ แบบนี้ อิจฉาคนรวยโว้ย ได้เด็ก ทั้งสวย ทั้งอึ๋ม 5555 /ใหม่เมืองเอก

ถ้าคุณอายุ58 แถมเคยมีเมียมาแล้ว5 คน คุณจะไม่มีทางดูดีเลย หากคุณจะมีรักใหม่กับสาวคนใหม่ แต่ถ้าคุณรวยหลายหมื่นล้าน ข้อด้อยที่ว่ามาทั้งหมด จะกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลย


คลิกอ่าน กรณีธุดงค์กลีบกุหลาบของธรรมกาย

คลิก่อ่าน สิ่งมหัศจรรย์ของโลกเกิดขึ้นแล้วย่านคลองหลวง


วันพฤหัสบดีที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2555

เชิญยิ่งลักษณ์ ร่วมงานประเพณีวิ่งควาย






เมื่อ รมว. กระทรวงวัฒนธรรม ลูกสะใภ้อดีตกำนันคนดังเมืองชล ที่ตอนนี้เป็นนักโทษหนีคดี ได้โทรถึงนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ที่มีพี่ชายเป็นนักโทษหนีคดีเช่นกัน

รมว.วัฒนธรรม "ท่านนายกคะ ดิฉันขอเรียนเชิญท่านนายก ไปร่วมงานประเพณีวิ่งควาย ชลบุรี ปีนี้ด้วยค่ะท่าน"

ยิ่งลักษณ์ "ฮิๆ ดีใจค่ะ ที่ท่านรัฐมนตรีให้เกียรติดิฉันอย่างมาก ดิฉันชอบควายมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วค่ะ ไม่ทราบว่า จะให้ไปเปิดงานวันไหน และตอนกี่โมงคะ"

รมว.วัฒนธรรม "เปิดงานวันที่ 29ตุลา นี้ค่ะ แต่ว่า ไม่ได้เชิญให้ท่าน ไปเปิดงานหรอกค่ะ แต่อยากเชิญให้ท่านไปร่วมวิ่งในงานด้วยเท่านั้น"






ก็แข่งม้า ยังมีจ๊อกกี้ วิ่งควายก็มีจ๊อกกี้เหมือนกัน





----------------------------------------

วิธีสอนเด็กให้ฉลาด 


วิธีทำให้เด็กไทยฉลาด ไม่ยากหรอก ไม่ต้องแจกแท็บเล็ตให้สิ้นเปลืองด้วย
ก็แค่สอนให้รู้ว่า นายกหญิงคนแรก มันโง่อย่างไร เท่านั้นก็พอ

ถ้าเด็กคนไหนรู้ว่า นายกหญิงคนแรก โง่อย่างไร แสดงว่า เด็กคนนั้นเริ่มฉลาดแล้ว 5555 /@ akecity





คลิกอ่าน เมื่อช้างไทย แพ้ยิ่งลักษณ์


วันพุธที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2555

1 ใน วิธีปราบเมียน้อย






ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า ปัญหาผัวมีเมียน้อย ของแต่ละครอบครัว มีปัจจัยแวดล้อมแตกต่างกัน

แต่นี่เป็นแค่วิธีหนึง ที่สามารถปราบเมียน้อยได้ จึงไม่ขอรับรองว่า วิธีนี้จะใช้ได้สำเร็จกับทุกกรณีเสมอไปครับ


"เมื่อก่อน สัก20กว่าปีที่แล้ว ผมเคยดูหนังไทยเรื่องนึง ที่เพ็ญพิสุทธิ์เล่นเป็นเมียหลวง ตอนแรก เป็นเมียหลวงที่ขี้บ่น ไม่เอาใจผัวเลย เอาแต่สั่งผัว ทั้งๆ ที่ผัวทำงานนอกบ้านกลับมาบ้าน ผัวก็หวังอยากเจออะไรที่สบายหูสบายตาที่บ้าน เพราะเขาทำงานหนักหาเงินนอกบ้านมีปัญหามากมาย ก็หวังจะได้รับความสบายใจเมื่อเข้าบ้าน

แต่เมื่อเข้าบ้านกลับยิ่งเครียดเพราะเมีย!! ก็เลยไปหาเมียน้อยที่คอยเอาใจแทนดีกว่า

เมื่อผัวไปมีเมียน้อยแล้ว เมียหลวงที่แสดงโดยเพ็ญพิสุทธิ์ พอเธอจับได้ ก็ยิ่งเครียด เลยด่าผัวทุกครั้งที่ผัวกลับมาบ้าน ประชดประชันผัวตลอด แต่เพราะความรักที่ยังมีต่อกัน อีกทั้งมีเรื่องลูกที่ทำให้ทั้งคู่ยังผูกพันธ์กันอยู่ได้ เลยเกิดบรรยากาศความเครียดเรื้อรัง

จนกระทั่ง ต่อมาก็เฉยเมยต่อกัน เหมือนอีกคนไม่มีตัวตนในบ้าน ผัวก็เลยยิ่งไปอยู่กับเมียน้อยมากขึ้นกว่าเดิมอีก

ทีนี้ เพราะความที่ยังรักกันอยู่ในใจลึก ๆ ของทั้งสองคน แม้จะเกลียดกันแค่ไหน ก็ตัดกันไม่ขาด คาราคาซังแบบนี้ จนกระทั่งเมียหลวงก็เลยคิดจะขอหย่า แต่ใจหนึงก็ยังห่วงลูกอยู่ เพราะลูกก็คงเสียใจหากพ่อแม่เลิกกัน เพราะแม้สามีจะมีเมียน้อย แต่เวลาเขาอยู่บ้าน เขาก็รักลูก ๆ กลับมาหาลูกทุกวัน ก่อนกลางคืนจะออกไปอยู่กับเมียน้อยทุกวัน

แล้ววันหนึ่งนางเอกก็เริ่มคิดได้ว่า หากจะหย่ากัน ก็ควรจากกันด้วยดี ในเมื่อยังไม่หย่า ฉะนั้น ก่อนจะหย่ากัน ก็ต้องทำหน้าที่แม่บ้านให้ดีที่สุด ทำหน้าที่เมียให้ดีที่สุด แปลง่าย ๆ ว่าเธอเริ่มปล่อยวางได้แล้วว่า ชั่งมัน ฉันขอทำหน้าที่ของฉันให้ดีที่สุด เพื่อให้เวลาที่เหลือ จะได้จากกันด้วยความรู้สึกดี ๆ

ทีนี้พอเมียหลวงเริ่มปล่อยวางลงได้ ก็เริ่มมีเวลาคิดทบทวนเรื่องที่ผ่านมาในอดีต เห็นข้อเสียของตัวเองว่า ขาดตกบกพร่องอะไรไป ก็เลยหันกลับมาทำหน้าที่เมียที่ดี กลับมาพูดจาดี ๆ กับผัว เวลาเขากลับมาบ้านก็หาน้ำมาให้ดื่ม พยายามไม่โกรธผัว เป็นกัลยาณมิตรต่อผัว

ปกติพอตกค่ำทุกวัน ที่ผัวต้องไปนอนบ้านเมียน้อย ผัวก็เลยชักเอ๊ะ ทำไมชักขี้เกียจไป แต่ก็ต้องไป

พอพอผัวไปหาเมียน้อย เมียน้อยที่เคยพยายามแอบไปกวนโอ๊ยเมียหลวงมาตลอด ก็เคยหวังว่า ผัวกำลังจะหย่ากับเมียหลวง แต่จนแล้วจนรอด ก็ไม่หย่าสักที

ทีนี้เมียน้อยชักเริ่มอารมณ์เสียใส่ผัว ว่าทำไมไม่รีบหย่า ๆ ซะ จะได้จบ ๆ จากที่เคยเอาใจผัวมาก ๆ ก็เริ่มไม่ค่อยเอาใจ ใส่อารมณ์ผัวมากขึ้นๆ เรื่อยๆ จากที่เคยพูดหวานๆ กับผัว ก็เริ่มปากร้ายกับผัวมากขึ้น

ส่วนฝ่ายเมียหลวงกลับใจเย็นลง คิดว่าถ้าผัวมาขอหย่าเมื่อไหร่ ก็หย่าเมือนั้น

ไปๆ มาๆ เมียน้อยเริ่มกลายเป็นนางร้ายใส่ผัว ไม่เอาใจผัวเหมือนเดิม ไม่พูดเพราะๆ เหมือนเดิม เพราะโกรธที่ผัวตัดใจจากเมียหลวงไม่ได้สักที

ในขณะที่เมียหลวงกลับมาดีกับผัว เหมือนเมื่อตอนแต่งกันใหม่ ๆ

ต่อมาผัวก็เริ่มเบื่อเมียน้อย ชักไม่อยากไปหาเมียน้อย ผัวเริ่มหาเรื่องอยู่บ้าน ค้างที่บ้านกับลูกตลอด  ทีนี้เมียน้อยก็ยิ่งร้ายมากขึ้นๆ จนกลับเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย

สุดท้ายเรื่องจบยังไงรู้มั้ย เมียน้อยกลับทนไม่ไหวเป็นฝ่ายขอเลิกกับผัวเอง ขอไปหาผัวใหม่ดีกว่า แล้วเรื่องมันก็จบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง

แต่ก่อนหนังจะจบ เมียหลวงก็ไม่ยอมคืนดี ๆ ง่าย ๆ หรอก ต้องเล่นตัวนิดนึง พอได้สะใจ ที่ผัวต้องกลับมาตายรัง " ^^


วันจันทร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ยิ่งลักษณ์ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ที่นครศรีธรรมราช







เขาด่ากันไปทั่วเน็ตแล้ว เพราะ

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ยัยปู ไปนครศรีธรรมราช ไปที่วัดมหาธาตุ ดันเสร่อ ขึ้นไปยืนบนโปงพระธาตุ ทั้งๆ ที่โบราณเขาถือ ว่าไม่ให้ผู้หญิงขึ้นไปยืนบนนั้น ยัยปูนี่ชั่งไม่รู้จักกาละเทศะ ไม่รู้จักขนบธรรมเนียมประเพณี ชั่งเป็นเสนียดจัญไรแก่เมืองคร จริงๆ




(ถ้าผู้ชายเขาไปยืนผูกผ้า ผูกเสร็จเขาก็รีบลงด้วยความเคารพ ไม่มีใครเขายืนแอ๊คท่าถ่ายรูปบนโปงพระธาตุหรอก)


เฮ่อ.. E ยักลิ่ง นี่มันเกินเยียวยาจริง ๆ
จะเข้าวัดเข้าวา คนเป็นผู้นำประเทศ ต้องเป็นแบบอย่างที่ดี ต้องยิ่งสำรวมมากๆ นุ่งขาวห่มขาวทั้งที (สีฟ้าอ่อน) ผมเผ้าต้องรวบให้เรียบร้อย แต่อีนี่ เหมือนเดิม ไร้กาละเทศะที่สุด โง่ไม่พอ ยังเฉิ่มเบ๊อะอีก




ทีไปแรดๆ ตามต่างประเทศ ดันรวบผมเผ้าได้ แต่พอเข้าวัดเข้าวา สงสัยผีในตัวมันคึกแหงๆ คงนึกว่าตัวเองเป็นพริตตี้ตลอด
















ปูชอบดุ้นใหญ่ๆ เสมอ 555



-----------------------



แม้ล่าสุด เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุ จะออกมากล่าวว่า อนุโลมให้คนขึ้นไปยืนได้ก็ตาม ในกรณีขึ้นไปทำบุญผูกผ้ารอบองค์พระเจดีย์

แต่ !! อย่าลืมว่า เมื่อเสร็จสิ้นแล้ว ก็ต้องรีบลงจากฐานเจดีย์ทันที ไม่ใช่ยืนแอ๊คท่าสวย ถ่ายรูปหน้าโง่ต่อไป เข้าใจมั้ย ??

