วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

เมื่อทราย เจริญปุระ โดนใส่ร้ายเมื่อโพสรูปพระราชินี







มีข้อกล่าวหามากมายว่า ทราย เจริญปุระ เป็นพวกล้มเจ้า ??

เอ.. หรือว่าคนอย่างทราย จะเป็นประเภทยิ่งว่ายิ่งยุ ยิ่งโดนด่า เลยแกล้งยั่วประชดแม่งซะเลย อันนี้ผมก็ไม่รู้นะ

แต่ถ้าเราไปดูข้อความที่ทรายโพส ที่ถูกกล่าวหาว่า เป็นพวกล้มเจ้า อันนี้ผมก็เห็นว่า มันแค่อาจจะ อาจจะตีความไปในทางนั้นได้ ก็เท่านั้น

แต่ถ้าหาแบบที่เห็นจะจะ โพสจะจะจริง ๆ ผมยังไม่เคยเห็นทรายโพสจะจะเกี่ยวกับแนวคิดเรื่องนี้แบบนี้นะ จะแค่แบบจะจะแต่อ้อม ๆ ให้พอรู้ ก็ยังไม่เคยเห็น

แต่ถ้าเสียดสีเรื่อง กราบ !! อะไรประมาณนี้ ก็เห็นประจำ

ส่วนไอ้เรื่อง รองเท้าสีเหลือง ผมมาคิดทีหลังว่า หรือเราจะตีความกันไกลไปเอง ทรายอาจแค่ต้องการ เสียดสีพวกเสื้อเหลืองพันธมิตรเท่านั้น ที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับแนวคิดของเธอ (ผมแค่สันนิษฐานเท่านั้น เพราะผมก็เคยเขียนด่าเธอในเรื่อง รองเท้าสีเหลือง เหมือนกัน)

แต่ที่แน่ ๆ ทราย เป็นพวกเข้าข้างเสื้อแดงแน่นอน (ก็แดงนั่นแหละ)

ตรงนั้นขอผ่านไปก่อน ผมไม่ขอฟันธงว่า ทรายเป็นแดงแท้แค่ไหน หรือมีแนวคิดล้มเจ้าปนอยู่แค่ไหน

แต่งานศพของนายรุจน์ รณภพ พ่อของทราย และใหม่ เจริญปุระ ก็ได้เป็นงานพระราชทานเพลิงศพเป็นกรณีพิเศษก็แล้วกัน

6 มกราคม 2553 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล เป็นผู้แทนพระองค์ เสด็จเป็นองค์ประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพ รุจน์ รณภพ เป็นกรณีพิเศษ ณ เมรุวัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร บางเขน

ซึ่งคนอาจมองว่า พี่สาวในตระกูลเจริญปุระ เป็นผู้ขอไปมั้ง

แต่ผมว่า ท่านมุ้ย ทรงขอให้มากกว่า และทราย ก็อ้างว่า การจัดงานศพพ่อคราวนี้ เธอคือผู้ออกเงินเป็นส่วนใหญ่แทบทั้งหมด เพราะพ่ออยู่กับเธอจนเสียชีวิต

รูปข้างล่าง คือรูปที่แสดงถึงความสนิทสนมของท่านมุ้ยกับทราย ในวันตัดต่อ นเรศวร วันสุดท้ายก่อนวันเปิดรอบปฐมทัศน์แค่วันเดียว โดยทรายโพสประกอบรูปนี้ไว้ว่า

"โดนเรียกมาเข้าเฝ้า"



----------------------

โพสเฟสบุ๊ครูปพระราชินี ของทราย ถูกตัดต่อใส่ร้าย

เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2557 ทรายได้โพสรูปสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เสด็จเยี่ยมกองถ่าย นเรศวร ซึ่งทรายบอกว่า รูปนี้ถ่ายไว้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว

ก็เลยมีผู้ไม่หวังดีเอาโพสนี้ไปตัดต่อเพื่อใส่ร้ายทรายตามนี้

โพสปลอม!!



โพสปลอม!!



ถ้าสังเกตดี ๆ รูปด้านบนทั้งสองรูปนั้น มีการโพสที่ผิดเพี้ยนตามรูปแบบเฟสบุ๊คหลายอย่าง

ทีนี้ลองดูโพสจริงของทราย เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2557 ตามนี้


โพสของจริง!!


สังเกตโพสความเห็นที่ 3 คือความเห็น Itr Charoenpura ซึ่งเป็นของทราย ได้โพสไว้ว่า

"ได้เข้าเฝ้าหลายครั้ง ทั้งสมเด็จฯ ทั้งในหลวงและเจ้านายพระองค์อื่นๆอย่างใกล้ชิดเลยนะป้าปูว์ ชื่นใจ หายเหนื่อยมากๆ ^_^ "


โพสจริง!! (คลิกที่รูปนี้เพื่อขยาย)





ส่วนประวัติการแก้ไขโพสของทราย ผมเช็คดูแล้วก็ไม่ได้โพสผิดปกติอะไร ตามนี้


คลิกที่รูปเพื่อขยาย!!



สรุปสำหรับบทความนี้ก็คือ ทราย เริ่มกลายเป็นเหยื่อจากผู้ไม่หวังดี ซึ่งอาจเป็นการกระทำของฝ่ายไหนก็ได้

แต่ไม่ว่าใครก็ตามที่ตัดต่อ แม่งเลว !! ครับ

ที่ผมเขียนบทความนี้ก็เพื่ออยากจะบอกว่า เดี๋ยวนี้การแชร์ต่อในโซเชียลเน็ตเวิร์ค มันเร็วและง่ายดายมาก จึงต้องระวังให้ดี และต้องตรวจดูให้ชัดเจน โดยเฉพาะเรื่องบางเรื่องมันเป็นเรื่องถึงสถาบันเบื้องสูง ยิ่งต้องระวังให้มาก

ส่วนใครที่แชร์โพสปลอมๆ ของทรายต่อไป ควรลบออกนะครับ บาปกรรมเปล่า ๆ

ถ้าใครจะด่าทราย ก็ควรด่าในเรื่องที่เกิดขึ้นจริง แต่การที่ไปตัดต่อข้อความเพื่อใส่ร้ายกัน นี่ไม่ใช่วิสัยของคนดี ๆ เขาทำกัน

