วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

พวกคลั่งการเลือกตั้งลองหัดต่อต้านเผด็จการแบบสร้างสรรค์บ้างสิ






มเข้าใจนะว่า คนที่เกลียดและต่อต้านรัฐประหารมีจำนวนมาก แล้วเข้าใจว่าอยากแสดงออกอย่างมากเพื่อประกาศให้สังคมรู้ว่า ยังมีคนต่อต้านรัฐประหารอยู่นะ

และมีผู้คนที่ต่อต้านรัฐประหารหรือต่อต้านเผด็จการจำนวนไม่น้อยที่ชอบยกเอาตรรกะประเภท ประเทศไทยในขณะนี้มีสภาพเหมือนเกาหลีเหนือ

ถามจริง ๆ เถอะ ถ้า คสช. เป็นเหมือนรัฐบาลเกาหลีเหนือจริง ๆ พวกคุณคิดว่าจะมีโอกาสได้ด่า คสช. ในโลกออนไลน์เหมือนทุกวันนี้เหรอ ?

ถามจริง ๆ เถอะ ถ้า คสช. เป็นเผด็จการจริง ๆ พวกคุณคิดว่า พวกที่ออกมาต่อต้าน คสช. ในที่สาธารณะ จะได้รับการปล่อยตัวกลับง่าย ๆ ครั้งแล้วครั้งเล่าแบบนี้ทุกครั้งเหรอ ?

ก็คงโดนจับขังลืม หรือจับยิงเป้าไปหมดแล้ว จริงไหม

แล้วพวกที่อ้างว่าเป็นนักศึกษาต่อต้านเผด็จการน่ะ ก็รู้ ๆ อยู่แล้วว่า ต้องโดนจับแน่ ๆ ฉะนั้นก่อนอื่นก็ต้องโทรเรียกสื่อให้มาทำข่าวให้เยอะ ๆ เพื่ออวดเท่ไง ประเด็นสำคัญคือ ต้องการให้เป็นข่าว

คือถ้าจะต่อต้านรัฐประหารจริง ๆ มันต้องไม่ใช่แค่การแสดง หรือที่เรียกว่า จำอวด หน้าม่าน แบบนี้ครับ

เพราะรู้อยู่แล้วว่า สุดท้ายเดี๋ยวตำรวจเขาก็ต้องปล่อยตัวพวกต่อต้านกลับบ้าน คือ ได้อวดเท่ในหมู่พวกคลั่งการเลือกตั้ง แล้วเดี๋ยวอาจไปรับทรัพย์ตามปริมาณการออกสื่อ ใช่ไหม ?

เช่น ใครได้ออกสื่อเยอะสุด หรือใครที่เรียกดราม่ามากที่สุด ก็จะรับโบนัสมากที่สุด

อ้าว ๆ เดี๋ยวจะมีความแดงมาด่าผมว่า ไอ้สลิ่มมึงดูถูกอุดมการณ์ประชาธิปไตยนี่หว่า

ผมไม่ดูถูกครับ แต่ผมเหยียดหยามเลย เพราะถ้าพวกคุณแน่จริง ก็ต้องกระทำแบบอาหรับสปริง ให้เป็นไทยสปริงกันไปเลย อย่าแค่เอาเท่ อวดหน้ากล้องหวังเป็นข่าวเท่านั้น

คือ ถ้าพวกนักศึกษาหน้าแก่เหล่านั้น ไม่ได้รับจ๊อบจัดอีเวนท์จริง ๆ ก็คงไม่เรียกสื่อมามากมายขนาดที่เห็นหรอก เพราะสื่อมาเยอะกว่าพวกประท้วงต่อต้านเผด็จการอีก

คือ มันเป็นการวางแผนเพื่อกระสันอยากเป็นข่าวอย่างเห็นได้ชัด

เรียกง่าย ๆ ว่า พวกรับอีเวนท์ต่อต้านเผด็จการนั่นแหละ

คือ ถ้าพวกคุณจะต่อต้านเผด็จการอย่างมีอุดมการณ์และสร้างสรรค์จริง ๆ ต้องไม่ใช่แบบที่เห็นเป็นข่าว

