วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ม้าทรงเจ้าทรมานตัวเองในเทศกาลกินเจ ของจริงหรือมั่วนิ่ม ?







ได้เห็นข่าว ม้าทรงตกบันไดมีดกันมั้ย?

ผมเคยบอกแล้วในบทความก่อน ๆ ว่า เหตุที่ผมไม่ชอบเทศกาลกินเจ แต่ยังมีเหตุผลอีกอย่างนึงก็คือ เพราะเทศกาลกินเจยังพ่วงพวกม้าทรงเจ้าทรมานตัวเองเข้ามาในเทศกาลด้วย

ผมขอให้เราแยกระหว่างกินเจ กับการทรมานตัวเองด้วยการทรง ออกจากกันนะครับ เพราะการกินเจ เป็นเรื่องที่ไม่ผิดและใครใคร่กินก็เชิญตามสบาย

แต่ดันมีการทรงเจ้า เข้าทรง โชว์การทรมานตนเอง อ้างเป็นอภินิหารของเทพเจ้า มาเกาะในเทศกาลกินเจด้วย

ผมจึงอยากให้พวกเราชาวพุทธ ได้รู้ว่า การทรมานตัวเองนี้ไม่ใช่วิถีพุทธมหายานด้วยซ้ำ แต่เป็นพวกเดียร์ถีย์นอกรีต ซึ่งในสมัยพุทธกาลจนถึงอินเดียในยุคปัจจุบัน ก็มีลัทธิทรมานตัวตน ลัทธิสุดโต่งมากมาย พระพุทธเจ้าไม่ทรงสอนให้เชื่อและศรัทธา หรืองมงาย นับถือลัทธิอะไรพวกนี้

แต่ไม่ใช่ว่าเรื่องพวกนี้จะไม่มีจริงนะ ก็มีจริงบ้าง เช่น เมื่อพวกฤาษี หรือ ดาบส บำเพ็ญญาณสมาบัติจนได้อิทธิฤทธิ์ เหมือนที่ เทวทัต เองก็เคยมีอิทธิฤทธิ์ แสดงปาฏิหาริย์ได้ แต่ฤทธิ์พวกนี้ไม่ยั่งยืน เพราะมีได้ ก็เสื่อมได้ เหมือนที่เทวทัตก็เคยเสื่อมฤทธิ์มาแล้ว

คลิกอ่าน เหตุเทวทัตเสื่อมฤทธิ์

แต่ม้าทรงทรมานตนเองส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยมันเป็นเรื่องหลอกตัวเองซะ 99% เพราะส่วนใหญ่เป็นการสะกดจิตตัวเองทั้งสิ้น ให้สังเกตว่า ประเพณีทรงเจ้า ม้าทรง เราจะไม่เคยเห็นหลวงจีนมาร่วมงานเลย เพราะนั่นไม่ใช่วิถีของพุทธมหายาน

แต่เป็นวิถีของพวกนักพรตนอกรีต ที่แอบอ้างตัวว่า นักพรตในลัทธิเต๋า (เพราะเต๋าแท้ ๆ ก็ไม่มีแบบนี้ครับ)

พวกนักพรตนอกรีตแอบอิงเต๋าพวกนี้ จะชอบแสดงอภินิหาร อิทธิฤทธิ์เพื่อโอ้อวดศักดาหวังให้คนกราบไหว้ศรัทธา หลงในไสยศาสตร์  แต่จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ เราคงเคยเห็นกันมากมายในหนังจีนแนวปราบผี 

เพราะหากเราเคยดูหนังจีนแนวผี เราจะเห็นพวกนักพรตหมอผี นั่นแหละครับ คือพวกที่สอนให้คนงมงายเรื่องทรงเจ้าเข้าผี หากเปรียบในเมืองไทยก็คือ พวกหมอผีที่เล่นไสยศาสตร์นั่นแหละ


ให้สังเกตว่า ในเทศกาลกินเจ ช่วงม้าทรงออกแสดงฤทธิ์ มีการทรงเห้งเจียด้วย นี่ยิ่งชี้ให้เห็นถึงการหลอกลวงครับ เพราะเห้งเจียไม่มีตัวตนจริง ๆ 

เพราะพระถังซัมจั๋งของแท้ ท่านไปอัญเชิญพระไตรปิฎกที่ชมพูทวีปเพียงลำพังรูปเดียวเท่านั้น แต่ผู้แต่งไซอิ๋ว เพิ่มตัวละครพวกลิง หมู ม้า เข้าไป เพื่อความสนุกสนานบันเทิงครับ