-----------------

ล่าสุด ทรายได้เข้าแจ้งความเรื่องถูกตัดต่อโพสใส่ร้ายแล้ว





คลิกอ่าน สลิ่มแชร์คำพูดของทราย มั่วจน เต๊ะ ศตรวรษ หน้าแหก


คลิกอ่าน ปริญญาสดุดีความโง่ยิ่งลักษณ์ และไพร่สถุนทราย อินทิรา


วันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

เยาวชนเรียนดี นิตยสารชัยพฤกษ์ นายประยุทธ จันทร์โอชา







พลเอกประยุทธ จันทรโอชา ผบ.ทบ. และหัวหน้า่คณะรัฐประหาร พ.ศ. 2557  หรือที่เรียกว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ นั้น

ท่านมีประวัติการเรียนดีเด่นมาตั้งแต่เด็ก เป็นนักเรียนเรียนเก่ง เรียนดี ศิษย์เก่าโรงเรียนวัดนวลนรดิศ จนนิตยสารชัยพฤกษ์ต้องไปนำประวัติมาลงแนะนำ ในคอลัมภ์ เรียนดี 

ตามนี้



เครดิตภาพ Lovely Choly และเฟสบุ้คคุณ Tamm Ishot




คอลัมน์ เรียนดี
ประยุทธ์ จันทร์โอชา

โดย .... มนตรี

นักเรียนที่เรียนดีที่ทาง "ชัยพฤกษ์" จะนำมาลงในคอลัมน์ "เรียนดี" คราวนี้เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ก. ของ
โรงเรียนวัดนวลนรดิศ ประวัติการเล่าเรียนตั้งแต่ชั้นประถมจนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 นี้ ไม่เคยได้ต่ำกว่า 80 เปอร์เซ็นต์
เลยนักเรียนเรียนดี ที่จะแนะนำให้มิตรรู้จักคราวนี้คือ ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ประยุทธ์เป็นบุตรของ พ.ท.ประพัฒน์ และนางเข็มเพชร จันทร์โอชา เขาเกิดเมื่อวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2497
ขณะนี้มีอายุได้ 15 ปี นับว่าเรียนได้เร็วสมกับเป็นคนเรียนเก่ง ประยุทธ์เป็นบุตรคนโตในบรรดาพี่น้องทั้งหมด 4 คน โดยที่ต้องทำตัวเป็นพี่ที่ดี ในบางครั้งเขาจึงแลดูขรึมเป็นผู้ใหญ่กว่าวัย

การเรียนชั้นประถมนั้น ประยุทธ์เรียนที่โรงเรียนสหกิจวิทยา จังหวัดลพบุรี เขาเรียนอยู่ที่นั่นจนจบชั้นประถมปีที่ 7
จึงได้ย้ายไปเรียนต่อที่โรงเรียนพิบูลวิทยาลัยในจังหวัดเดียวกัน ประยุทธ์เรียนอยู่ที่โรงเรียนพิบูลวิทยาลัยเพียงปีเดียว
จากนั้นได้เข้ามาเรียนต่อที่โรงเรียนวัดนวลนรดิศ โดยที่บิดาของประยุทธ์เป็นนายทหาร จึงย้ายที่ทำการไปตามที่ต่างๆ และครั้งหลังสุดนี้ไปประจำการอยู่ที่ค่ายธนะรัชต์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

เมื่อถูกถามว่า ถ้าสอบได้ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แล้ว จะสอบเข้าเรียนต่อที่ไหน ประยุทธ์บอกกับผู้สัมภาษณ์ว่าเขาตั้งใจจะเรียนต่อที่โรงเรียนเตรียมทหาร และหวังว่าจะได้เป็นทหารบกในอนาคต

ประยุทธ์เป็นนักเรียนที่ใช้เวลาให้หมดไปกับหนังสือ ในวันหยุดจะไม่มีใครเห็นเขาวิ่งเล่นเช่นเด็กรุ่นเดียวกันเลย
เขาดูหนังสือแบบทวนตั้งแต่ต้นจนกระทั่งจบแล้วขึ้นทวนใหม่ ทำเช่นนี้หลายๆ หน ก็จำวิชาที่เรียน และเข้าใจวิชานั้น ๆ อย่างถ่องแท้เมื่อติดขัดไม่เข้าใจวิชาอะไร เขาก็ถามพี่ๆ ที่บ้าน ในวันธรรมดาเขาใช้เวลาทวนวิชาเรียนตอนหลังอาหารเย็นไปจนถึงสี่ทุ่มจึงจะเข้านอน ตอนเช้าไม่มีเวลาดูหนังสือเพราะต้องรีบไปโรงเรียน ประยุทธ์บอกว่าดูหนังสือจนถึงสี่ทุ่มก็พอแล้ว เพราะเขาดูอย่างสม่ำเสมอ จึงไม่ต้องรีบร้อนดูตอนระยะใกล้สอบ

วิชาที่ประยุทธ์ถนัดเป็นพิเศษ ได้แก่คณิตศาสตร์ อังกฤษ และวิทยาศาสตร์ นอกจากจะเก่งวิชาเหล่านี้แล้ว
ประยุทธ์ยังชอบเรียนวิชาพวกนี้อีกด้วย เขาให้เหตุผลว่าถ้าจะเรียนอะไรก็ตามที่ให้ได้ผล ควรจะมีใจรักในสิ่งนั้นๆ ด้วย
นอกจากจะเป็นคนที่รักการเรียนเองแล้ว ประยุทธ์ยังได้รับการสนับสนุนในการเรียนจากบิดามารดา นับได้ว่าประยุทธ์เป็นเด็กโชคดีที่จะมีโอกาสดำเนินชีวิตผิดไปได้ยากมาก

ผลการสอบภาคกลาง ประยุทธ์ได้ 65 เปอร์เซ็นต์ กับผู้สัมภาษณ์ประยุทธ์บอกว่า การสอบทุกครั้งนั้นถึงแม้ตัวเขาจะได้เตรียมพร้อมมาแต่เนิ่นๆ แต่ก็อดมิได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น ขณะที่ทำการสอบมักจะตอบอย่างระมัดระวัง เมื่อทำเสร็จแล้วจะอ่านทานว่าที่ตอบไปนั้น ตอบไปตามภูมิความรู้ทั้งหมดที่ได้เรียนมาหมดหรือเปล่า

ประยุทธ์บอกว่า หนังสือที่ใช้เรียนในห้องเรียนยังไม่มากพอตามความต้องการของเขาเอง เพราะฉะนั้นเขาจึงหาหนังสืออื่น ๆ ที่เป็นหนังสือนอกหลักสูตรไว้อ่านเพื่อประดับความรู้ หนังสือที่อ่านเป็นประจำได้แก่ "ชัยพฤกษ์" ประยุทธ์พูดกับผู้สัมภาษณ์ว่า "ผมอ่านชัยพฤกษ์ เพราะได้ความรู้มากครับ"