แม้อาจเป็นได้ว่า นักข่าวขอถ่ายรูปนายกฯ นายกฯเลยยังไม่ได้ลง แต่คนเป็นผู้นำประเทศ เป็นคนเหนือ ก็ไม่น่าบ้าถ่ายรูปจนไม่รู้ประเพณี อยากถ่ายรูปก็ควรลงมาข้างล่างก่อน

เพราะทางภาคเหนือก็มีประเพณีแบบนี้ คืออนุญาตให้ผู้ชายขึ้นไปได้ แต่ถ้าอนุโลมให้ผู้หญิงขึ้นไปผูกผ้า เมื่อเสร็จแล้ว ก็ต้องรีบลงด้วยความเคารพ แต่ยัยปูเป็นคนเหนือซะเปล่า แต่หารู้จักที่ต่ำที่สูงและประเพณีไม่


วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ม้าทรงเจ้าทรมานตัวเองในเทศกาลกินเจ ของจริงหรือมั่วนิ่ม ?







ได้เห็นข่าว ม้าทรงตกบันไดมีดกันมั้ย?

ผมเคยบอกแล้วในบทความก่อน ๆ ว่า เหตุที่ผมไม่ชอบเทศกาลกินเจ แต่ยังมีเหตุผลอีกอย่างนึงก็คือ เพราะเทศกาลกินเจยังพ่วงพวกม้าทรงเจ้าทรมานตัวเองเข้ามาในเทศกาลด้วย

ผมขอให้เราแยกระหว่างกินเจ กับการทรมานตัวเองด้วยการทรง ออกจากกันนะครับ เพราะการกินเจ เป็นเรื่องที่ไม่ผิดและใครใคร่กินก็เชิญตามสบาย

แต่ดันมีการทรงเจ้า เข้าทรง โชว์การทรมานตนเอง อ้างเป็นอภินิหารของเทพเจ้า มาเกาะในเทศกาลกินเจด้วย

ผมจึงอยากให้พวกเราชาวพุทธ ได้รู้ว่า การทรมานตัวเองนี้ไม่ใช่วิถีพุทธมหายานด้วยซ้ำ แต่เป็นพวกเดียร์ถีย์นอกรีต ซึ่งในสมัยพุทธกาลจนถึงอินเดียในยุคปัจจุบัน ก็มีลัทธิทรมานตัวตน ลัทธิสุดโต่งมากมาย พระพุทธเจ้าไม่ทรงสอนให้เชื่อและศรัทธา หรืองมงาย นับถือลัทธิอะไรพวกนี้

แต่ไม่ใช่ว่าเรื่องพวกนี้จะไม่มีจริงนะ ก็มีจริงบ้าง เช่น เมื่อพวกฤาษี หรือ ดาบส บำเพ็ญญาณสมาบัติจนได้อิทธิฤทธิ์ เหมือนที่ เทวทัต เองก็เคยมีอิทธิฤทธิ์ แสดงปาฏิหาริย์ได้ แต่ฤทธิ์พวกนี้ไม่ยั่งยืน เพราะมีได้ ก็เสื่อมได้ เหมือนที่เทวทัตก็เคยเสื่อมฤทธิ์มาแล้ว

คลิกอ่าน เหตุเทวทัตเสื่อมฤทธิ์

แต่ม้าทรงทรมานตนเองส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยมันเป็นเรื่องหลอกตัวเองซะ 99% เพราะส่วนใหญ่เป็นการสะกดจิตตัวเองทั้งสิ้น ให้สังเกตว่า ประเพณีทรงเจ้า ม้าทรง เราจะไม่เคยเห็นหลวงจีนมาร่วมงานเลย เพราะนั่นไม่ใช่วิถีของพุทธมหายาน

แต่เป็นวิถีของพวกนักพรตนอกรีต ที่แอบอ้างตัวว่า นักพรตในลัทธิเต๋า (เพราะเต๋าแท้ ๆ ก็ไม่มีแบบนี้ครับ)

พวกนักพรตนอกรีตแอบอิงเต๋าพวกนี้ จะชอบแสดงอภินิหาร อิทธิฤทธิ์เพื่อโอ้อวดศักดาหวังให้คนกราบไหว้ศรัทธา หลงในไสยศาสตร์  แต่จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ เราคงเคยเห็นกันมากมายในหนังจีนแนวปราบผี 

เพราะหากเราเคยดูหนังจีนแนวผี เราจะเห็นพวกนักพรตหมอผี นั่นแหละครับ คือพวกที่สอนให้คนงมงายเรื่องทรงเจ้าเข้าผี หากเปรียบในเมืองไทยก็คือ พวกหมอผีที่เล่นไสยศาสตร์นั่นแหละ


ให้สังเกตว่า ในเทศกาลกินเจ ช่วงม้าทรงออกแสดงฤทธิ์ มีการทรงเห้งเจียด้วย นี่ยิ่งชี้ให้เห็นถึงการหลอกลวงครับ เพราะเห้งเจียไม่มีตัวตนจริง ๆ 

เพราะพระถังซัมจั๋งของแท้ ท่านไปอัญเชิญพระไตรปิฎกที่ชมพูทวีปเพียงลำพังรูปเดียวเท่านั้น แต่ผู้แต่งไซอิ๋ว เพิ่มตัวละครพวกลิง หมู ม้า เข้าไป เพื่อความสนุกสนานบันเทิงครับ

แต่ศาลเจ้าในประเทศไทยกลับมีรูปปั้นเห้งเจียให้คนได้กราบไหว้ขอพร


รูปปั้นเห้งเจีย รูปจากบล็อค อ.ศุภณัฏฐ์ อัฏฐวัฒน์


การแทงแก้ม แทงปาก การทรมานตนเองนั้นมีอยูในหลาย ๆ ประเทศ ก็มีทั้งหลอกลวง และแบบเทคนิคของนักมายากล หรือบางทีเกิดจากพลังสะกดจิตตัวเองจนเกิดพลังจิตใต้สำนึกให้ทำในสิ่งที่เกินกว่าคนทั่วไปจะทำได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร พวกนิยมเจาะ พวกซาดิตส์ก็ทำได้เช่นกัน

หมายถึง พวกม้าทรงแทงปากจริง แทงลิ้นจริง มีเลือดออกจริง ๆ แต่เสมือนการสะกดจิตตัวเองบนความเชื่อ จนเกิดมโนจิตจนหลอกตัวเองสำเร็จว่า ฉันจะไม่เจ็บปวด แต่นี่มันไม่ใช่ปาฏิหาริย์ มันเป็นเพียงกลวิธีดึงเอาพลังจิตใต้สำนึกส่วนตัวออกมาใช้ได้ผ่านความเชื่อความศรัทธาเฉพาะตน

ส่วนพวกม้าทรงที่พลาดบาดเจ็บหนักขึ้นมา จนต้องหามส่งโรงพยาบาล นั่นเพราะ หลอกตัวเองให้เชื่อไม่สำเร็จ จึงไม่เกิดพลังจิตใต้สำนึกที่ถูกต้อง เลยเกิดอาการหลุดจากมโน จนบาดเจ็บ


ถามว่า ที่ผมบอกว่าการทรงเจ้าเข้าทรง 99% คือหลอกลวง ส่วนอีก 1% ที่ผมว่าจริงคืออะไร ?

คำตอบก็คือ ร่างทรงของแท้ คือพวกสัมภเวสีเร่ร่อน ที่ต้องการกินเครื่องเซ่นไหว้ จึงได้มาเข้าสิงคนทรง

หรือที่แปลง่าย ๆ คือ ผีเข้า นั่นเอง แต่ผีพวกนี้ชอบโกหกว่าตัวเองเป็นเทพ เพื่อหลอกให้คนศรัทธา เพราะจริง ๆ แล้ว เทพแท้ ๆ หรือเทวดาชั้นสูงจะไม่มีทางเข้าร่างมนุษย์เด็ดขาดครับ เพราะกายเทพจะละเอียดจะสะอาด ส่วนกายหยาบของมนุษย์นั้นเสมือนของเน่าเหม็น เทพจะไม่มาเข้าร่างมนุษย์แน่นอน มีแต่พวกผี สัมภเวสี ที่พอมีอำนาจนิดหน่อยเท่านั้น ที่จะเข้าร่างมนุษย์ได้

ที่สำคัญพวกเทพชั้นสูงจะไม่กินของเซ่นครับ มีแต่พวกผีสางเท่านั้นกินของเซ่นได้


ทีนี้อาจมีคนสงสัยว่า แล้วไหว้บรรพบุรุษตอนตรุษจีนล่ะ บรรพบุรุษได้กินของเซ่นหรือไม่ ?

คำตอบคือ ถ้าบรรพบุรุษเป็นผีก็อาจได้กิน แต่ถ้าบรรพบุรุษไปจุติในภพภูมิอื่น ๆ แล้วเช่น ในนรก หรือบนสวรรค์ที่สูงกว่าชั้นจาตุมหาราชิกาขึ้นไป ก็จะไม่ได้กินของเซ่นครับ

ประเพณีไหว้บรรพบุรุษจีนนั้น เป็นเรื่องของลัทธิขงจื้อ ครับ ท่านขงจื้อได้สอนให้ลูกหลานเซ่นไหว้ คือกุโลบายเพื่อเป็นการระลึกพระคุณบรรพบุรุษ และเป็นกุศโลบายทำให้ลูกหลานได้กลับมาพร้อมหน้ากัน เพื่อความสามัคคีกันในตระกูลครับ

ส่วนการไหว้เจ้า หรือไหว้องค์เทพ ก็เพียงแสดงความเคารพต่อเทพยดา ซึ่งเทพยดา ท่านก็ไม่ได้ลงมากินของเซ่นไหว้หรอกครับ แต่ท่านอาจจะร่วมยินดีอำนวยพรความสุขความเจริญให้แก่ผู้คนที่เซ่นไหว้ท่านเท่านั้น

หากอยากได้รับคำอวยพรจากเทพยดาจริง ๆ ผมแนะนำว่าเวลาคุณให้ทำบุญทำทานทุกครั้ง ก็ให้อุทิศส่วนกุศลแด่เทพยดา หรือเทวดาด้วย เท่านั้นก็พอครับ และเทวดาจะอำนวยพร อารักษ์ให้ท่านเอง เป็นการตอบแทน



วันอังคารที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2555

นับถือเจ้าแม่กวนอิมก็ไม่ต้องเลิกกินเนื้อวัว !!