แต่ศาลเจ้าในประเทศไทยกลับมีรูปปั้นเห้งเจียให้คนได้กราบไหว้ขอพร


รูปปั้นเห้งเจีย รูปจากบล็อค อ.ศุภณัฏฐ์ อัฏฐวัฒน์


การแทงแก้ม แทงปาก การทรมานตนเองนั้นมีอยูในหลาย ๆ ประเทศ ก็มีทั้งหลอกลวง และแบบเทคนิคของนักมายากล หรือบางทีเกิดจากพลังสะกดจิตตัวเองจนเกิดพลังจิตใต้สำนึกให้ทำในสิ่งที่เกินกว่าคนทั่วไปจะทำได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร พวกนิยมเจาะ พวกซาดิตส์ก็ทำได้เช่นกัน

หมายถึง พวกม้าทรงแทงปากจริง แทงลิ้นจริง มีเลือดออกจริง ๆ แต่เสมือนการสะกดจิตตัวเองบนความเชื่อ จนเกิดมโนจิตจนหลอกตัวเองสำเร็จว่า ฉันจะไม่เจ็บปวด แต่นี่มันไม่ใช่ปาฏิหาริย์ มันเป็นเพียงกลวิธีดึงเอาพลังจิตใต้สำนึกส่วนตัวออกมาใช้ได้ผ่านความเชื่อความศรัทธาเฉพาะตน

ส่วนพวกม้าทรงที่พลาดบาดเจ็บหนักขึ้นมา จนต้องหามส่งโรงพยาบาล นั่นเพราะ หลอกตัวเองให้เชื่อไม่สำเร็จ จึงไม่เกิดพลังจิตใต้สำนึกที่ถูกต้อง เลยเกิดอาการหลุดจากมโน จนบาดเจ็บ


ถามว่า ที่ผมบอกว่าการทรงเจ้าเข้าทรง 99% คือหลอกลวง ส่วนอีก 1% ที่ผมว่าจริงคืออะไร ?

คำตอบก็คือ ร่างทรงของแท้ คือพวกสัมภเวสีเร่ร่อน ที่ต้องการกินเครื่องเซ่นไหว้ จึงได้มาเข้าสิงคนทรง

หรือที่แปลง่าย ๆ คือ ผีเข้า นั่นเอง แต่ผีพวกนี้ชอบโกหกว่าตัวเองเป็นเทพ เพื่อหลอกให้คนศรัทธา เพราะจริง ๆ แล้ว เทพแท้ ๆ หรือเทวดาชั้นสูงจะไม่มีทางเข้าร่างมนุษย์เด็ดขาดครับ เพราะกายเทพจะละเอียดจะสะอาด ส่วนกายหยาบของมนุษย์นั้นเสมือนของเน่าเหม็น เทพจะไม่มาเข้าร่างมนุษย์แน่นอน มีแต่พวกผี สัมภเวสี ที่พอมีอำนาจนิดหน่อยเท่านั้น ที่จะเข้าร่างมนุษย์ได้

ที่สำคัญพวกเทพชั้นสูงจะไม่กินของเซ่นครับ มีแต่พวกผีสางเท่านั้นกินของเซ่นได้


ทีนี้อาจมีคนสงสัยว่า แล้วไหว้บรรพบุรุษตอนตรุษจีนล่ะ บรรพบุรุษได้กินของเซ่นหรือไม่ ?

คำตอบคือ ถ้าบรรพบุรุษเป็นผีก็อาจได้กิน แต่ถ้าบรรพบุรุษไปจุติในภพภูมิอื่น ๆ แล้วเช่น ในนรก หรือบนสวรรค์ที่สูงกว่าชั้นจาตุมหาราชิกาขึ้นไป ก็จะไม่ได้กินของเซ่นครับ

ประเพณีไหว้บรรพบุรุษจีนนั้น เป็นเรื่องของลัทธิขงจื้อ ครับ ท่านขงจื้อได้สอนให้ลูกหลานเซ่นไหว้ คือกุโลบายเพื่อเป็นการระลึกพระคุณบรรพบุรุษ และเป็นกุศโลบายทำให้ลูกหลานได้กลับมาพร้อมหน้ากัน เพื่อความสามัคคีกันในตระกูลครับ

ส่วนการไหว้เจ้า หรือไหว้องค์เทพ ก็เพียงแสดงความเคารพต่อเทพยดา ซึ่งเทพยดา ท่านก็ไม่ได้ลงมากินของเซ่นไหว้หรอกครับ แต่ท่านอาจจะร่วมยินดีอำนวยพรความสุขความเจริญให้แก่ผู้คนที่เซ่นไหว้ท่านเท่านั้น

หากอยากได้รับคำอวยพรจากเทพยดาจริง ๆ ผมแนะนำว่าเวลาคุณให้ทำบุญทำทานทุกครั้ง ก็ให้อุทิศส่วนกุศลแด่เทพยดา หรือเทวดาด้วย เท่านั้นก็พอครับ และเทวดาจะอำนวยพร อารักษ์ให้ท่านเอง เป็นการตอบแทน



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น