ประยุทธ์แม้จะเป็นคนขรึม แต่เขาก็เป็นคนมีน้ำใจ เมื่อกลับจากโรงเรียน เขามักจะช่วยพี่น้องทำงานบ้านทั่วๆ ไป
เป็นต้นว่า รดน้ำต้นไม้ กวาดลานบ้าน แม้จะต้องทำงานบ้าง เขาก็พอใจด้วยเหตุที่ว่าความสำเร็จในชีวิตข้างหน้านั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเรียนหนังสือแต่อย่างเดียว ถึงเขาจะมุ่งดูหนังสือมากแต่ก็ยังมีเวลาสำหรับการบันเทิง เมื่อรู้สึกเมื่อยล้าจากการดูหนังสือเขาจะหยุดทันทีและหันมาดูอย่างอื่นเป็นการพักผ่อนสมองแทน เช่น ดูทีวี
ประยุทธ์ชอบดูหนังญี่ปุ่น และหนังสารคดีต่างแดน

ความหวังของประยุทธ์อยู่ที่การเป็นทหารบก เพราะได้รับแรงดลใจจากบิดาซึ่งเป็นนายทหาร เชื่อแน่ว่าความหวังของประยุทธ์จะเป็นผลสำเร็จภายในเวลาอันเร็วนี้.

นิตยสารชัยพฤกษ์ ของสำนักพิมพ์ไทยวัฒนาพานิช ปี 2512


----------------------


ประโยคเด็ดหลังการยึดอำนาจ

"ผมต้องออกมารับผิดชอบเอง เพราะดูแลความมั่นคง ต้องออกมาเพื่อช่วยหาทางออก เพราะผมเป็นหนี้บุญคุณแผ่นดิน" พล.อ.ประยุทธ์

"ขอให้เชื่อว่า ผมได้พยายามทำทุกอย่างอย่างเต็มที่เพื่อให้เกิดความสงบสุข ไม่ต้องคิดหรือกังวลแทนผม เพราะผมพร้อมรับผิดชอบทุกอย่าง" พล.อ.ประยุทธ์

"ข้าพเจ้าขอรับผิดชอบ แต่เพียงผู้เดียว"!! พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ./ผอ.รส.กล่าวเสียงเข้ม...

(ที่มา ทวิสเตอร์ วาสนา นาน่วม)


-----------------------

ประวัติพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ของประเทศไทย โดยสังเขป

พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เกิดเมื่อวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2497 ที่จังหวัดนครราชสีมา เป็นบุตรชายของ พ.อ. (พิเศษ) ประพัฒน์ กับเข็มเพชร จันทร์โอชา มีชื่อเล่นว่า "ตู่" สื่อมวลชนนิยมเรียกว่า "บิ๊กตู่" เป็นบุตรชายคนโตจากพี่น้องทั้งหมดสี่คน หนึ่งในน้องชายคือ พล.ท. ปรีชา จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 3

ประยุทธ์ สำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 7 จากโรงเรียนสหะกิจวิทยา จังหวัดลพบุรี ต่อมาได้ศึกษาต่อชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่โรงเรียนพิบูลวิทยาลัยในจังหวัดเดียวกัน แต่เรียนได้เพียงปีเดียวก็ลาออกเนื่องด้วยบิดาเป็นนายทหารจำต้องโยกย้ายไปในหลายจังหวัด

เขาจึงเข้าศึกษาที่โรงเรียนวัดนวลนรดิศ กรุงเทพมหานคร จนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภายหลังได้เข้าเรียนเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 12 (ตท.12) และเป็นนักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่น 23



ประยุทธ์มีอุปนิสัยที่เงียบขรึม ด้วยความที่เป็นพี่ชายคนโตจึงต้องทำตัวเป็นพี่ที่ดี ในวัยเยาว์เขาเป็นคนเรียนเก่งมีความถนัดและความชอบในวิชาคณิตศาสตร์, ภาษาอังกฤษ และวิทยาศาสตร์ จากการสนับสนุนของบิดามารดา

ชีวิตส่วนตัวสมรสกับ รศ.นราพร จันทร์โอชา อดีตอาจารย์ประจำสถาบันภาษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมีบุตรสาวฝาแฝด 2 คน




รูปลูกสาวฝาแฝดของพลเอกประยุทธ์




คลิกอ่าน ดูรูป ด.ช.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สมัยเรียน มศ.1

วันพุธที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

นิวัฒน์ธำรง บิดเบือนคำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญ








19 พ.ค. 57 นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ได้กล่าวกับ สว. ที่เข้าพบว่า

"​ส่วนการขอให้ครม.ลาออกนั้นก็ไม่สามารถทำได้ มิฉะนั้นจะเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ รวมถึงขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 181 และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้ครม.ที่เหลืออยู่ต้องอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไป"

เดลินิวส์

--------------------------

รัฐธรรมนูญมาตรา 181 กำหนดให้ หลังการยุบสภาคณะรัฐมนตรีต้องอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่นั้น รัฐธรรมนูญนั้น หมายถึง ให้รัฐบาลที่มีความชอบธรรม ยังไม่หมดความชอบธรรม อยู่ทำหน้าที่ต่อไป

รัฐธรรมนูญไม่ได้ให้รัฐบาลที่หมดความชอบธรรมอยู่ทำหน้าที่ต่อไป

แต่ที่ผ่านมา รัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้กระทำความผิดรัฐธรรมนูญเสียเอง รัฐบาลหมดความชอบธรรมไปแล้ว ก็ยังจะหน้าด้านอ้างมาตรา 181 อย่างหน้าด้าน ๆ อยู่ได้

ซึ่งเรื่อง สุญญากาศทางการเมืองได้เกิดขึ้นแล้ว ขณะนี้ไม่มีรัฐบาลแล้ว ผมได้เขียนไว้ในบทความเรื่อง สุญญากาศทางการเมืองเกิดขึ้นแล้วตามมาตรา 171

และ ครม.ทั้งคณะก็สิ้นสุดสภาพตามยิ่งลักษณ์ไปแล้วตามมาตรา 180 ซึ่งจะเขียนในบทความต่อไป

----------------------

ส่วนเนื้อหาในบทความนี้ ผมจะขออธิบายเรื่องที่นายนิวัฒน์ธำรง บิดเบือนคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ในคดีโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนสี

ที่นายนิวัฒน์ธำรง อ้างว่า ศาลกำหนดให้ ครม. ที่เหลืออยู่ต้องอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปนั้น เป็นการบิดเบือนเพื่อหวังยังอยู่ในอำนาจต่อไป