เช่น ทำไมพวกคุณไม่ต่อต้านรัฐประหารด้วยการไปลอกท่อ เก็บขยะในคูคลอง หรือทำความสะอาดถนน ล้างห้องน้ำวัด แล้วใส่เสื้อยืดสกรีนคำว่า

"กูต่อต้านรัฐประหารด้วยการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์เพื่อสังคม"



แล้วก็นัดแนะกับพรรคพวกไปช่วยบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม ใส่เสื้อยืดสกรีนต่อต้านเผด็จการกันเยอะ ๆ มาให้เป็นร้อยคน ไม่ใช่แค่ไม่กี่สิบคน โดยไม่ต้องไปโทรเรียกสื่อให้แห่กันมาทำข่าวเยอะแยะ

เพราะถ้าสื่อไม่รู้ พวกทหาร ตำรวจก็คงไม่รู้เช่นกัน

พอพวกคุณไปทำประโยชน์ให้สังคม เดี๋ยวก็มีผู้คนแห่ถ่ายรูปพวกคุณแชร์ในโลกออนไลน์แน่นอน แถมยังได้รับคำชื่นชมจากผู้คนมากมาย และไม่ทำให้บรรยากาศความสงบสุขของบ้านเมืองต้องเสียไปด้วย

คือไม่เช่นนั้น ผู้คนในสังคมก็จะมองว่า พวกคุณก็แค่นักศึกษาคณะตอแหลศาสตร์ ภาควิชานักแสดงอีเวนท์ มหาลัยหอนเที่ยงคืน ออกมาประท้วงเผด็จการแบบอวดเท่ แล้วรับทรัพย์เท่านั้น

หามีอุดมการณ์อะไรที่จริงแท้ไม่

"โอนให้แล้วนะ"


ายกฯ ตู่ บอกว่า "เข้าใจที่นักศึกษามาประท้วงเพราะมีอุดมการณ์ที่ดี ยังไฟแรง เพียงแต่อยากจะขอว่า มันยังไม่ใช่เวลานี้ ขอร้องล่ะนะ"


คลิกอ่าน สาเหตุที่พลเอกประยุทธ์ต้องทำรัฐประหาร

วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

เรียนรู้ประชาธิปไตยที่แท้จริง ผ่านสิทธิใช้ถนนของรถจักรยาน






ผมเคยเขียนเรื่อง ต้องมีหัวใจประชาธิปไตย จึงจะเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง ในบทความนั้นผมเคยยกตัวอย่างเรื่อง คนขับรถต้องมีน้ำใจต่อคนขี่จักรยาน จึงจะเรียกว่า มีหัวใจประชาธิปไตยที่แท้จริง

ถามว่า ทำไมคนขับรถยนต์ที่มีน้ำใจกับคนขี่จักรยาน ถึงได้เรียกว่า เป็นคนมีหัวใจประชาธิปไตย ?

ตอบ เพราะประชาธิปไตยที่แท้จริง ไม่ว่า จะยากดีมีจน จะเศรษฐีหรือยาจก ก็มีสิทธิเท่ากันในวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง

ซึ่งทุกระบอบปกครองในโลกนี้ หากยังเป็นระบอบที่มีความเป็นธรรม ประชาชนทุกคนไม่ว่ายากดีมีจน เศรษฐีหรือยาจก ก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ได้รับความคุ้มครองทางกฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน

ทั้งหมดที่ว่ามา คือหลักการที่ถูกต้อง แต่จะทำได้มากน้อยแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับผู้บังคับใช้กฎหมายในประเทศนั้น ๆ ว่ามีความยุติธรรม มีคุณธรรมและมีความซื่อตรงต่อหน้าที่มากแค่ไหน

เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะคนขับรถบรรทุกใหญ่ 18 ล้อ ไล่ลงมาจนถึงคนขับรถยนต์ 4 ล้อ คนขับรถกระบะ คนขี่รถมอเตอร์ไซค์ จนถึงคนขี่รถจักรยาน ก็ย่อมได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายจราจรโดยเท่าเทียมกัน เพราะชีวิตของประชาชนทุกคนมีค่าเท่าเทียมกันตามกฎหมาย

หากคนขับรถยนต์บรรทุกไม่เอื้อเฟื้อ ไม่มีน้ำใจต่อรถเล็กกว่า หรือ รถยนต์ไม่เอื้อเฟื้อต่อรถมอเตอร์ไซค์ หรือ ไม่มีน้ำใจให้รถจักรยาน ก็ย่อมมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุเกิดขึ้นโดยง่าย

ผมเห็นคนบางคนแสดงความเห็นว่า รถจักรยานไม่เสียภาษีจึงไม่ควรมาขี่บนถนน นั้น ใครที่แสดงความเห็นเช่นนี้ช่างเป็นคนใจแคบยิ่งนัก

เพราะแม้รถจักรยานจะไม่ได้เสียภาษีรถประจำปีก็ตาม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า คนขี่จักรยานจะไม่มีสิทธิใช้ถนนร่วมกับรถยนต์ประเภทต่าง ๆ

อีกทั้งคนที่ขี่จักรยานไปทำงานในสมัยนี้ หลายคนเสียภาษีรายได้ประจำปีมากกว่าคนขับรถยนต์บางคนด้วยซ้ำ

แต่เรื่องภาษี ไม่ควรนำมาอ้างในการใช้สิทธิบนถนน เพราะ คนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ก็ได้รับการยกเว้นภาษีรายได้ประจำปีกันทั้งนั้น

กะอีแค่เสียภาษีรถยนต์ หรือ ต่อทะเบียนรถยนต์ประจำปี กลับนำมาอ้างว่า ตนเองนั้นมีสิทธิใช้ถนนมากกว่าคนขี่จักรยาน

ใครที่ใช้ตรรกะเห่ย ๆ แบบนี้ ก็ต้องเชื่อว่า รถบรรทุกขนาดใหญ่ย่อมมีสิทธิใช้ถนนมากกว่ารถเก๋ง รถกระบะน่ะสิ จริงไหม ?

แต่ความจริงรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่เสียภาษีรถยนต์ประจำปี หรือต่อทะเบียนประจำปี กลับมีสิทธิใช้ถนนน้อยกว่ารถยนต์ทั่วไปด้วยซ้ำ เพราะรถบรรทุถูกกำหนดเวลาออกวิ่ง ถูกกำหนดเลนที่ใช้วิ่ง

ดังนั้นตรรกะอ้างเรื่องรถยนต์จ่ายภาษี รถจักรยานไม่จ่ายภาษี จึงเป็นความคิดอันคับแคบของคนที่ไม่รู้จักประชาธิปไตยเลยด้วยซ้ำ

เพราะถ้าใครคิดแบบนั้น ก็ต้องเชื่อว่า คนรวยที่จ่ายภาษีมากกว่าคนจน ย่อมมีสิทธิในประเทศนี้มากกว่าคนจนจริงไหม ?