เมื่อองค์หญิงเมี่ยวซาน เสด็จไปพบพระบิดาในนรก ได้ช่วยให้พระบิดาจนพ้นนรก แต่พระบิดาต้องกลับชาติมาเกิดเป็นวัว 500 ชาติ เพื่อชดใช้บาปกรรมที่พระองค์เคยกระทำโหดร้ายสมัยเป็นฮ่องเต้

ถามว่า องค์หญิงเมี่ยวซานก็จึงสอนให้สาวกของพระองค์ไม่ทานเนื้อวัว เพราะกลัวจะไปกินเนื้อพระบิดาของตนที่เป็นวัวหรือเปล่า ? (เดี่ยวมีเฉลย)


แต่ถ้าสมมุติว่า พระบิดาบอกว่า "เมี่ยวซ่านเอ๊ย ถ้าคนไม่กินเนื้อวัว พ่อก็กว่าจะสิ้นกรรม ก็โคตรนานเลยนะลูก ทำไมไปสอนผู้คนแบบนั้นเล่า ?

พ่อยินดีพลีกายเป็นอาหารแก่เหล่าสรรพสัตว์ เพื่อมหากุศลและเพื่อชดใช้กรรมที่พ่อได้กระทำ พ่อจะได้หมดกรรมเร็ว ๆ นะลูกนะ"

ฉะนั้น แม้ผม ใหม่เมืองเอก จะเคารพเจ้าแม่กวนอิม แต่ผมยังกินลูกชิ้นเนื้อวัวอยู่ ไงครับ 5555

นี่เป็นทฤษฎีของผม ใครจะเชื่อก็เชิญ 55555


สมมุติ ถ้าเกิดพระบิดาองค์หญิงเมี่ยวซัน ไปเกิดเป็นปลา สงสัยสาวกเจ้าแม่กวนอิม ก็คงต้องเลิกกินปลาด้วย ใช่หรือไม่ ? 555

สรรพสัตว์ทั้งหลาย ล้วนเคยเกิดเป็นสัตว์มาแล้วทุกชนิด ฉะนั้น ผมเลยไม่เชื่อว่า เจ้าแม่กวนอิม จะสอนคนให้ไม่กินเนื้อวัวเท่านั้น !!

-----------------------

ใครเคยดูซีรีย์เกาหลีเรื่อง เจจุงวอน บ้าง ?

พระเอกเป็นลูกชายคนฆ่าวัว ต่อมาพระเอกก็มีอาชีพฆ่าวัวตามพ่อ ซึ่งอาชีพฆ่าวัว ถือเป็นชนชั้นระดับจัณฑาลในยุคปลายสมัยโชซอนเลย

แม่ของพระเอกเคยสอนตำนานเรื่องนึงให้พระเอกรู้ว่า วัว เคยเป็นองค์ชายบนสวรรค์ แต่เพราะทำผิดกฎสวรรค์ เลยถูกลงโทษให้มาเกิดเป็นวัว

ดังนั้นคนฆ่าวัว คือ ผู้ที่ช่วยให้ วัว ได้กลับขึ้นสวรรค์เร็วขึ้น ฉะนั้นคนฆ่าวัวก็ต้องฆ่าวัวด้วยความเคารพและเมตตาต่อวัว

ผมว่าก็คงคล้ายที่ชาวมุสลิมฆ่าวัว เขาจะมีวิธีการฆ่าวัว ที่ต้องไม่ให้วัวทรมานตามแบบศาสนากำหนด

-----------------

พระจี้กง กินเนื้อ !!

พระจี้กง กินเหล้า กินเนื้อสัตว์ โดนพระยุคนั้น หาว่า เป็นพระนอกรีต เป็นพระบ้า แต่หารู้ไม่ พระจี้กง คือ อรหันต์จี้กง

ชัดมั้ยครับ ? กินเนื้อสัตวฺ์ ไม่บาป !!

พระจี้กงมีคนเคารพศรัทธามาก ใครเคยดูหนัง หรืออ่านประวัติพระจี้กงไม่เข้าใจ แสดงว่า ยังต้องศึกษาธรรมอีกมาก



แล้วทำไมพระจี้กงจึงกินเนื้อสัตว์ ?

เพราะเรื่องกินเนื้อสัตว์ มันไม่บาปอยู่แล้ว ท่านจึงฉันได้ เพราะท่านมองมันเป็นแค่อาหารธาตุเพื่อการดำรงชีวิตเท่านั้น

แล้วเรื่องท่านดื่มเหล้าได้ล่ะ ?

ดื่มเหล้าผิดศีลแน่นอนครับ แต่พระจี้กง ไม่ได้ผิดศีลครับ เพราะอรหันต์จี้กง มีฤทธิ์มาก ตอนเทเหล้าให้คนเห็นว่าเป็นเหล้า แต่พอเทเหล้าลงขวดน้ำเต้า เหล้ากลายเป็นน้ำเปล่าทันที ด้วยอิทธิฤทธิ์ของอรหันต์ครับ

เพราะพระจี้กง ท่านรู้ว่า ผู้คนจำนวนมากกำลังหลงผิดว่า การกินเจเป็นกุศล การกินเนื้อเป็นบาป ท่านก็เลยกินเนื้อสัตว์ประชดซะเลย

-------------------

เฉลยทำไม นับถือเจ้าแม่กวนอิม ก็กินเนื้อวัวได้ ?

คนที่นับถือเจ้าแม่กวนอิม ไม่ต้องเลิกกินเนื้อวัวก็ได้ เพราะ

เจ้าแม่กวนอิม ถึงท่านไม่กินเนื้อสัตว์ แต่ท่านไม่เคยสอนให้ใครไม่กินเนื้อสัตว์

แต่ที่เจ้าแม่กวนอิมไม่กินเนื้อสัตว์ เพราะท่านกินไม่ได้ ท่านเป็นเช่นนี้มาแต่กำเนิด เป็นธรรมชาติเฉพาะตนของท่านเอง

และเจ้าแม่กวนอิม ไม่เคยสอนให้สาวกเลิกกินเนื้อวัว แต่สาวกในไทยต่างคิดพร้อมใจไม่กินเนื้อวัวกันเอง เพราะกลัวจะไปกินเนื้อของพระบิดาของเจ้าแม่กวนอิม

ฉะนั้น ใครที่กินเนื้อวัว ก็สามารถนับถือเจ้าแม่กวนอิมได้ ไม่ใช่ข้อห้ามแต่อย่างใดครับ

หากใครไม่เชื่อ ก็ลองไปสิงคโปร์ ฮ่องกง หรือเมืองจีนดูสิครับ เขานับถือเจ้าแม่กวนอิม แต่คนจีนส่วนใหญ่ไม่เห็นจะเลิกกินเนื้อวัวกันเลยครับ

เพราะเจ้าแม่กวนอิม ท่านเมตตาต่อสรรพสัตว์เท่าเทียมกันหมด โดยไม่คิดแบ่งแยกว่า จะเป็นสาวกของท่านหรือไม่ ? นับถือท่านหรือไม่ ?

จะต่างชาติต่างศาสนาต่างความเชื่อ ก็มานับถือเจ้าแม่กวนอิมหรือศาสนาพุทธได้ทั้งนั้น ศาสนาพุทธของเราไม่ได้เรื่องมาก จุกจิก ห้ามคนมานับถือเพราะนั่นเพราะนี่หรอกครับ อย่าไปหลงกับกระพี้ที่ไม่ใช่แก่นแท้แห่งธรรม

เจ้าแม่กวนอิมท่านจะช่วยเหลือสรรพสัตว์ทั้งหมด ไม่ว่าคน ๆ นั้นจะกินเนื้อวัว หรือกินเนื้อสัตว์ทุกชนิดหรือไม่ก็ตาม

และไม่ว่าจะวัว จะปลา จะหมู จะไก่ หรือสัตว์ใด เจ้าแม่กวนอิมก็ถือว่าเท่าเทียมกันทั้งสิ้น

สมมุติถ้าเจ้าแม่กวนอิมจะสอนให้สาวกเลิกกินเนื้อสัตว์จริง ๆ  ท่านก็คงจะสอนให้เลิกกินเนื้อสัตว์ทุกชนิดมากกว่า เพราะเจ้าแม่กวนอิมจะไม่เลือกที่รักมักที่ชัง

ไม่เช่นนั้น เจ้าแม่กวนอิม คงไม่ตั้งจิตอธิษฐานช่วยเหลือทุกสรรพสัตว์จนเข้านิพพานจนหมด แล้วท่านจะขอเข้าสู่นิพพานเป็นคนสุดท้ายหรอกครับ

จริง ๆ แล้วเจ้าแม่กวนอิมเองไม่ทานเนื้อสัตว์ทุกชนิด แต่นั่นคือวิถีเฉพาะตนของท่านเอง

ตามหลักมหายาน เจ้าแม่กวนอิมจะรอเข้าสู่นิพพานเป็นคนสุดท้าย ซึ่งท่านจะไม่กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก แต่ท่านจะรออยู่ที่แดนสุขาวดีก่อนเข้าพระนิพพาน

----------------------

สรุป

ผมสนับสนุนการสอนให้คนละเลิกการกินเนื้อสัตว์ เพื่อลดการเบียดเบียนทางอ้อม เป็นหลักอุปสงค์ อุปทาน ตามหลักเศรษฐศาสตร์

แต่ตามหลักมหายาน หลวงจีนเองก็ไม่เคยสอนว่า กินเนื้อสัตว์แล้วบาป

-----------------

ซึ่งที่ผมเขียนมาทั้งหมด คือ ผมต่อต้านการสอนผิด ๆ ที่ว่า กินเนื้อสัตว์เป็นบาป ครับ


ใหม่เมืองเอก..