เพราะที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยนั้น ศาลได้วินิจฉัยเฉพาะกรณีการโยกย้ายคุณถวิล  เปลี่ยนสี เท่านั้นว่า ครม.ชุดที่โยกย้ายคุณถวิล ต้องสิ้นสุดสภาพความเป็นรัฐมนตรีลง

ศาลจะไม่วินิจฉัยนอกประเด็น นอกคำร้อง หรือนอกเหนือคดีที่ยื่นเด็ดขาด

ตรงจุดนี้จึงไม่ได้แปลว่า ศาลได้วินิจฉัยให้คณะรัฐมนตรีที่ยังเหลืออยู่อีก 24 คน ยังมีสถานะเป็นรัฐบาลได้ต่อไปอย่างเด็ดขาด เพราะเป็นคำร้องคนละประเด็นกัน

แต่ถ้ามีใครไปร้องต่อศาลใหม่ เช่น กกต. ไปร้องให้ศาลวินิจฉัยใหม่ว่า หลังจากยิ่งลักษณ์พ้นสภาพความเป็นรัฐมนตรีแล้ว นายนิวัฒน์ธำรง สามารถสนองพระบรมราชโองการเลือกตั้งทั่วไปแทนนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่

หรือมี สว. ไปยื่นคำร้องให้ศาลวินิจฉัยว่า เมื่อนายกรัฐมสตรีสิ้นสภาพรัฐมนตรีแล้ว คณะรัฐมนตรีที่เหลืออยู่ยังมีสภาพความเป็นรัฐมนตรีอยู่หรือไม่

จะต้องมีคนไปยื่นคำร้องใหม่ในเรื่องนี้ ศาลจึงจะวินิจฉัยสถานะของรัฐบาลได้

ที่จริงถ้านักการเมืองไทยดีมีคุณธรรมเหมือนนักการเมืองชาติที่เจริญแล้ว เขาจะไม่หน้าด้านรอให้ใครไปยื่นคำร้องหรอก เขาต้องรู้ตัวเองว่า สิ้นสภาพความเป็นรัฐบาลไปแล้ว

----------------------

คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญในคดีคุณถวิล 

คดีนี้ เมื่อความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องในคดีนี้สิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 182 วรรค 1(7) เป็นเหตุให้รัฐมนตรีทั้งคณะพ้นจากตำแหน่ง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 180 วรรค 1(1) แต่ด้วยความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ย่อมทำให้รัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรีที่เหลือ ที่ไม่ขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามของความเป็นรัฐมนตรี อยู่ตำแหน่งต่อไปจนกว่ารัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 181 ได้ อย่างไรก็ตาม หากรัฐมนตรีคนใด ได้กระทำการอันเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลง เป็นการเฉพาะตัว ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ใน มาตรา 182 วรรค 1(1) ถึง (8) ย่อมมีผลให้รัฐมนตรีคนนั้น ไม่อาจอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไป จนกว่ารัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่ตามมาตรา 181 ได้เช่นกัน ในกรณีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการประจำระดับสูง จะต้องได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีก่อน

ดังนั้น คดีนี้ หากรัฐมนตรีคนใดมีส่วนร่วมในการลงมติอันเป็นการก้าวก่าย หรือแทรกแซงข้าราชการประจำ โดยการโอนย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี ซึ่งเป็นกระทำอันต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 268 ประกอบมาตรา 206 ด้วย ไม่ว่าโดยทางตรง หรือทางอ้อม ย่อมเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีผู้นั้นสิ้นสุดลงเป็นการเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 182 วรรค 1(7) ตามไปด้วย และไม่อาจอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไป จนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 181 ได้อีกต่อไป


เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏชัดเจนว่า มีการนำเรื่องการโยกย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี และการให้นายถวิล เปลี่ยนศรี พ้นจากตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี เพื่ออนุมัติอย่างเร่งรีบ รวบรัด ในลักษณะที่ไม่เป็นไปตามปกติ เป็นวาระเพื่อทราบจร ในวันที่ 6 กันยายน 2554 และคณะรัฐมนตรีมีมติเอกฉันท์อนุมัติให้กระทำการโยกย้าย และให้ข้าราชการประจำพ้นจากตำแหน่ง โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายไปในวันเดียวกันนั้นเอง รัฐมนตรีทุกคนที่ร่วมประชุมและลงมติในวันนั้น จึงมีส่วนร่วมในทางอ้อมในการก้าวก่าย และแทรกแซงข้าราชการประจำ อันเป็นการกระทำที่ต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 268 ประกอบมาตรา 266(2) และ (3) เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของรัฐมนตรีเหล่านั้น ต้องสิ้นสุดลงเป็นการเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 182 วรรค 1(7) ไปด้วย


สำหรับประเด็นตามคำขอผู้ร้องที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ดำเนินการแต่งตั้ง นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 172 และมาตรา 173 โดยรวมนั้น ไม่อยู่ในขอบเขตเสนอคำร้อง ให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยคดีนี้ ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับพิจารณาวินิจฉัย จึงให้ยกคำขอส่วนนี้


อาศัยเหตุผลที่ได้กล่าวมาข้างต้น ศาลรัฐธรรมนูญโดยมติเอกฉันท์จึงวินิจฉัยว่า ผู้ถูกร้องใช้สถานะ หรือตำแหน่งการเป็นนายกรัฐมนตรีเข้าไปก้าวก่าย หรือแทรกแซง เพื่อประโยชน์ของตนเองและของผู้อื่น ในเรื่องการบรรจุ แต่งตั้ง โยกย้าย โอน หรือการพ้นจากตำแหน่งของข้าราชการ ซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ และมิใช่ข้าราชการการเมือง จึงต้องด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 266(2) และ (3) และถือเป็นการกระทำตามรัฐธรรมนูญมาตรา 268 อันมีผลทำให้ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลงเป็นการเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 182 วรรค 1(7) และรัฐมนตรีที่ร่วมมีมติในการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2554 จึงมีส่วนร่วมในการก้าวก่าย และแทรกแซง ข้าราชการประจำ อันเป็นการกระทำที่ต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 268 ประกอบมาตรา 266(2) และ (3) เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของรัฐมนตรีเหล่านั้นต้องสิ้นสุดเป็นการเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 182 วรรค 1(7) ไปด้วย


-----------------

สรุปง่าย ๆ คือ ศาลได้วินิจฉัยเฉพาะสถานภาพของ ครม. ชุดที่โยกย้ายคุณถวิลว่าหมดสภาพความเป็นรัฐมนตรีหรือไม่เท่านั้น