-----------------------

เอาใจเขามาใส่ใจเรา เอาใจรถเล็กมาใส่ใจรถใหญ่

ผมเองก็เป็นคนขับรถยนต์ แต่ผมแทบจะไม่เคยบีบแตรใส่รถมอเตอร์ไซค์เลย แต่ที่แน่ ๆ ผมไม่เคยบีบแตรใส่รถจักรยานเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพราะผมถือว่า รถใหญ่กว่าต้องเอื้อเฟื้อแก่รถเล็กกว่า

หากในถนนที่คับแคบ การใช้รถใช้ถนนก็ยิ่งต้องเอื้อเฟื้อแก่ผู้ใช้ถนนร่วมกันให้มาก อย่างเช่น ถนนในตรอกซอกซอยต่างๆ  บางถนนไม่มีทางเท้า ทั้งคนเดินถนน ทั้งคนขี่จักรยาน และคนขับรถ ก็ต้องใช้ถนนร่วมกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งต้องเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ถนนหนทางร่วมกัน

เพราะนอกจากผมจะขับรถยนต์แล้ว ผมก็เป็นอีกคนนึงที่ขี่จักรยานเป็นประจำ เพียงแต่ว่า ผมจะขี่จักรยานเฉพาะในละแวกบ้านเท่านั้น เพื่อขี่ออกไปซื้อของใกล้บ้านบ้าง

เมื่อ 3 ปีก่อน ผมก็เคยประสบอุบุติเหตุในขณะขี่จักรยาน โดยรถมอเตอร์ไซคฺ์คันหนึ่ง ที่คนขับมัวแต่หันไปพูดกับคนซ้อนท้าย จนไม่ระวังดีพอ จนมาเฉี่ยวแฮนด์จักรยานของผม จนจักรยานของผมล้มกลางถนน ทำให้ผมบาดเจ็บเข่าถลอก ของที่อยู่เต็มตะกร้าหน้ารถจักรยานก็หล่นร่วงหมด

แต่โชคดีที่รถยนต์ที่ตามหลังมา อยู่ในระยะห่างพอควร จึงเบรคได้ทันไม่มาชนผมซ้ำ ส่วนรถมอเตอร์ไซค์ที่ก่อเหตุ เขาขี่เลยไปแล้วจอดไกลจากผมพอควร เขาหันมาดูผมแป๊บนึงแล้วรีบขี่หนีไปเลย ผมเลยมองไม่เห็นทะเบียนรถเท่าไหร่นัก

ทั้ง ๆ ที่ผมขี่รถในซอยแถวบ้าน เพียงแต่เป็นซอยแคบ 2 เลนเท่านั้น เผื่อคุณผู้อ่านอาจรู้จัก ซอยเจ้าแม่กวนอิมโชคชัย 4 ไงครับ นึกภาพออกไหม ?

ที่ผมเล่ามานั้น เพราะผมเข้าใจหัวอกคนขี่จักรยานดี และในฐานะที่ตัวเองก็ขับรถยนต์ด้วย จึงคิดว่า การมีน้ำใจบนท้องถนนและการเคารพกฎจราจรเท่านั้น ที่จะทำให้สังคมบนท้องถนนไทยปลอดภัยมากขึ้น

หลายประเทศส่วนใหญ่ในโลก ก็ไม่ได้สร้างถนนไว้เผื่อให้จักรยาน แต่เขาก็ใช้หนทางร่วมกันได้ โดยไม่คิดแบ่งแยกชนชั้นบนถนนแต่อย่างใด

ที่จริงทุกวันนี้ เราน่าจะยกย่องคนขี่รถจักรยานให้มากด้วยซ้ำ แถมถ้าเป็นไปได้ ควรให้เกียรติคนขี่รถจักรยานให้มากกว่าคนขับรถทั่วไปด้วยซ้ำ

เพราะรถจักรยานไม่ก่อมลพิษ ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ไม่ทำให้โลกร้อน จึงเป็นพาหนะที่รับผิดชอบต่อสังคมโดยแท้

คนที่ขี่จักรยาน ยอมร้อน ยอมเสี่ยงมากกว่า ถือว่า เขาเสียสละเพื่อส่วนรวม จึงสมควรได้รับการยกย่องให้เกียรติ

แม้ในต่างประเทศ อุบัติเหตุรถยนต์ชนรถจักรยานก็มีมากมาย เพราะอุบัติเหตุมันเกิดขึ้นได้กับทุกคน เพียงแต่ว่า ในต่างประเทศเขาไม่มีใครมาอ้างสิทธิแบบโง่ ๆ เหมือนคนในบ้านเรา