คลิกอ่าน การกินเจไม่ได้บุญ กินเนื้อสัตว์ก็ไม่บาป โดยสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จสังฆราชฯ

คลิกอ่าน akecity แจงเหตุผลว่า ทำไมกินเนือสัตว์ไปบาป


วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2555

akecity แจงเหตุผลที่ว่า ทำไมกินเนื้อสัตว์ไม่บาป !!






บทความนี้ ต่อจากบทความเอามันส์ ลัทธิไม่กินเจ ลัทธิใหม่เมืองเอก 555

เหตุผลที่กินเนื้อสัตว์แล้วไม่บาป ตัวอย่างเช่น

1. ถ้ามีวัวถูกฟ้าผ่าตายกลางทุ่งนา ชาวบ้านจะเอาวัวไปฝังก็เสียของ จึงได้เอาวัวนั้นไปทำอาหารกิน

ถามว่า ชาวบ้านบาปหรือไม่? ที่เอาเนื้อวัวที่โดนฟ้าผ่าตาย มากิน ??

2. ถ้าชาวเรือเดินเรือแล้วเจอพายุพัดจนเรือเสียหาย ไม่สามารถเดินเรือต่อไปได้ ต้องซ่อมเรือ แต่ระหว่างนั้นอาหารเกิดหมด แต่บังเอิญมีปลาที่ถูกพายุพัดขึ้นมาบนเรือ ตายบนเรือจำนวนมาก

ถามว่า ชาวเรือนำปลาพวกนั้นมากินเพื่อประทังชีวิตต่อไป ชาวเรือนั้นบาปหรือไม่?

3. ผมเคยถามครูของผมที่นับถืออิสลาม ผมถามว่า ถ้าเกิดในภาวะน้ำท่วม อุทกภัยอย่างหนัก ครูต้องติดอยู่ในบ้าน ขาดการติดต่อจากภายนอก เกิดภาวะขาดแคลนอาหาร แต่บังเอิญเจอหมูตายเพราะน้ำท่วม ถามว่า เอาหมูนั้นมากินได้มั้ย?

ครูมุสลิมคนนี้ตอบว่า เพื่อประทังชีวิตก็กินได้ เมื่อคราวจำเป็นเท่านั้น

4. พระพุทธเจ้า สมัยยังเป็นพระโพธิสัตว์เคยเสวยพระชาติเป็น นกกระสา ซึ่งตามปกตินกกระสาต้องกินปลาตัวเล็กๆ แต่พระโพธิสัตว์ จะไม่กินปลาที่มีชีวิต จะคอยเลือกกินแต่ปลาที่ตายแล้วเท่านั้น

เทวดาจึงลองใจ แปลงร่างมาเป็นปลาตาย พอนกกระสาพระโพธิสัตว์ มาเจอปลาที่ตายแล้ว จึงได้กลืนลงคอ แต่แล้วจู่ ๆ  ปลาเทวดาก็เกิดดิ้นขึ้นมาอีก นกกระสาตกใจมาก ถึงกับพยายามขย่อนปลาตัวนั้นออกมาทันที

จากนิทานชาดกเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า กินเนื้อสัตว์ไม่บาป

ทั้งหมดที่ผมอธิบายนี้ ประเด็นสำคัญของเรื่องก็คือ สัตว์ต่าง ๆ ที่ตายแล้ว ก็เป็นเพียงธาตุต่าง ๆ ที่ต้องคืนแก่แผ่นดินต่อไป จะสัตว์หรือพืช เมื่อตายแล้วก็ไม่ต่างกัน สุดท้ายก็จะสูญสลายไปกับดิน

การที่นำซากสัตว์ที่ตายแล้วนั้น มาประทังชีวิตอยู่ จึงไม่ใช่เรื่องบาปอย่างไร

เพราะบาปจากการเบียดเบียนชีวิต ก็คือ การเจตนาฆ่าสัตว์ ตามศีลข้อที่1 นั่นเอง

ศาสนาในโลกใหญ่ ๆ ทั้งพุทธ คริสต์ อิสลาม ฮินดู ก็ไม่มีคำสอนที่บอกว่า กินเนื้อสัตว์แล้วบาป เพียงแต่ห้ามในสัตว์บางชนิด

ส่วนพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ที่อยู่ได้เพราะการขออาหารจากพุทธบริษัท  ท่านก็มองแค่ว่าอาหารมันคืออาหาร ท่านไม่ได้มองว่า อาหารนั้นคือสัตว์หรือผัก

แม้แต่พระในมหานิกาย หรือ หลวงจีน ที่กินอาหารเจ ก็ไม่เคยสอนว่า กินเนื้อสัตว์แล้วบาป เพราะหลวงจีนจะสอนเพียงแค่ว่า การงดกินเนื้อสัตว์ แล้วมีเจตนาเพื่อลดการฆ่าสัตว์ลง นั้นถือเป็นกุศล 

"กินเนื้อสัตว์นั้นไม่บาป แต่ถ้าลดละการเลิกการกินเนื้อสัตว์ได้โดยจิตคิดว่าลดการเบียดเบียนชีวิต ก็ถือเป็นกุศลจิต"

แต่กุศลที่ได้นั้น ไม่ได้จากเกิดการการไม่กินเนื้อสัตว์ แต่กุศลที่ได้นั้น เกิดจากจิตมีเจตนาลดละการเบียดเบียนชีวิตผู้อื่นนั่นเอง

แต่จิตที่คิดเองว่า ลดการฆ่านั้น เป็นเพียงจิตที่มโนขึ้นมา แต่ไม่ได้ไปช่วยชีวิตสัตว์จริง ๆ จิตที่มโนเองแบบนี้อาจมีกุศลบ้างเล็กน้อยเพราะจิตเจตนาดี แต่เสี่ยงมีความหลงผิดอยู่มาก นั่นคือ ความเชื่อที่ว่า กินเจแล้วได้บุญเป็นความหลงผิด และถ้ายิ่งเชื่อว่า กินเนื้อสัตว์เป็นบาป นี่คือความเชื่อของลัทธิเทวทัตเลย

ฉะนั้น จงอย่าเชื่ออะไรที่ติงต๊องว่า กินเนื้อสัตว์แล้วบาปเด็ดขาดนะครับ ขอบอก

------------------

ถามเล่น ๆ ถ้าพระเจ้าลงโทษคุณ ให้ไปเกิดเป็นวัว 500 ชาติ

ถาม ถ้าคุณมีบาปต้องชดใช้ แล้วให้คุณเลือกไปเกิดเป็นวัวที่ทำงานหนักจนแก่ตาย 500 ชาติ กับ ให้เลือกไปเกิดเป็นวัวที่ต้องถูกฆ่าเป็นอาหารแค่ 50 ชาติ

คุณจะเลือกไปเกิดแบบไหนดี ??


การที่สัตว์เกิดมาเป็นอาหาร เขาได้ใช้กรรมเร็วขึ้น

เช่น ถ้าต้องเกิดเป็นวัว 500 ชาติ แต่ต้องเป็นวัวทำงานหนักในท้องนา จนแก่ตาย กว่าจะเกิดเป็นวันครบ 500 ชาติ ต้องเสียเวลานานมาก

แต่การเกิดเป็นวัวที่ต้องมาเป็นอาหารมนุษย์ เช่น โคขุน ก็จะได้กินดีอยู่ตลอดชีวิต แต่อายุสั้น เพราะต้องฆ่ามาเป็นอาหาร แต่ถ้าเกิดเป็นวัวแบบนี้  การเกิดเป็นวัว 500 ชาติ ก็จะใช้แป๊บเดียวก็หมดกรรม

แต่แน่นอนสัตว์ทุกชนิดย่อมรักชีวิตเป็นพื้นฐาน ฉะนั้นเราควรละเว้นการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตตามศีลข้อ 1 กำหนด

--------------

พระธุดงค์พลีร่างกาย

พระธุดงค์ เจอเสือที่กำลังหิวโซในป่า พระสิ้นทางหนี เสือกำลังจะเข้ามาฆ่าพระธุดงค์นั้น

พระธุดงค์นั้น ทำใจว่า คงไม่รอดเป็นเหยื่ออันโอชะ แก่เสือนั้นแน่นอนแล้ว

พระธุดงค์ จึงแผ่เมตตาว่า หากเราเคยมีกรรมเวรต่อกันแต่อดีต ก็ขอให้ท่านเสือ จงมารับร่างกายที่ผุพังของข้าพเจ้าไปเป็นอาหารเพื่อประทังชีวิตของท่านเถิด เราจะไม่ถือโทษโกรธท่านเลย

ขอจงอโหสิกรรมซึ่งกันและกันเถิด

เสือก็ได้เข้ามาขย้ำพระธุดงค์เป็นอาหาร พระท่านยอมเสียสละร่างกายเพื่อเป็นอาหารแก่เสือ ด้วยดวงจิตเบิกบาน

พระธุดงค์รูปนั้นได้ตรัสรู้ฉับพลันก่อนสิ้นใจ ได้เป็นอรหันต์ในทันที!!

-------------------------

ไม่กินเนื้อสัตว์ได้ก็ดี แต่

ถ้าใครกินมังสวิรัติและเจได้ผมยินดีและชื่นชมครับ เพราะกินเนื้อสัตว์แล้วร่างกายหนัก กินผักธัญพืชร่างกายเบาสบาย ใครเคยกินติดต่อกันสัก 2 วันก็เห็นผล

แต่ที่ผมต่อต้านมีเรื่องเดียวคือ อย่ามาบอกว่ากินมังสวิรัติหรือกินเจได้บุญ หรือบอกว่าใครกินเนื้อสัตว์เป็นบาป เพราะไม่งั้นช้างม้าวัวควายก็เป็นเทวดาไปแล้ว 

ส่วนพระเทวทัตตั้งใจมากินมังสวิรัติเพื่อจะบอกว่า กินเนื้อสัตว์เป็นบาป เจตนาเพื่อให้ร้ายพระพุทธองค์

เพราะพวกสติปัญญาตื้นเขินจากการศึกษาพระธรรมแบบผิวเผิน หรือพวกที่ไม่เคยศึกษาพระธรรมเลย จึงมักหลงเชื่อตรรกะกินเนื้อสัตว์เป็นบาปนี้ได้โดยง่าย พระเทวทัตรู้ดี จึงยกตรรกะนี้มาใช้เพื่อทำลายพระพุทธเจ้าครับ

ศาสนาพุทธเน้นเรื่องเจตนา และใจ เป็นหลัก

หากกินเจแต่ปรุงแต่งให้เชื่อให้ดูเหมือนเนื้อสัตว์ มันก็นึกคิดปรุงแต่งว่า กำลังกินเนื้อสัตว์ นั่นแหละ


ใครบอกว่ากินเนื้อสัตว์แล้วบาป คือพวกลัทธิเทวทัต !!