เพราะผู้ร้องยื่นคำร้องในคดีการโยกย้ายข้าราชการอย่างไม่เป็นธรรมเท่านั้น ศาลจะไม่วินิจฉัยเกินกว่าคำร้อง และเกินกว่าอำนาจศาล

แปลความง่าย ๆ ว่า ถ้าเฉพาะคดีโยกย้ายคุณถวิล รัฐมนตรีที่ไม่ได้อยู่ในครม. ชุดนั้น จึงยังไม่พ้นสภาพความเป็นรัฐมนตรี ส่วนในกรณีอื่น ๆ ศาลยังไม่ได้วินิจฉัย เพราะยังไม่มีผู้ไปร้อง

แต่ถ้ามีใครไปยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยใหม่ ในเรื่อง การรับสนองพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งของนายนิวัฒน์ธำรง หรือมีใครไปยื่นคำร้องให้ศาลวินิจฉัยเรื่อง สถานภาพ ครม.รักษาการในตอนนี้ใหม่ ศาลจึงจะวินิจฉัยได้

แต่ตามหลักรัฐธรรมนูญไม่ว่าที่ใด ๆ ในโลกนี้ เมื่อไม่มีนายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีสิ้นสภาพความเป็นรัฐมนตรี ความเป็นคณะรัฐมนตรีจึงต้องสิ้นสุดลงไปด้วย

แต่เพราะพวกชั่วมันจะแถ อย่างไร้จิตสำนึกและจริยธรรม พอศาลไม่ได้วินิจฉัยมาว่าพวกมันสิ้นสภาพความเป็นรัฐบาล มันก็จะแถเพื่ออยู่ในอำนาจต่อไป

-------------------

ส่วนที่ว่า รักษาการต่อไปจนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่มาแทน ก็หมายถึงว่า เมื่อตอนนี้เกิดสุญญากาศทางการเมืองแล้ว (ตามหลักที่ถูกต้อง ควรให้ปลัดกระทรวงรักษาการแทนแล้วด้วยซ้ำ)

ฉะนั้นตอนนี้วุฒิสภาจึงสามารถทำหน้าที่แทนสภาผู้แทนราษฎร ในการสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ได้ทันที

เมื่อมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่แล้ว พวกชั่วที่เหลืออีก 24 คนก็ต้องจบสภาพลงโดยสมบูรณ์

การที่ศาลวินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงในกรณียิ่งลักษณ์ ก็ไม่ต่างอะไรกับสิ้นสภาพรัฐมนตรีจาก การลาออก การตาย ตามมาตรา 182




ฉะนั้น ที่นายนิวัฒน์ธำรงอ้างว่า ยังลาออกไม่ได้ แถมมีครม. ใหม่ก็ไม่ได้ เพรา่ะตนเองยังรักษาการอยู่ จึงเป็นการบิดเบือนรัฐธรรมนูญของพวกชั่วโดยแท้

ความแถและการตีความของนายนิวัฒน์ธำรง ก็ไม่ต่างจากพระบางคนตีความว่า พระสามารถนั่งรถไฟเหาะตีลังกาได้ เพราะพระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติห้ามพระนั่งรถไฟเหาะเอาไว้ 


คลิกอ่าน ดูชัด ๆ ความเป็นคณะรัฐมนตรีสิ้นสุดลงแล้วตามมาตรา 180  จึงต้องใช้มาตรา 7


วันเสาร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

กรวย ของชัชชาติใหญ่มาก ปูคอนเฟิร์ม








นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รักษาการรัฐมนตรีคมนาคม ผู้สร้างภาพเก่งที่สุดในปฐพี ผู้ที่ทำให้คนไทยที่ชอบพวกสร้างภาพหลงใหลอย่างหัวปักหัวปำ

คราวนี้นายชัชชาติก็ได้ขอเกาะกระแสหวงกรวย ร่วมกับไอ้พวกแอ๊บสันติภาพทั้งหลายด้วย

โดยเฟสบุ้คนายชัชชาติ ได้แต่งกลอนแดกดันพวกหวงกรวยตามนี้



การ์ด กปปส. = พวกหวงกรวย
แต่ควายแดง และ เหี้ยแดง = พวกหัวกรวย

ใช่ครับ พวกหวงกรวยนี้มันน่าโดนแดกดันซะจริง ๆ แต่ไอ้พวกยิง M79 นี่สิ ไอ้พวกหัวกรวยกลับไม่ไปประณามกันบ้าง

ฝ่ายที่ถูกพวกหัวกรวยแดกดัน โดนยิงโดนระเบิดตายไปแล้ว 23 คน แต่ไอ้พวกหัวกรวยแม่งทำเฉย นั่นแสดงว่าอะไร ?

ก็แสดงว่า ไอ้พวกหัวกรวยอย่างอีโอ๊ค อีเต่านา และไอ้ชัชชาติหัวกรวย มันพอใจไง ที่มีคนตายเพราะ M79



เมื่อไอ้ชัชชาติหัวกรวยโชว์แต่งกลอนแดกดันพวกหวงกรวยได้ ก็เลยมีคนแต่งกลอนตอบชัชชาติบ้าง เธอชื่อยิ่งลักษณ์ ฟักมีนาว ครับ









-------------------------------

ชัชชาติ เอื้อผลประโยชน์ลูกน้องหรือไม่ ?


หจก.เมียลูกชายเสี่ยแหมะ-เลขาฯ “ชัชชาติ” กวาดงาน“ทางหลวง”อื้อ 500 ล.


คลิกที่รูปเพื่อขยาย !!


สำนักข่าวอิศรา

----------------------------------

ใครยิง M79 ?





คลิกอ่าน เต่านา มิ่งมงกรวย , อีโอ๊คหัวกรวย


คลิกอ่าน ที่มา ชัชชาติผู้แข็งแกร่ง แต่ท่าดีทีเหลว


วันอังคารที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

เมื่อม็อบแดง ม็อบขยะ ม็อบเติมเงิน ขออัพเกรดเป็นม็อบ AEC







ตอนชุมนุมถนนอักษะครั้งแรกของ นปช. ว่ากันว่า แม้แต่ป้ายหน้าห้องน้ำ ยังต้องมีภาษาพม่า ติดคู่กับภาษาไทย ซึ่งภาพนั้นก็ไม่ชัดเจน อาจเป็นการตัดต่อกลั่นแกล้งใส่ร้ายกันก็ได้

แต่ข่าวไทยพีบีเอส ในตอนนั้น ได้เคยไปทำข่าวและสอบถามผู้นำแรงงานพม่าทางภาคเหนือ ซึ่งผู้นำแรงงานพม่าได้ยืนยันว่า ได้มีคนมาว่าจ้างแรงงานพม่าจากจังหวัดทางภาคเหนือให้มาชุมนุมที่ถนนอักษะจริง ๆ