ที่สำคัญหากอุบัติเหตุเกิดขึ้น เจ้าของรถยนต์ที่ก่อเหตุก็ต้องเร่งช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บโดยเร็วที่สุด ไม่ใช่เหมือนเหตุที่เพิ่งเกิดขึ้นในบ้านเรา พอชนจักรยานแล้วก็รีบหนี แล้วค่อยออกมาขอโทษทีหลังว่า "ผมผิดไปแล้ว ผมขอโทษ ผมจะบวชให้เหยื่อที่ตาย" (ถุย!!)

แบบนี้เขาเรียกว่าแค่ตอแหลเอาตัวรอด เพื่อหวังจะให้ศาลเมตตาให้พ้นคุกเท่านั้น




ผมเชื่อว่า คนขับรถยนต์ทุกคนส่วนใหญ่คุณต้องเคยขี่จักรยานมาก่อนทั้งนั้น คุณลองนึกย้อนกลับไปในสมัยคุณยังเด็ก ขี่จักรยานเล่นบนถนนสิครับ ไม่ว่าจะถนนในหมู่บ้าน ถนนในซอย หรือแม้แต่ถนนใหญ่ ก็ตาม

หากวันนั้นคุณโดนรถยนต์มาชนบ้าง จนได้รับบาดเจ็บสาหัส หรือ ในวันนี้ลูกหลานของคุณโดนรถยนต์มาชนจนบาดเจ็บล้มตายบ้าง คุณจะรู้สึกยังไง ??

-----------------

รถใหญ่ รถเล็ก ก็ไม่ต่างอะไรกับ คนรวย คนจน

ถ้าคุณมีหัวใจประชาธิปไตยที่แท้จริง คุณจะไม่คิดแบ่งแยกชนชั้นบนถนนว่า ใครมีสิทธิใช้ถนนมากกว่ากัน

สุดท้ายขอถามว่า จะมีประเทศใดในโลกบ้าง ที่มีนักขี่จักรยานรอบโลกมาตายถึง 2 ราย และบาดเจ็บหนักอีก 1 ราย ?

พวกเขาขี่จักรยานไปรอบโลก ปลอดภัยมาตลอด ผ่านประเทศด้อยพัฒนามาแล้วมากมาย แต่ดันมาตายที่ไทยแลนด์

คลิกอ่าน ต้องมีหัวใจประชาธิปไตย จึงจะเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง

วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

มาด่ารัฐบาล คสช. อย่างสร้างสรรค์ดีกว่าไหม ?







คือ ผมเข้าใจนะ สำหรับคนที่เกลียดรัฐบาลเผด็จการ คสช. เพราะเขาเข้ามายึดอำนาจจากประชาชนไป

เพียงแต่ว่า ถ้าคุณไม่มีปัญญาขับไล่รัฐบาล คสช. ออกไปได้ ก็สู้หันมาแสดงความเห็นในเรื่องต่าง ๆ อย่างสร้างสรรค์ดีกว่า เพื่อผลประโยชน์ประเทศชาติและคนไทยทุกคน

แน่นอน รัฐบาล คสช. เขายึดอำนาจเข้ามา แต่เมื่อเขาต้องบริหารประเทศที่มีปัญหาหมักหมมมายาวนานหลายสิบปี เหตุเพราะรัฐบาลที่ผ่าน ๆ มา โดยเฉพาะรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งไม่ค่อยกล้าแตะ เพราะมันมีเรื่องผลประโยชน์ของนายทุนการเมืองที่สนับสนุนพรรค หรือกลัวเสียคะแนนเสียงจากกลุ่มที่อาจเสียผลประโยชน์ หากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งไปแตะแก้ปัญหานั้น ๆ