พระพุทธเจ้าท่านสอนให้ใจไม่ปรุงแต่งอาหารไปว่านั่นคือสัตว์ หรือนั่นคือผัก แต่ให้มองว่ามันคืออาหารที่มาเลี้ยงดูชีวิตให้ดำรงอยู่เท่านั้น

ไม่ใช่แค่เรื่องอาหารแล้วปรุงแต่งไปว่า ฉันกินผักฉันดีกว่าประเสริฐกว่าคนกินเนื้อสัตว์ เพราะฉันได้บุญเพราะกินผักกินเจ

พระพุทธเจ้าท่านสอนให้ไม่สำคัญมั่นหมาย ว่าอะไรเป็นอะไร ให้ถือว่าเป็นธาตุ เป็นธาตุตามธรรมชาติ เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย ตามธรรมดา

-------------------

เหตุผลสำคัญที่พุทธศาสนา กำหนดให้การกินเนื้อสัตว์ไม่บาป

เหตุเพราะภิกษุ คือ ผู้อยู่ได้ด้วยการขอ เช่น ขออาหาร ขอเครื่องนุ่งห่ม

ดังนั้น เมื่อเวลาภิกษุเดินทางไปในที่ต่าง ๆ ก็จะมีชีวิตอยู่ได้จากการให้อาหารจากผู้คนทั่วไป

เช่น ถ้าภิกษุเดินทางไปเผยแพร่พุทธศาศาสนา แล้วไปเจอหมู่บ้านนายพราน ถ้าพวกนายพรานเขาจะบริจาคอาหารที่ทำจากเนื้อสัตว์ให้ภิกษุ ภิกษุก็ไม่อาจปฏิเสธได้ เพราะภิกษุเป็นผู้ดำรงชีวิตด้วยการขอ และต้องอยู่ง่าย กินง่าย

หากภิกษุปฏิเสธในสิ่งที่นายพรานเขาจะบริจาคให้เสียตั้งแต่แรก ก็จะกลายเป็นการปิดหนทางที่จะสั่งสอนในสิ่งที่ถูกต้องให้กับพวกเขา และปิดโอกาสการเผยแพร่ศาสนาให้กับพวกเขาได้


หลักปาณาติบาตนั้น จะสำเร็จเป็นกรรมบถได้ ต้องประกอบด้วยองค์ 5 คือ

1. สัตว์มีชีวิต

2. รู้ว่าสัตว์มีชีวิต

3. มีจิตคิดจะฆ่า

4. พยายามเพื่อจะฆ่า

5. สัตว์ตายด้วยความพยายามนั้น

เมื่อครบองค์ประกอบทั้ง 5 ประการนี้แล้ว ก็เป็นอันก้าวล่วงกรรมบถ แต่ถ้าไม่ครบองค์ 5 ประการนี้แล้ว ก็ไม่ชื่อว่า สำเร็จกรรมบถ

--------------

ประเด็นซื้อเนื้อสัตว์มาทำอาหาร เป็นการส่งเสริมการฆ่าสัตว์หรือไม่ ?

มีคนบอกว่า คนที่ซื้อเนื้อสัตว์มากิน ก็เท่ากับไปสนับสนุนให้มีคนฆ่าสัตว์นั้น 

ถือว่า ถูกต้องตามหลักอุปสงค์อุปทาน ทางหลักเศรษฐศาสตร์ครับ แต่ไม่ถูกต้องตามหลักของศีลปาณาติบาต

เพราะคนที่ฆ่าสัตว์มาขาย เขาคิดเองนึกเองไปก่อน ว่า ถ้าเขาฆ่าสัตว์แล้วนำเนื้อมาขาย ก็จะต้องมีคนมาซื้อ เขาถึงได้ฆ่า แล้วจึงนำมาวางขาย บาปจากการฆ่าจึงสำเร็จสมบูรณ์ด้วยตัวผู้ฆ่าเอง 

เพราะเหตุมันเกิดจากคนฆ่าคิดนึกเอาเอง จึงกระทำบาปด้วยการฆ่า ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงสอนว่า อย่าฆ่าสัตว์เท่านั้น ครับ

หากเชื่อพระพุทธเจ้าตั้งแต่แรก ก็จะไม่มีการฆ่าสัตว์เกิดขึ้นตั้งแต่แรก แต่คนฆ่าสัตว์กระทำชั่วเอง อยากได้เงินจากการฆ่าเพื่อเอาเนื้อมาขาย แต่กลับโยนความผิดให้คนซื้อเนื้อแทนตน

ฉะนั้น การฆ่าสัตว์แล้วเอามาวางขาย จึงจะมาโทษคนซื้อเนื้อสัตว์ไม่ได้ เพราะเหตุที่คนอื่นซื้อเนื้อสัตว์ก็เพื่อทำอาหารเท่านั้น แต่ไม่ใช่เหตุไปสั่งให้ใครฆ่าสัตว์มาขาย

----------------

ที่ประเทศภูฏาน พืชผักที่เขาเพาะปลูกไม่มีการใช้ยาฆ่าแมลงเลย เพราะคนภูฏานเชื่อว่า การใช้ยาฆ่าแมลงในการเพาะปลูกคือการทำบาปเช่นกัน

ถามว่า คนไทยที่กินผักน่ะ ผักที่กินยังใช้ยาฆ่าแมลงอยู่หรือไม่ ?

ถ้าผักที่ใช้กินเจยังปลูกด้วยการใช้ยาฆ่าแมลง มันก็บาปอยู่ดีล่ะวะ


ใหม่เมืองเอก..




คลิกอ่าน ลัทธิไม่กินเจ ลัทธิใหม่เมืองเอก

คลิกอ่าน นับถือเจ้าแม่กวนอิม ก็ไม่ต้องเลิกกินเนื้อวัว !!




วันเสาร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ลัทธิไม่กินเจ ลัทธิใหม่เมืองเอก 555







กินเจ เป็นเทศกาลที่หลอกตัวเอง ใครไม่ชอบความคิดนี้ จงอย่าอ่านต่อไป เพราะมันจะทำให้คุณไม่เจ 555

เพราะผมใหม่เมืองเอก ไม่กินเจ เพราะไม่เคยเชื่อเรื่องกินเจ ผมเชื่อว่า ไม่กินเจ อาจยิ่งได้บุญกว่ากินเจ ใครใคร่อยากได้บุญแบบไม่ต้องกินเจ จงมาเข้าลัทธิไม่กินเจ ของผม ณ. บัดนาว

ลัทธิใหม่เมืองเอก ลัทธิของคนไม่กินเจ ว่ะ (เขียนเอาฮา อย่าคิดมากกันนะ)

หลักกูของ ลัทธิใหม่เมืองเอก

1. ตัวอย่างเช่น ถ้าผมเกิดเป็นหมู ผมคิดว่า ถ้ามีคนเอาผมไปกิน ผมคงได้ไปเกิดใหม่เร็ว เช่น หากผมต้องเกิดเป็นหมู 500 ชาติ ถ้าคนไม่รีบเอาผมไปกินเร็ว ๆ ผมก็ต้องเป็นหมูแต่ละชาตินานมากเลยจริงมั้ย? แล้วเมื่อไหร่ผมจะหมดกรรมสักทีวะ 555

2. การกินเจ ทำให้สัตว์ต้องทนทุกข์เป็นสัตว์นานเกินไป เราต้องช่วยกินเขาเพื่อช่วยให้สัตว์นั้น ๆ ได้บุญจากการเสียสละชีวิตเพื่อเป็นอาหารของเราครับ 555

3. ต้องตรงกันข้ามกับลัทธิเทวทัต เพราะเทวทัต เคยทูลขอพระพุทธเจ้า ให้ศาสนาพุทธ และพระ เลิกกินเนื้อสัตว์ เนื่องจากลัทธิใหม่เมืองเอก ไม่ชอบเทวทัต เลยต้องกินเนื้อสัตว์ ไง 5555

4. การกินเจ มาพร้อมความเชื่อเรื่องการทรมานตัวเอง เช่นแทงปาก เข้าทรง ปีนบันไดมีด นี่มันพวกนอกรีตชัดๆ ผมไม่สนับสนุนความเชื่อติงต๊องเช่นนี้ จึงไม่กินเจ 5555

5. อาหารเจ แมร่งทำผักแพง แถมอาหารเจแมร่งแพงกว่าอาหารปกติ แถม ยังใส่ผงชูรสมากกว่าปกติ เพราะถ้าไม่ใส่มากๆ มันไม่อร่อย พวกชอบแฟชั่นกินเจ ก็ล้วนติดในความอร่อย แสวงหาความอร่อยที่ใกล้เคียงเนื้อสัตว์ นั่นเพราะใจยังยึดติดกับกินเนื้อสัตว์นั่นเอง

ท่านพุทธทาส เคยกล่าวว่า จงกินอาหารสักแต่ว่าคืออาหาร ไม่ได้กินเพราะนี่คือสัตว์หรือผัก เพราะนั่นคือผู้อยู่ยาก เพราะยังเลือกกิน

เช่น หลายคนเสาะแสวงหาร้านอาหารเจ ที่ปรุงรสชาติเหมือนได้กินเนื้อสัตว์ ยิ่งร้านเจร้านไหน ปรุงอาหารเจมีรสชาติใกล้เคียงเนื้อสัตว์มากที่สุด ผู้คนก็จะแห่ไปกินกันมาก

ทำให้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตำรวจจับโรงงานผลิตโปรตีนเจปลอมได้บ่อยครั้ง เพราะมีการนำเนื้อสัตว์แท้ ๆ มาปนเปื้อนในผลิตภัณฑ์โปรตีนเจ

เจ้าของโรงงานโปรตีนเจปลอม ให้การว่า การปลอมปนเนื้อสัตว์เข้าไปในโปรตีนเจด้วยทำให้ขายดีขึ้นมาก เพราะร้านอาหารเจ จำนวนมากนิยมซื้อไปปรุงหลายร้าน เพราะลูกค้าที่กินจะชมว่า ร้านอาหารเจร้านนี้เก่งจัง สามารถทำอาหารเจได้อร่อยได้ใกล้เคียงเนื้อสัตว์แท้ ๆ

แล้วจะกินเจไปทำไม ? ถ้าใจยังอยากกินเนื้อสัตว์อยู่ดี

ท่านพุทธทาสเคยกล่าวว่า "กินผักแต่ใจปรุงแต่งว่ายังกินเนื้อ มันก็ใจยึกษ์ ส่วนคนกินเนื้อกินผักแต่ใจพิจารณาว่ามันเป็นเพียงอาหารประทังชีวิตก็ใจพระ"


6. จงภูมิใจที่ได้ซื้ออาหารที่มีเนื้อสัตว์ ในช่วงเทศกาลกินเจ ยิ่งถือถุงไก่ย่าง ปลาเผา ฯลฯ เดินผ่านร้านขายอาหารเจ แม่งยิ่งโคตรภูมิใจเลยว่ะ 555

7. เพราะผมชอบกินขึ้นช่ายมาก ๆ ซื้อขึ้นช่ายติดบ้านตลอดเวลา เทศกาลเจ แม่งทำขี้นช่ายของผม แพงขึ้นกว่าเท่าตัว
ดังนั้น ผมเลยไม่ชอบเทศกาลกินเจ เพราะกินเจ มันทำให้ขึ้นช่ายของผม แพงโว้ย !! (ข้อนี้ส่วนตัวไปหน่อย 555)


สรุปว่า ใครใคร่อยากกินเจ ก็กินไป แต่อย่ามากล่าวหาคนกินเนื้อสัตว์เป็นบาป เพราะมันขัดหลักพุทธศาสนา ไว้ผมจะหาประวัติกินเจจริงๆ มา จำได้ว่า แรกเริ่มเดิมทีไม่เกี่ยวกับเรื่องได้บุญเลย แต่เพราะเมืองจีนสมัยก่อนมันอดอยากมาก เลยต้องกินผัก และจริงๆ แล้ว กินผักก็เพื่อสุขภาพ ไม่เกี่ยวกับได้บุญ

ถ้าใครอยากอ้างว่า กินเจได้บุญ ผมขอบอกว่า ใครอยากจะเชื่อก็เชื่อไป ผมไม่ขัดข้อง !!