จะข่าวลือหรือจะข่าวจริงที่เกิดขึ้นก็ตาม ก็ทำให้แกนนำแดงบนเวทีถนนอักษะต้องออกประกาศยืนยันว่า มีแต่คนไทยมาชุมนุมเท่านั้น ไม่ได้มีแรงงานต่างด้าวมาร่วมชุมนุมด้วยอย่างแน่นอน แถมแกนนำยังสั่งให้ผู้ชุมนุมเสื้อแดงชูบัตรประชาชนให้กล้องทีวีถ่ายไว้ด้วย เพื่อยืนยันว่า มีแต่คนไทยเท่านั้น

นี่ล่าสุด การชุมนุมเสื้อแดงวันที่ 10 พฤษภาคม 2557 ก็มีข่าวลือว่า มีการว่าจ้างคนมาชุมนุมอีก จะจริงหรือไม่ ผมไม่ยืนยัน แต่ขอตัดภาพจากข่าวมาเอาฮาแล้วกัน


มิงกะลาบา !!






ไม่จริงใช่ไหม ตู่ 5555


---------------------

ข่าว ชาวบ้านสระแก้ว แจ้งความโดนแกนนำแดงเบี้ยวเงิน



คือชาวบ้านโดนจ้างให้มาชุมนุมที่ถนนอักษะ ในราคา 3 วันจะได้ 1000 บาท แต่อยู่ ๆ ก็แกนนำแดงปล่อยลอยแพทิ้งไว้ที่ขอนแก่น ชาวบ้านก็เลยมาแจ้งความว่าถูกแกนนำหลอก

สุดท้ายก็ยอมความกันได้ โดยแกนนำแดงยอมจ่ายให้ 500 บาท แล้วก็แยกย้ายกันกลับไป

สรุป แกนนำแดงอมเงินอีกแล้วนะทักษิณ 555

----------------------

ข่าว แกนนำแดงพัทยา ตายเปลือยคาจอทีวี ขณะลุ้นยิ่งลักษณ์

คือตามหลัก เมื่อเขาตายไปแล้ว ไม่ว่าจะฝ่ายไหนก็ตาม ก็ควรไม่ซ้ำเติม และให้เกียรติผู้ตาย อโหสิกรรมกันไป

แต่พอผมอ่านข่าวนี้ และอ่านความเห็นของผู้แสดงความเห็นในข่าว ผมฮากระจายจริง ๆ






ต้องขออภัยผู้ตายด้วย ผมไม่ได้อยากฮา แต่มันอดไม่ได้จริง ๆ 5555555


วันพฤหัสบดีที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

อดีตนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้ที่ไม่เคยทำอะไรผิด







ในคดีทุจริตจำนำข้าว ยิ่งลักษณ์เคยแก้ตัวในสภาว่า ตนเองแค่ผู้ดูแลนโยบายเท่านั้น ส่วนระดับปฏิบัติการณ์มอบหมายให้รองนายก ฯ และ รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องไปแล้ว เธอไม่เกี่ยว !!


"ดิฉันขอเรียนเพื่อทำความเข้าใจที่ตรงกันว่า วิธีการทำงานนั้น มีหลาย ๆ ขั้นตอนในการปฏิบัติงาน ตั้งแต่ขั้นแรก ในฐานะที่เป็นประธาน กขช. โดยตำแหน่ง ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีนั้น กขช. คือเป็นคณะกรรมการในระดับของนโยบายซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน แต่ในการทำงานดิฉันได้มอบหมายให้กับรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธานทุกครั้ง และจากคณะกรรมการของ กขช. นี้ คณะกรรมการ กขช. จะเป็นผู้ที่กำหนดนโยบายและแนวทางในการทำงาน กำหนดมาตรการต่าง ๆ เพื่อป้องกันการรั่วไหลและการทุจรติคอร์รัปชั่น เพื่อให้กับคณะอนุกรรมการ ซึ่งคณะอนุกรรมการในที่นี้ มีทั้ง 12 คณะ ก็จะมีรายละเอียดต่าง ๆ มากมาย ตั้งแต่ในเรื่องของคณะอนุกรรมการด้านการผลิต การตลาด การดูแลรับจำนำ การระบายข้าว ซึ่งมีระดับรัฐมนตรี หรือระดับปลัดกระทรวง อธิบดี เป็นประธานอนุในแต่ละคณะอนุกรรมการ ซึ่งมี 12 คณะ

และต่อมาก็คือระดับปฏิบัติการ ซึ่งระดับปฏิบัติการก็จะปฏิบัติการภายใต้การทำงานของคณะอนุกรรมการ อันนี้จากชาร์ตจะเห็นว่าในรายละเอียดของระดับปฏิบัติของคณะอนุกรรมการฯ แต่ละคณะอนุกรรมการก็จะมีแต่ละเรื่อง ดังนั้นการทำงานในเรื่องของนโยบายรับจำนำข้าวนั้น จะทำในรูปแบบของคณะทำงานในรูปแบบของคณะบุคคล จากคณะปฏิบัติก็จะมาถึงหน่วยปฏิบัติ ก็มีหลายหน่วยเช่นกัน

หน่วยแรกคือ กรมส่งเสริมการเกษตร ซึ่งกำกับโดยท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมการค้าภายใน ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แล้วก็ยังมีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่งกำกับโดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และมีองค์การตลาดเพื่อการเกษตร( อ.ต.ก.) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ องค์การคลังสินค้า (อคส.) นี่คือระดับการทำงาน 3 ระดับ การตรวจสอบหรือการจ่ายเงินก็มาจากกระทรวงการคลัง จ่ายโดยผ่านสำนักงบประมาณเข้ามายังหน่วยงานสามหน่วยงาน โดยเฉพาะเงินที่เป็นเงินของพี่น้องเกษตรกรจ่ายผ่าน ธ.ก.ส. ทุกบาททุกสตางค์ อันนี้ขออนุญาตเรียนให้ทราบในเรื่องของแนวทางการดำเนินการซึ่งเรามีการพูดถึงกันอยู่ในหลาย ๆ ระดับ"

ยิ่งลักษณ์แก้ตัวในสภา ญัตติไม่ไว้วางใจอย่างไร ก็ไปแก้ตัว ป.ป.ช. อย่างนั้น


คลิกอ่าน ประเด็นเด็ดที่ ป.ป.ช. แจ้งข้อหายิ่งลักษณ์คืออะไร (ก่อนการชี้มูลความผิด)

--------------------

คดีโยกย้ายคุณถวิล

ตอนไปให้การต่อศาลรัฐธรรมนูญ ยิ่งลักษณ์แก้ตัวทำนองเดิมว่า ได้มอบหมายการกำกับดูแลด้านความมั่นคงและสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้รองนายก และรัฐมนตรีไปแล้ว และพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ก็ไม่ใช่ญาติของเธออีก เพราะทักษิณได้หย่ากับพจมานไปแล้ว เธอย่อมไม่ผิด !!