เพราะการเมืองไทยเป็นเรื่องของผลประโยชน์ และระบบอุปถัมภ์ จึงทำให้นักการเมืองไม่กล้าแตะในปัญหาหลายอย่างเพราะกลัวจะเสียคะแนนนิยม

แต่ถ้ารัฐบาลเผด็จการ หากเขาเข้ามาทำเพื่อผลประโยชน์ของชาติจริง ๆ ย่อมทำได้มากกว่ารัฐบาลจากการเลือกตั้ง เพราะเขาไม่ต้องห่วงเสียคะแนนนิยม และเสียผู้สนับสนุนพรรค

มีปัญหาหลายอย่างที่เกิดขึ้นมานานมากจนยากแก้ไข แต่รัฐบาลจากการเลือกตั้งไม่เคยสนใจแก้ไข ก็เช่น ปัญหาการบินของไทย ปัญหาแรงงานทาสประมง ปัญหาบุกรุกป่า ปัญหาบุกรุกชายหาด เป็นต้น

การที่จะด่าเอามันส์ เอาสะใจแต่ไม่ช่วยคิด แต่ไม่ช่วยหาทางแก้ปัญหานั้น จัดว่า เป็นการแสดงความเห็นเชิงลบและไม่สร้างสรรค์

ตัวอย่างเช่น ปัญหาอียูให้ใบเหลืองประมุงของไทย

ถ้าพวกที่เอาแต่ฟังเขามา ก็จะด่าเช่น เพราะรัฐบาลไทยเป็นเผด็จการ อียูเขาถึงให้ใบเหลืองประมงไทย

ซึ่งผมเห็นพวกที่แสดงความเห็นแบบนี้มากมาย นั่นแสดงว่า เชื่อตาม ๆ กันมา ก็เลยด่าแนวเดียวกัน

ทั้ง ๆ ที่ความจริง ก่อนหน้าที่ไทยจะโดนใบเหลืองจากอียูนั้น เช่นเมื่อปีที่แล้ว ประเทศเกาหลีใต้ และประเทศฟิลิปปินส์ ก็เพิ่งโดนใบเหลืองประมงจากอียู แต่ทั้งสองประเทศก็ได้แก้ปัญหาได้ จนอียูถอดใบเหลืองออกแล้ว

ถามว่า เกาหลีใต้ กับ ฟิลิปปินส์ มีรัฐบาลจากการรัฐประหารหรือไม่ ??

หรืออย่างเพื่อนบ้านของไทย ก็คือ กัมพูชา ก็เพิ่งโดนใบแดงประมงจากอียูไปแล้ว

ฉะนั้น ที่อียูให้ใบเหลืองประมงไทย มันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องรัฐบาลเผด็จการเลย เพราะอียูได้ติดตามปัญหาประมงไทยมานานกว่า 3 ปีแล้ว

ถามว่า 3 ปีที่ผ่านมามันคือช่วงรัฐบาลไหนล่ะ ??

หรืออย่างสหรัฐอเมริกา ก็เคยเตือนเรื่องแรงงานทาสในประมงไทยมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ถ้าจำกันได้ โดยเฉพาะสารคดีที่เกี่ยวกับการค้าแรงงานทาสชาวโรฮิงญาผ่านประเทศไทย

คลิปตอบโจทย์ ตอน อียูให้ใบเหลือง ประมงไทย ปัญหาแรงงานทาสไม่ใช่ปัญหาเดียวของการโดนใบเหลือง ยังมีเรื่องการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ผิดวิธีอีกหลายรูปแบบ




ตอนที่สหรัฐอเมริกาออกโรงเตือนไทยเรื่องแรงงานทาสอีกครั้งในปี 2557 ผมเองก็ได้เขียนบทความเห็นด้วยกับสหรัฐฯ ว่านี่ไม่ใช่ปัญหาการเมืองที่สหรัฐอเมริกาจ้องเล่นงาน คสช.  แต่มันเป็นปัญหาเรื้อรังที่เกิดขึ้นมานานแล้ว

คลิกอ่าน ผมเห็นด้วยสหรัฐฯ กรณีไทยยังใช้แรงงานทาส

---------------------------------

กรณีสินค้าการเกษตรตกต่ำ ในยุค คสช.