แต่อย่ามาใส่ร้ายคนกินเนื้อสัตว์เป็นบาป !! 

เพื่อนๆ คงได้สาระหลักกู ของลัทธิใหม่เมืองเอก ไปครบถ้วนกันแล้วนะ

ในเรื่องการเผยแพร่พระพุทธศาสนาในยุคแรก ๆ นั้น หากพระไปเจอนายพราน แล้วนายพรานเอาเนื้อมาถวายพระ ถ้าอยู่ ๆ พระไปบอกนายพรานว่า "อาตมาไม่กินเนื้อ เพราะกินเนื้อสัตว์บาป"

รับรองว่า นายพรานที่ยังไม่มีจิตเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา เขาก็จะคิดว่า "มึงไม่กินก็อย่ากิน กูอุดส่าห์ แบ่งมาให้มึงกิน ยังเสือกเรื่องมาก"

เพราะ พระ ต้องพึ่งพาอาศัยชาวบ้านในการดำรงชีวิตอยู่ พระจะมาเลือกกินโน่นกินนี่ไม่ได้ เพราะ ภิกขุ แปลว่า ผู้ขอ

หลักพระพุทธศาสนาในศีลข้อแรก จึงสอนว่า ห้ามฆ่าสัตว์

หากหยุดการฆ่าสัตว์ได้ ก็ไม่มีการเบียดเบียนแล้วครับ ไม่ใช่สอนให้ไม่กินเนื้อสัตว์

เช่น เมื่อพระจะสอนนายพรานน้อมจิตรับศีล เมื่อรับศีลแล้ว พระก็ไม่ได้บังคับว่า นายพรานต้องเลิกอาชีพล่าสัตว์ แต่จะสอนว่า ถ้าละเว้นการฆ่าสัตว์ได้ ย่อมเป็นผู้ไม่เบียดเบียนชีวิต

รายละเอียด เรื่องนี้ จริงๆ มีเพียบ เป็นปุจฉา-วิสัชนา ของผมกับเพื่อนๆ  แต่ต้องหาอ่านในเฟซของผมเท่านั้น เพราะขี้เกียจลงครบครับ ^^

ทุกวันนี้ กินเจ มันกลายเป็นแนวการตลาดของธุรกิจไปแล้ว ลองไปอ่านที่มาประวัติกินเจ ดู แล้วจะรู้ว่า จริงๆ แล้ว ที่มาการกินเจส่วนใหญ่ไม่เกี่ยวกับได้บุญตรงไหนเลยว่ะ คลิกอ่านประวัติกินเจ

ส่วนใครจะลอกไป ให้เครดิตด้วยนะโว้ย 555



การทำการเกษตรที่ประเทศภูฎาน จะไม่มีการใช้ยาฆ่าแมลงใด ๆ เลย เพราะชาวภูฏานถือว่า การใช้ยาฆ่าแมลงในการเพาะปลูกพืช ก็ถือเป็นการทำบาปจากการฆ่า

ดังนั้นพืชผลผลิตการเกษตรของภูฏานจึงเป็นพืชผักออแกนิค 100 %

ในขณะที่พืชผักในประเทศไทยส่วนใหญ่มีการใช้ยาฆ่าแมลงมากติดอันดับต้น ๆ ของโลก

การกินผักของประเทศไทยเลยจึงเท่ากับช่วยทำลายสิ่งแวดล้อม ทำลายสุขภาพ และฆ่าสัตว์หรือไม่ ?

เพราะสารตกค้างจากยาฆ่าแมลงย่อมมีผลต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งย่อมมีผลต่อสัตว์ทุกชนิดที่ได้รับสารเคมีเช่นกัน


คลิกอ่าน akecity แจงเหตุผล ทำไมกินเนือสัตว์ไม่บาป !!




เมื่ออาจารย์จากนิด้า vs ชาวนาตัวจริง






รายการคมชัดลึกทอล์ค ได้นำอาจารย์จากนิด้า มาพูดคุยกับชาวนาตัวจริง ถึงปัญหาโครงการจำนำข้าว ซึ่งเป็นการพูดคุยแบบหาทางออกที่ดีเพื่อชาติและชาวนาร่วมกัน

ผมตั้งใจดูรายการนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งได้ประโยชน์มากๆ เป็นการพูดคุยกันอย่างสร้างสรรค์ ไม่ใช่เอาแต่เถียงข้างๆ คู ๆ แบบพวกฟายแดงโง่ชอบทำ เพราะพวกฟายแดงเอาแต่หลับหูหลับตาเชียร์รัฐบาลแบบโง่ๆ

รายการคมชัดลึกในวันนี้ จะทำให้เราได้รู้ถึงต้นตอของปัญหา ทั้งเรื่องทุจริต และทางออกในการแก้ไขปัญหาครับ




ผมเชื่อว่า หากคนมีใจเป็นธรรม ดูคลิปตั้งแต่ต้นจนจบ จะเข้าใจได้ทันทีว่า ถ้ารัฐบาลยังไม่ปรับปรุงแก้ไขแนวทางโครงการรับจำนำตามที่ชาวนาตัวจริงและอาจารย์นิด้า เสนอแนะ

ประเทศไทยจะเจ๊งเพราะรัฐบาลนี้แน่นอน ในอีกไม่กี่ปีนี่แหละครับ


คลิกอ่าน ทำไมศาลรัฐธรรมนูญ ถึงไม่รับคำร้องของอายจารย์นิด้า !!


วันพฤหัสบดีที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ทำไมศาลถึงไม่รับคำร้องอาจารย์นิด้า ??





ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้องจากอาจารย์นิด้า เรื่องให้ศาลรธน. ยับยั้งจำนำข้าว โดยศาลบอกว่า ศาลไม่มีอำนาจยับย้ำนโยบายรัฐบาล และผู้ร้องไม่ได้เป็นผู้เสียหายจากการจำนำข้าวโดยตรง

กรณีนี้ ผมคิดว่าถ้าอาจารย์นิด้า จะยื่นใหม่ก็ต้องให้ตรงประเด็นกว่านี้

 คือประเด็นแรก โดยยื่นให้ศาลตีความว่านโยบ่ายจำนำข้าวขัดรธน.หรือไม่ ไม่ใช่ยื่นเพื่อให้ศาลยับยั้งนโยบาย

ประเด็นที่2 คือ ต้องยื่นเรื่องว่า ผู้ยื่นเป็นผู้เสียหายจากโครงการจำนำข้าวโดยตรง เพราะ รัฐบาลกำลังใช้ภาษีของผู้ร้องไปในทางที่ผิด ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนและประเทศ

 และศาลได้แนะว่า อาจารย์นิด้า ควรไปแก้ไขคำร้องใหม่ แล้วมายื่นใหม่อีกครั้ง 

 ศาล รธน.สั่ง อ.นิด้า กลับไปแก้คำร้องจำนำข้าว 




เสียดายก็แต่ว่า อาจารย์นิด้า ออกมาบอกว่า จะไม่ยื่นเรื่องต่อศาลอีกแล้ว แต่จะให้ความรู้เรื่องนี้ทางด้านวิชาการต่อไป

ก็ดีครับ ถ้าประเทศไทยจะเจ๊ง จะได้เห็นชัดชัดกันไปเลย ^^

ฟายแดงมันคงหัวเราะชอบใจที่ศาลไม่รับคำร้องของอาจารย์นิด้า 

นั่นเพราะฟายแดงมันโง่ !!

เพราะที่ศาลเขาไม่รับคำร้อง เพราะคำร้องยังมีข้อบกพร่องต่างหาก ไม่ใช่ตีความไปว่า ศาลไม่รับคำร้อง แปลว่า นโยบายจำนำข้าวมันดี รัฐบาลทำดีอะไรสีกหน่อย

ฟายเอ๊ย!!

ที่สำคัญ นี่คือแผนเชือดรัฐบาลฟายแดงของศาล แบบนิ่มๆ เรียกว่า เชือดควายให้ตายแบบไม่รู้ตัว ปิดทางลงรัฐบาลชั่ว ไม่ให้รัฐบาลฟายแดงถอยหลัง ต้องเดินหน้าทำโครงการต่อ จนเจ๊งด้วยตัวมันเอง 555

ก็เหลือแต่สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย และผู้ส่งออกข้าว เท่านั้น คือผู้เสียหายตัวจริง ว่าจะยื่นคำร้องต่อศาลหรือไม่? แต่ผมคิดว่าคงไม่ เพราะนักธุรกิจเขาไม่อยากแกว่งเท้าหาเสี้ยนฟายแดงหรอกครับ



วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2555

นายกฯสวยแต่โง่ พาเจ๊แดงไปเยาวราช






นายกฯ ยิ่งงั่ง เอ้ย ยิ่งลักษณ์ พาพี่สาวหรือน้าสาวกันแน่ก็ไม่รู้ ไปเดินเยาวราชซื้อผลไม้












"ท่านนายกคะ มีพวกวินมอไซค์รอพบท่านค่ะ" เลขาส่วนตัวนายกแจ้ง





ถ้าใครมาเลีย มายอ นายกพร้อมพบเสมอ

ปูชะตาขาดแล้ว !! เห็นกันมั้ย??



วันพฤหัสบดีที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2555

คนไทยจ่ายภาษีให้ต่างชาติกินข้าวราคาถูก!!