"ดิฉันได้มอบอำนาจให้รองนายกฯ และรัฐมนตรี ในการกำหนดและพิจารณาบุคลากร ซึ่งผู้รับมอบอำนาจเข้าใจในการกำหนดแผนงานที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา ได้มอบให้ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ดูแลสมช. ส่วน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นางสาวกฤษณา สีหลักษณ์ ดูแลสำนักนายกรัฐมนตรี"

"ดิฉันไม่ได้ก้าวก่ายหรือแทรกแซง ครม.ต้องใช้ดุลยพินิจในการบริหารแผ่นดิน เพื่อประโยชน์สูงสุด ไม่ได้คาดเดาเหตุการณ์ล่วงหน้า หรือวางแผนอย่างเป็นขั้นตอน แต่คำนึงประโยชน์สูงสุดของประเทศ ไม่ได้คำนึงถึงความเป็นเครือญาติ ด้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้หย่าขาดกับคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ แล้วด้วย จึงพิสูจน์ได้ว่า พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ จะหมดอายุราชการแล้ว ก็ไม่ได้มาอยู่ในครม.ของดิฉันใดๆ การโยกย้ายก็ไม่ได้เร่งรีบ แต่การบริหารราชการเราต้องเร่งมือในการปฏิบัติ หัวหน้าส่วนราชการมีความสำคัญในการปฏิบัติ ก็ต้องมีผู้รับผิดชอบในการบริหาร ดิฉันไม่ได้รับประโยชน์ในการแต่งตั้งราชการกระทรวงใดๆ ”





--------------------

คลิปยิ่งลักษณ์ แถลงอำลาตำแหน่ง




เรียน พี่น้องประชาชนไทยที่เคารพรักทุกท่าน

ตลอดระยะเวลาที่รัฐบาลและตัวดิฉันได้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนนตรีได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลตามที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภาเพื่อการพัฒนาประเทศ และความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเศรษฐกิจ ในสร้างความสมดุลย์ให้กับระบบเศรษฐกิจ ที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจภายในประเทศ ทางด้านสังคม ที่รัฐบาลมุ่งเน้นการสร้างความเสมอภาค และความเท่าเทียมกัน การแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ และลดช่องว่างระหว่างผู้มีรายได้น้อย และผู้มีรายได้มาก เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เพื่อให้ทัดเทียมกันรวมถึงการพัฒนาให้ประเทศไทยมีบทบาทยืนอยู่ในเวทีของอาเซียนเพื่อเป็นศูนย์กลางของการก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

ดิฉันขอยืนยันว่า ตลอดระยะเวลาการทำงานที่ผ่านมา ตลอดรัฐบาลนี้ ดำเนินการด้วยความตั้งใจ ทุ่มเทในการทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน ยึดหลักการบริหารราชการแผ่นดิน ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่เคยมีพฤติกรรมส่อไปในทางทุจริตตามที่กล่าวหาแต่อย่างไร หรือแม้กระทั่งการเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้ใดผู้หนึ่ง หรือการฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายอย่างที่ได้มีการกล่าวหา นอกจากนี้ ในการดำเนินการขับเคลื่อนนโยบาย ยังได้ให้ความสำคัญกับการจัดการเรื่องการแก้ปัญหาการทุจริตอย่างเสมอมา

ดิฉันขอถือโอกาสนี้ ขอบคุณพี่น้องข้าราชการที่ให้การสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลตลอดระยะเวลา 2 ปี กว่าที่ผ่านมา และที่สำคัญขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ให้ความไว้วางใจดิฉันและคณะรัฐมนตรีได้มีโอกาสรับใช้พี่น้องประชาชนตลอดมา และกำลังใจที่ให้ตลอดมาของการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นช่วงของความยากลำบากเพียงไหน ไม่ว่าจะเป็นช่วงความเดือดร้อนของการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ สังคม หรือแม้กระทั่งเหตุการณ์การเมือง ก็ได้รับกำลังใจจากพี่น้องประชาชนเสมอมา เป็นสิ่งที่ทำให้ดิฉันมีกำลังใจในการปฏิบัติงาน และปฏิบัติหน้าที่ด้วยความทุ่มเทเสมอมา และทุกครั้งที่ดิฉันทำงาน

วันนี้ ดิฉันได้ทำงานมาเป็นระยะเวลา 2 ปี 9 เดือน 2 วัน ทุก ๆ นาที ทุก ๆ วัน ดิฉันมีความภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ที่มาจากการเลือกตั้ง จากพี่น้องประชาชน และก้าวเข้ามาสู่การเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยวิถีทางของประชาธิปไตย ดิฉันภูมิใจที่ได้ทำงานอยู่ในหน้าที่ ด้วยความตั้งใจและทุ่มเท ต่อไปนี้ไม่ว่าดิฉันจะอยู่ในสถานะใด ดิฉันก็จะขอเดินตามเส้นทางของระบอบประชาธิปไตย และยึดมั่นในหลักของนิติรัฐและนิติธรรมในการสร้างความเสมอภาคอย่างเท่าเทียมกันของสังคม และสุดท้าย ดิฉัน ขอยืนหยัดว่า ไม่ว่าดิฉันจะอยู่ตำแหน่งไหน ดิฉันขออยู่ข้างพี่น้องประชาชนคนไทยตลอดไป ขอบคุณค่ะ"


คลิกอ่าน รัฐบาลยิ่งลักษณ์เข้าข่ายฉ้อโกงประชาชนหรือไม่ ?


------------------------

สรุป

"The only man who never makes mistakes is the man who never does anything."

หมายถึง "คนที่ไม่เคยทำผิด คือคนที่ไม่เคยทำอะไรเลย"

ถ้ายิ่งลักษณ์อ้างว่า เธอไม่ได้ทำผิด เพราะเธอมอบหมายงานให้คนอื่นไปหมดแล้ว

นี่ก็แสดงให้เห็นชัดว่า ยิ่งลักษณ์เธอยอมรับเองว่า เธอไม่เคยรู้เรื่องอะไร ไม่เคยทำอะไรเลย เธอแค่มีหน้าที่แรด ๆ โชว์สวย เที่ยว ทัวร์ ไปวัน ๆ เท่านั้นเอง

นี่หรืออดีตนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งไทย ชั่งเห่ยสิ้นดี !!