พอมีข่าวกรณีผลผลิตการเกษตรราคาตกต่ำ จะมีพวกที่ด่า คสช. ว่า "เป็นไงล่ะ คืนความสุขไหมล่ะ ??"

ผมถามหน่อยว่า เคยมีรัฐบาลชุดไหนบ้างที่ไม่มีปัญหาเกษตรกรออกมาเรียกร้องเรื่องผลผลิตราคาตก ??

คำตอบคือ ไม่มี !!

ทีนี้การแก้ปัญหาผลผลิตเกษตรราคาตกต่ำ ถ้าเอาแบบง่ายสุด ๆ พอเกษตรกรเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยประกันราคา หรือช่วยซื้อผลผลิตในราคาเท่าไหร่ 

รัฐบาลที่มักง่ายก็จ่ายเงินตามที่เกษตรกรเรียกร้องไป ส่วนผลผลิตมันจะเหลือ มันจะเน่าเพราะขายไม่ออกก็ชั่งแม่มัน จริงไหม ?

ซึ่งรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งหลายรัฐบาล ก็มักจะเลือกวิธีมักง่ายใช้แก้ปัญหาแบบนี้แหละ เพราะนักการเมืองเขาถือว่า ไม่ใช่เงินส่วนตัวของกู มันเงินของชาติก็จ่าย ๆ ไป ดีกว่าพรรคของกูเสียคะแนนนิยม


-----------------------------

ต้อง ม. 44 เท่านั้น ที่จะทวงผืนป่าได้เร็วและเฉียบขาดที่สุด

อยากให้วางอคติเกลียดเผด็จการลงไปก่อน แล้วลองฟัง รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้ม พลเอกดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ พูดถึงปัญหาการทวงคืนผืนป่า

คือผมได้ดูตอบโจทย์ตอนนี้จนจบ ผมชื่นชมแนวคิดของท่านมาก และอยากให้กำลังใจให้ท่านทำภารกิจที่แสนจะยากนี้สำเร็จ

ปัญหารุกผืนป่าของไทย เป็นปํญหาใหญ่ที่หมักหมมยาวนานมาหลายสิบปี มีการคอร์รัปชันในวงข้าราชการและนักการเมืองมากมายนับไม่ถ้วน

จำเป็นต้องใช้วิธีการแบบทหาร และอำนาจพิเศษเท่านั้นเข้ามาแก้ปัญหานี้ เพราะลำพังเจ้าหน้าที่ดี ๆ หลายคนอยากทำแต่ก็ไม่กล้าทำ เพราะเกรงกลัวอิทธิพลจากนักการเมืองและอิทธิพลท้องถิ่น

อยากให้ใครก็ตามที่อยากให้ทหารทวงผืนป่าสำเร็จ ลองฟังท่านดาว์พงษ์อธิบาย จะได้รู้ว่า ปัญหาที่ท่านเจอมันคืออะไรบ้าง

แล้วคุณผู้อ่านอาจจะขอบคุณที่ มี ม.44 มาใช้เพื่อการนี้ครับ




สุดท้ายผมชอฝากประโยคนี้ คือ

"รัฐบาลทหาร อาจแก้ปัญหาไม่เก่ง แต่เขากล้าทำ
แต่รัฐบาลจากการเลือกตั้ง อาจแก้ปัญหาเก่ง แต่แม่งกลับไม่ทำ !!!"


คลิกอ่าน ตรรกะควายแดง ยางพารา ปาล์ม กุ้ง ราคาตก ก็เป่านกหวีดสิ

คลิกอ่าน รัฐประหาร 2557 ไม่ใช่รัฐประหารที่แท้จริง