บทความนี้ต่อจากบทความเรื่อง นโยบายจำนำข้าวของเพื่อไทย ทำลายชาติ

หลายวันก่อนมีม็อบชาวนา ออกมาต่อต้านคณะอาจารย์นิด้าที่ออกมายื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา นโยบายจำนำข้าว ว่าขัดกับรัฐธรรมนูญ หรือไม่

ปรากฏว่า ม็อบชาวนาที่ออกมาคัดค้าน ก็คือพวกที่แกนนำฟายแดงพามาประท้วงทั้งนั้น

ซึ่งความจริงแล้ว ชาวนาแท้ๆ ส่วนใหญ่เขาไม่รู้หรอกว่า โครงการประกันของปชป. หรือโครงการจำนำของเพื่อไทย อะไรมันดีกว่ากัน? ชาวนาเขารู้แค่ว่า ถ้าเขาขายข้าวแล้วไม่ขาดทุนก็พอใจแล้ว

ทีนี้โครงการรับจำนำข้าว มันเป็นชื่อที่ผิดๆ เพราะดร.โกร่ง ประธานที่ปรึกษาเศรษฐกิจของเพื่อไทย ที่ล่าสุดก็เพิ่งจะออกมาคัดค้านโครงการจำนำข้าว ว่าจะเป็นโครงการที่ทำลายพรรคเพื่อไทยเอง (แต่มันจะทำลายชาติก่อนน่ะสิครับ)

ซึ่ง ดร.โกร่งพูดว่า “ถ้ารัฐบาลชุดนี้จะพังก็คงเป็นเรื่องโครงการรับจำนำข้าว เพราะแค่ชื่อโครงการจำนำก็ผิดแล้ว ซึ่งราคาจำนำต้องต่ำกว่าราคาจริง แต่การให้ราคาจำนำสูงกว่า คงไม่มีใครมาไถ่ถอน ข้าวที่มาจำนำก็มีทั้งของจริง และสต็อกลม ไม่สามารถป้องกันการทุจริตได้ ซึ่งถ้ารัฐยังขายข้าวไม่ได้ ก็จะมีต้นทุนค่าใช้จ่ายสูงมาก”

-------------------------

วันนี้แทบไม่มีโกดังจะเก็บข้าวฤดูกาลใหม่แล้ว

โครงการจำนำข้าวในปีแรก ชาวนาอาจได้เงินมากขึ้นบ้างก็จริง แต่ไม่ได้มากกว่าเดิมเท่าไหร่หรอก เพราะต้นทุนผลิตสูงล่วงหน้าไปก่อน และเดี๋ยวปีต่อๆ ไป ชาวนาจะได้เงินยากขึ้น เพราะตอนนี้แทบไม่มีโกดังมากพอจะรับจำนำข้าวในปีต่อไปแล้ว เพราะข้าวฤดูกาลเก่าเหลือค้างสต็อกมาก เพราะข้าวไทยขายไม่ออก

ชาวนาหลายราย เริ่มได้เงินช้า เพราะเอาข้าวไปจำนำกับโรงสี แต่ยังไม่ได้ใบประทวนเพื่อไปรับเงินจากธกส. เพราะธกส. อ้างว่าเงินหมด ต้องรองบจากรัฐบาล แต่ดอกเบี้ยที่ชาวนาเซ็นเชื่อกับเถ้าแก่ปุ๋ยยา เดินขึ้นทุกวัน

ปกติ ไทยเรามีข้าวเพื่อการส่งออกประมาณ11 ล้านตัน/ปี แต่ปี55 ขายไปได้แค่4ล้านกว่าๆ เหลือค้างโกดังอีกเพียบ แถมยอดเก่าค้างสะสมตั้งแต่สมัยยุคปชป. ก็มีเหลืออยู่ในโกดังเต็ม จนข้าวเก่าเก็บก็เริ่มไร้คุณภาพ จนหาผู้มาประมูลข้าวแทบไม่ได้

เพราะเมื่อไม่กี่วันก่อน รัฐบาลนำข้าวออกมาประมูล5แสนตัน ปรากฏว่า มีผู้มาประมูลข้าวไปได้แค่ 5หมื่นตันเท่านั้น สาเหตุที่ผู้ส่งออกบอกว่า ไม่อยากมาประมูล เพราะข้าวเก่าเก็บไร้คุณภาพแล้ว

ถ้าปี55-56 ฤดูการใหม่ข้าวชาวนากำลังจะออกมาอีก รัฐจะเอาโกดังที่ไหนมารับจำนำข้าวเพื่อเก็บข้าวอีก?

ก็คงต้องไปจ้างเอกชนช่วยเก็บ เดี๋ยวมีการโกงข้าวหายเหมือนปัญหาเดิมๆ อีกแน่ นอกจากนั้น ยังต้องเสียเงินเพื่อจ้างเก็บข้าวอีกไม่รู้เท่าไหร่และนานแค่ไหน  ย่อมเป็นเหตุให้ข้าวยิ่งมีต้นทุนแพงขึ้นเรื่อยๆ ไปอีก เพราะการดูแลจัดการข้าวให้ปลอดภัย ไร้ปัญหาเน่า ไร้ปัญหามอด ล้วนแต่มีต้นทุนสูงทั้งนั้น

ถ้าปีนี้ขายข้าวไม่หมด ปีต่อไปก็เหลืออีก รัฐก็ต้องหาโกดังเอกชนเก็บข้าวเพิ่มขึ้นไปอีก

ตอนนี้ชาวนาก็เริ่มเจอปัญหา เช่น โรงสีไม่ยอมรับจำนำข้าว อ้างไม่มีที่จะเก็บแล้ว แต่ถ้าชาวนายอมขายให้โรงสีราคาถูกๆ ก็พอจะรับซื้อให้ได้ ซึ่งชาวนาไทยไม่มียุ้งฉางจะเก็บข้าว ก็เหมือนเจอบีบให้ต้องขายแก่โรงสีในราคาถูกกว่าราคาจำนำ

เนื่องจากข้าว เป็นสินค้าทางเกษตร ที่ไม่อาจเก็บได้นานๆ เพราะ ยิ่งเก็บนานปัญหามันก็ยิ่งเยอะ ยิ่งเก็บไว้นานต้นทุนค่าเก็บก็ยิ่งแพงสะสม แถมอาจชื้นเป็นราได้ คุณภาพก็แย่ลง ราคาก็ตกลง มีแต่ขาดทุนทั้งขั้นทั้งร่อง

-----------------------

รัฐบาลอ้างว่า ขายแบบG to G

จากการที่ข้าวไทยขายไม่ออกจนเหลือค้างสต๊อกกลางมากมาย ทำให้ล่าสุดรัฐบาลออกมาอ้างว่า ขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ได้แล้ว 7 ล้านตัน พอนักข่าวถามว่า ขายให้ชาติไหน ขายราคาเท่าไหร่ รัฐบาลก็ไม่ยอมตอบ ???

นั่นเพราะรัฐตอบไปแบบขายผ้าเอาหน้ารอด ขายข้าวแพงกว่าชาติคู่แข่ง ใครเขาจะอยากมาซื้อ เพราะยุโรปก็เศรษฐกิจไม่ดี นอกจากวิธีเท่านั้นคือ ยอมขายข้าวแบบขาดทุน!!

ผมเคยเขียนเรื่องราคาน้ำตาลทรายคนไทยกินแพงไปมั้ย?? ว่าประเทศไทยคือผู้ส่งออกน้ำตาลมากเป็นอันดับ2ของโลก แต่คนไทยกินน้ำตาลทรายขาวแพงกว่าราคาเฉลี่ยในตลาดโลกลอนดอน

เพราะราคาน้ำตาลทรายขาว ตลาดลอนดอน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 17 บาทกว่าๆ แต่คนไทยกินน้ำตาลทรายขาวกิโลละ23.50 บาท

นั่นเพราะคนไทยที่เสียภาษี ต้องนำภาษีไปอุดหนุนราคาน้ำตาลทรายในประเทศ โดยรัฐอ้างว่า เพื่อให้เกษตรกรอ้อย แต่น้ำตาลทรายน่ะ มันเก็บได้นานกว่าข้าวสารเยอะ ปัญหาจึงน้อยกว่า ที่สำคัญคู่แข่งน้ำตาลในตลาดโลกไม่มากเหมือนข้าว และอุปสงค์อุปทานน้ำตาลในตลาดโลกค่อนข้างสมดุลน้ำตาลจึงไม่ทำให้ไทยขาดทุนเหมือนขายข้าว

และในวันนี้ คนไทยเราต้องกินข้าวแพง แถมต้องเสียภาษีให้รัฐบาลเอาเงินไปจำนำข้าวปีละไม่ต่ำกว่า5แสนล้านบาท เพื่อให้ชาวนาอยู่ได้ แต่ความจริงแล้ว คนที่ได้ประโยชน์มากที่สุดกลับไม่ใช่ชาวนา

----------------------

ทั้งปตท. กับรัฐบาลชั่วพอกัน

ผมเคยเขียนเรื่องนโยบายน้ำมันไทยห่วยจริงๆ ว่า น้ำมันเบนซินไทยเรามีเหลือเกินความต้องการ ปตท.จึงต้องขายเบนซินให้ลาว พม่า เขมร ไปในราคาถูกกว่าที่ปตท.ขายหน้าโรงกลั่นในไทยด้วยซ้ำ

และตอนนี้ รัฐบาลชั่วก็กำลังให้คนไทยกินข้าวแพงๆ ทั้งๆ ที่ไทยเราผลิตข้าวขายอันดับต้นๆ ของโลก เมื่อรัฐบาลกลัวข้าวขายไม่ออก กลัวข้าวเหลือค้างจนไม่มีที่เก็บ

วิธีเดียวที่รัฐบาลชั่วกำลังทำคือ เจรจาขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ โดยปิดบังรายชื่อประเทศที่รับซื้อ เพราะกลัวเจอมีคนตามไปตรวจสอบว่า ขายไปเท่าไหร่ ขายขาดทุนหรือไม่?

ผมถามคุณผู้อ่านง่ายๆ เลยนะ ลูกค้าข้าวของไทยรายใหญ่ๆ อยู่ในทวีปแอฟริกา และยุโรป ซึ่งทั้ง2ทวีป นั้น ทวีปหนึ่งก็จนเป็นส่วนใหญ่ อีกทวีปหนึ่งก็กำลังถังแตก

ถามว่า เขาจะยอมซื้อข้าวราคาแพงๆ ของไทยหรือไม่?

แน่นอน เขาคงไม่อยากซื้อแน่ๆ ฉะนั้นวิธีเดียวที่จะให้เขารับซื้อข้าวไทย หนทางเดียวคือ ไทยต้องยอมขายข้าวขาดทุน!!