-----------------

สปิริตผู้นำประเทศ 

นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้ประกาศลาออก และก้มหัวขอโทษประชาชนจากกรณีอุบัติเหตุเรือเฟอร์รี่ล่ม



ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ นายลีเมียงบัค ก้มหัวขอโทษประชาขน จากกรณีพี่ชายของเขาพัวพันการทุจริต




คลิกอ่าน รักษาการรองนายก จะมาทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีไม่ได้


วันเสาร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ชมความกล้าหาญของประธาน นปช. จตุพร ก่อนชุมนุมใหญ่ 10 พ.ค. 57







เมื่อการชุมนุมใหญ่ นปช. ในปี 2553 หลังจากที่ เสธ.แดง ถูกสไนเปอร์ยิงกระบาลตาย ตามคำสั่งฆ่าปิดปากของทักษิณแล้ว

ทีนี้เวที นปช. ที่ราชประสงคก็มีข่าวว่า อาจมีการซุ่มยิงหัวแกนนำแดงอีก

ฉะนั้นเมื่อใดที่การ์ด นปช. เกิดความไม่แน่ใจในความปลอดภัย การ์ดนปช. ก็จะรีบแจ้งข่าวเตือนให้แกนนำแดงบนเวที รีบหลบลงจากเวทีเพื่อความปลอดภัยทันที

มีครั้งหนึ่ง การ์ด นปช. ตรวจพบว่า เริ่มมีความไม่ชอบมาพากลบนตึกสูง เพราะได้ยินเสียงคล้ายปืนลั่น การ์ดจึงรีบแจ้งข่าวให้แกนนำที่กำลังปราศัยลงจากเวที

ซึ่งตอนนั้น นายจตุพรกำลังปราศัยบนเวที

พอทราบการแจ้งเตือนจากการ์ด ประกอบกับได้ยินเสียงคล้ายปืนดังขึ้น ไอ้ตู่ก็มีอันเข่าอ่อนทันที มันเดินลงจากเวทีไม่ไหว ต้องลำบากลำบนให้บรรดาขี้ข้าช่วยกันหามไอ้ตู่ลงเวที

คลิกที่รูปเพื่อขยาย


"บนเวทีทำปากกล้าแต่ขาสั่น พอปืนลั่นขาเลยอ่อนเดินไม่ไหว
ใช้ขี้ข้าพาอุ้มหนีลงบันได เกิดเป็นควายรับใช้เหี้ย อดสูเอย"
(กลอนฮาโดย ใหม่เมืองเอก)

ฉะนั้นถ้าใครยังเชื่อไอ้ตู่ คางคก ก็ควายแล้วครับ

ไอ้ตู่ มันแค่ปากเก่งไปวัน ๆ รับจ้างหลอกควายเพื่อเงินทักษิณเท่านั้น พอถึงสถานการณ์จวนตัว ไอ้ตู่กลัวจนเยี่ยวแทบแตกล่ะครับ

สมแล้วที่มันได้เป็นประธาน นปช. ที่ไม่มีคำว่าเสียสละในหมู่แกนนำแดง !!

เรื่องเลว ๆ แถมดีแต่ปากของไอ้ตู่ ไปถามนายเมธี อมรวุฒิกุล ลูกน้อง เสธ.แดงได้เลย

-----------------------

ฉะนั้น ที่หลายคนติงว่า กลัวจะเกิดสงครามกลางเมืองระหว่าง กปปส. กับ เสื้อแดง เพราะเห็นพวกเสื้อแดงตั้งกองกำลังปกป้องประชาธิปไตยแบบควาย ๆ ขึ้น

แต่ในความเป็นจริง แกนนำแดงแต่ละตัวกลับไร้อุดมการณ์ประชาธิปไตย เพราะพวกนี้สู้เพื่อเงินทักษิณทั้งนั้น แล้วก็หลอกให้พวกควายแดงที่โง่ ๆ ไปตายแทน

ดูอย่างปี 53 สิ พอถึงสถานการณ์เสี่ยงตายจริง ๆ พวกแกนนำแดงหนีเอาตัวรอดกันหมด เหมือนสันดานทักษิณ

ผมจึงมั่นใจว่า ไทยเราจะไม่มีสงครามกลางเมือง จนมีคนตายเป็นพันเหมือนอียิปต์แน่นอน เพราะถ้าจะมีคนตายเพื่อทักษิณ ก็มีแต่พวกโง่ ๆ เท่านั้น เพราะแกนนำแดงมันไม่เสี่ยงตายเพื่อทักษิณหรอก


--------------------------

ขำขัน ตอน คางคกกลับกลอก !!

ตู่ "เราจะชุมนุมใหญ่วันที่ 6 พ.ค. ไม่ชนะไม่กลับบ้าน

ท่านประธาน นปช. ครับ สุเทพบอกจะชุมนุม 5 พ.ค. ครับ

วันต่อมา

ตู่ "งั้นเราจะขอเลื่อนมาชุมนุมใหญ่ 5 พ.ค. รับรองมีคน 5 แสนคนแน่นอน เพื่อไม่ได้เปรียบเสียเปรียบนับจำนวนผู้ชุมนุม"

ท่านประธานครับ แต่สุเทพ บอก วันเผด็จศึก ตือ 14 พ.ค. ครับ

ตู่ "งั้นเอาไงดีวะ"

เต้น "ชุมนุม 14 พ.ค.ไปเลยพี่ตู่"

ตู่ "เฮ้ย ถ้าชุมนุม 14 เลย ระดมควายไม่ทัน มันต้องก่อนหน้านั้น จะได้ไม่หน้าแตก"

วันต่อมา

ตู่ "เราจะชุมนุมใหญ่วันที่ 10 พ.ค. แน่นอน โดยเรียว่า ชุมนุมเพื่อปราบกบฏ"

สรุป ไอ้ตู่กลับกลอก ไหนว่าจะแข่งจำนวนผู้ชุมนุมวันเดียวกัน เพื่อให้ไม่ได้เปรียบเสียเปรียบ ??

ไอ้ตู่ กับ นปช. มันแพ้ ตั้งแต่ยังไม่ชุมนุม!!

-------------

ถ้าการเป็น กบฏ ต่อ รัฐบาลที่หมดความชอบธรรม จึงเท่ากับว่า กบฏนั้น ย่อมไม่ใช่กบฏต่อบ้านเมือง แต่เป็นกบฏต่อฝ่ายอธรรม เป็นกบฏเพื่อธรรมะ