นั่นจึงเหตุผลที่ทำให้รัฐบาลชั่ว ไม่กล้าเปิดเผยประเทศที่รับซื้อข้าวแบบจีทุจี


--------------

จีทูจี คือ โกงต่อโกง

ผมขอตั้งข้อสังเกตว่า รัฐอาจไม่ได้ขายแบบจีทูจีหรอก แต่รัฐขายให้พวกพ้องตัวเองไปในราคาขาดทุนแบบถูกมากๆ เพื่อให้พวกพ้องตัวเองนำข้าวไปขายต่างประเทศในราคาตลาดโลกที่พอแข่งขันได้ พูดได้ว่า

ตอนรับจำนำก็พวกพ้องตนเองรับซื้อข้าวจากชาวนาราคาถูกเพื่อกินส่วนต่างราคาจำนำ แล้วตอนขาย รัฐบาลก็ขายกลับให้พวกพ้องตัวเองแบบขาดทุนไปถูกๆ เพื่อให้พวกพ้องตัวเองไปขายทำกำไรในต่างประเทศอีกต่อนึง

และแม้ถ้าเป็นการขายแบบรัฐต่อรัฐจริงๆ ถ้าขายให้ประเทศยากจน ก็มักจะเป็นการขายแบบเงินเชื่อ คือไม่ได้เงินสดทันที เงินไปจมอีกต่างหาก


--------------------------

รัฐบาลญี่ปุ่นเขาอุดหนุนชาวนาญี่ปุ่นยังไง??

มีพวกฟายแดงโง่ๆ จำนวนมากมันอ้างว่า รัฐบาลญี่ปุ่นเขาก็เอาเงินมาอุดหนุนชาวนาญี่ปุ่นให้อยู่รอดเหมือนกัน

คำพูดนั้น เป็นคำพูดง่ายๆครับ รัฐบาลญี่ปุ่นเขาไม่โง่และชั่วแบบรัฐบาลเพื่อไทยแน่ๆ ผมจะเล่าให้ฟังว่า รัฐบาลญี่ปุ่นเขาอุดหนุนชาวนยังไง

ชาวนาญี่ป่นเขาอยู่รอด เพราะระบบสหกรณ์ครับ ถ้าชาวนาไทยเชื่อในหลวงก็จะมีระบบสหกรณ์ที่เข้มแข้งเหมือนชาวนาญี่ปุ่น

และรัฐบาลญี่ปุ่น เขาให้เงินเดือนชาวนาโดยตรงด้วยครับ เพราะอาชีพชาวนาเป็นอาชีพที่รัฐบาลญี่ปุ่นต้องการอนุรักษ์ให้อยู่รอด เหมือนอาชีพหัตถกรรมฝีมือพื้นบ้านของญี่ปุ่น ที่รัฐบาลจะอุดหนุนผู้ที่ทำอาชีพนี้ให้คงอยู่เพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมไว้

อีกทั้งรัฐบาลจะรับซื้อข้าวจากชาวนาในราคาที่สูง โดยมีโควต้ารับซื้อว่า จะรับซื้อข้าวกับชาวนาแต่ละรายในจำนวนมากเท่าไหร่ ไม่ได้รับซื้อไม่อั้นแบบรัฐบาลชั่วของไทย

และถ้าชาวนาญี่ป่นไม่พอใจจะขายข้าวให้รํฐ เพราะเอกชนให้ราคาดีกว่ารัฐ ชาวนาจะขายข้าวให้เอกชนทั้งหมดก็ได้

หรือถ้าชาวนาผลิตมากเกินโควต้าที่จะขายให้รัฐบาล ชาวนาก็จะนำข้าวนั้นเข้าระบบสหกรณ์แทนครับ ซึ่งระบบสหกรณ์ชาวนาญี่ปุ่นก็จะช่วยให้ได้ราคาที่เป็นธรรมจากเอกชนที่มารับซื้อ

(ไม่เหมือนชาวนาไทย ที่มักโดนโรงสีและพ่อค้าคนกลางกดราคารับซื้อ)

เนื่องจากข้าวของญี่ปุ่นที่ผลิตได้ในแต่ละปี ไม่ได้มีมากมาย ก็แค่เพียงพอบริโภคในประเทศเท่านั้น เพราะไม่ได้เน้นส่งข้าวขายเหมือนชาติด้อยพัฒนาทางเทคโนโลยี  ทำให้อุปสงค์ อุปทานข้าวในประเทศสมดุล จึงช่วยให้ราคาข้าวสูงพอชาวนาญี่ปุ่นอยู่รอดได้สบายๆ

ประกอบกับเทคโนโลยีการเกษตรของญี่ป่นเขาเจริญมากๆ อัตราผลผลิตต่อไร่สูงมากๆ ใช้พื้นที่ในการเพาะปลูกจำนวนน้อยๆ แต่ผลิตข้าวได้มาก ก็ทำให้ต้นทุนปลูกข้าวของชาวนาญี่ปุ่นไม่สูง ขายข้าวยังไงๆ ก็ไม่ขาดทุน!!

และที่สำคัญ! รัฐบาลญี่ปุ่นเขาจะขายข้าวสารให้คนญี่ปุ่นกินข้าวในราคาถูกครับ เพื่อเป็นตัวคุมราคาขายปลีกในประเทศ เพื่อไม่ให้เอกชนรายอื่นๆ ขายข้าวสารแพงเกินจริงกับประชาชน

และเพราะชาวนาญี่ปุ่นมีจำนวนไม่มาก เนื้อที่เพาะปลูกก็ไม่มาก ไม่มีการโกงรัฐบาล ชาวนาเขามีตัวมีตน มีที่นาของตัวเอง มีข้าวที่ตรวจสอบได้ง่ายอย่างโปร่งใส

ญี่ปุ่นเขาไม่ได้มีข้าวเหลือมากมายจนขายได้ติดอันดับโลก ข้าวญี่ปุ่นก็จะส่งข้าวขายให้ร้านอาหารญี่ปุ่น หรือคนญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ต่างประเทศเป็นหลัก ซึ่งญี่ปุ่นเขาไม่กลัวว่าข้าวจะเหลือค้าง เพราะทุกวันนี้ข้าวก็มีแทบไม่ค่อยพอจะส่งออกอยู่แล้ว รัฐบาลญี่ปุ่นเขาจึงไม่ง้อให้ต่างชาติมาซื้อข้าวเขากิน เหมือนรัฐบาลไทยหรอกครับ ถ้าอยากซื้อก็ต้องซื้อในราคาแพงๆ เท่านั้น

ซึ่งร้านอาหารของคนญี่ปุ่นแท้ ก็จะสั่งซื้อแต่ข้าวญี่ปุ่นแท้ๆ เท่านั้น

ต่างกับกรณีข้าวไทย ข้าวไทยมันมีเหลือมากมายก่ายกอง ขายไม่ออก จนเหลือเน่า เพราะประเทศไทยคือผู้ผลิตข้าวส่งออก ชาวนาเป็นอาชีพหลักของคนไทย

บริบททั้งหลายจึงต่างกับกรณีชาวนาญี่ปุ่นโดยสิ้นเชิง


------------------

สรุป

ชาวนาไทยเขาไม่ผิดหรอก ที่เขาอยากขายข้าวได้ราคาดีๆ แต่ชาวนาไทยกำลังโดนหลอกให้ปลูกข้าวแบบผิดๆ จึงมีต้นทุนสูงเกินไป คนที่ได้ประโยชน์จากชาวนา คือนายทุนขายปุ๋ย ขายยา และโรงสี แต่สุดท้ายมันคือเงินของชาติที่จะเน่าไปพร้อมกับข้าวในโกดังกลางของรัฐ

เขมร กำลังประกาศเป้าหมายเพิ่มผลผลิตข้าวส่งออกให้มากถึงล้านต้น พม่ากำลังกลับมาเป็นคู่แข่งรายใหญ่ของไทย หากชาวนาไทยยังหลงติดกับราคาขายข้าวสูงเกินจริง ก็จะสนใจในการลดต้นทุนการผลิตสู้ชาวนาต่างชาติไม่ได้

ในบทความที่แล้ว ผมนำตัวเลขผลผลิตต่อไร่มาให้ดูแล้วว่า ชาวนาไทยปลูกข้าวผลผลิตต่อไร่แพ้ชาวนาลาวด้วยซ้ำ

เพราะเมื่อไหร่ที่เปิดAEC ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ข้าวไทยจะยิ่งแย่เพราะแม้แต่คนไทยก็อาจไปซื้อข้าวเพื่อนบ้านที่ราคาถูกกว่าครับ แม้จะชอบกินข้าวไทย แต่ถ้ามันแพงกว่าข้าวชาติอื่นมากๆ แต่คุณภาพไม่ต่างกันมาก ก็คงมีคนไทยหันไปซื้อข้าวต่างชาติกินแน่ๆ

ตัวอย่างที่เห็นง่ายๆ เช่น ถ้าคนจนลง ก็จะกินบะหมี่สำเร็จรูปมากขึ้น มาม่า ยำยำ ไวไว ขายดีไม่มียอดตก

แล้วบะหมี่สำเร็จรูปที่ขายดีไม่มีตก ใช้แป้งอะไรผลิตรู้มั้ย?

มาม่า ยำยำ ไวไว ใช้แป้งสาลีผลิตครับ!! และแป้งสาลีก็มาจากข้าวสาลี เป็นสินค้านำเข้าทั้งนั้น

----------------------

โกหกสีขาว จีทูจี

ไทยเราผลิตข้าวได้เฉลี่ยปีละ 20 ล้านตัน !!

ไทยเราผลิตข้าวสารได้เฉลี่ยปีละ 20ล้านตัน บริโภคในประเทศ 9 ล้านต้น เหลือส่งออกปีละ 11ล้านต้น

สมัยรัฐบาลปชป.ปี 53-54 ขายข้าวได้ 9 ล้านต้น เหลือ2ล้านต้น เป็นสต๊อกกลาง

สมัยรัฐบาลชั่ว ปี54-55 ขายข้าวได้ไปแค่ 4.8 ล้านต้น  เหลืออีก 6.21 ล้านตัน ไปสะสมเพิ่มในสต็อกกลาง

อยู่ๆ รัฐบาลชั่วที่รีบออกอ้างว่า ขายแบบจีทูจีไปแล้ว 7 ล้านต้น

ผมเชื่อว่า เป็นแค่ตัวเลขโกหกสีขาว ที่อ้างเพื่อกลบความชั่วของข้าวค้างสต็อกของรัฐบาล นั่นเอง

เพราะนายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ยังบอกไม่เชื่อว่ามีการขายแบบจีทูจีจริงๆ ตามข่าวนี้ คลิก!!