วันพฤหัสบดีที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2557

วิเคราะห์ คลิปเถียงให้รู้เรื่อง ศิริโชค โสภา สอนมวย เอกชัย สปป.







ในรายการเถียงให้รู้เรื่อง ในคืนวันพุธที่ 26 มีนาคม 2557 ที่ผ่านมา

ได้เชิญ อดีต สส. ประชาธิปัตย์ นายศิริโชค โสภา ชนกับ นายเอกชัย รองคณบดีคณะนิติศาสตร์ ม.สยาม หนึ่งในพวกสมัชชาปกป้องประชาธิปไตย หรือ สปป. (หรือพวกนิติราษฎร์แบ่งเซล)

รายการในวันนี้เป็นที่สะใจผมมาก เพราะศิริโชค ได้สั่งสอนนายเอกชัย จอมแถ จนแถสีข้างถลอกเหงื่อออกซิก ๆ ในห้องแอร์

ที่จริงนายเอกชัย แห่ง สปป. มีกรณีแถหลายเรื่อง ซึ่งผมเคยว่าจะเขียนหลายครั้ง แต่ไม่ได้เขียนสักที อาทิเช่น การตีความมาตรา 68 หรือล่าสุดเรื่องกล่าวหาว่าผู้ตรวจการไม่มีสิทธิยื่นการเลือกตั้งไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญให้ศาล รธน. วินิจฉัย

แต่เอาเถอะผ่านไปก่อน

แต่ในคลิปรายการเถียงให้รู้ ในคลิปนี้ เอกชัยโชว์โง่ไม่เข้าใจความแตกต่างระหว่างคำว่า "การเลือกตั้งทั่วไป" กับคำว่า "วันเลือกตั้ง" มีความแตกต่างกันอย่างไร

ศิริโชคก็พยายามอธิบายไปหลายรอบ แต่เอกชัยก็จะแถไปข้าง ๆ คู ๆ แต่ผมก็ดูออกว่า เอกชัยรู้ตัวเหมือนกันว่า ตนพลาดแพ้ประเด็นนี้แก่ศิริโชคเสียแล้ว

คนดูทางบ้านฟังศิริโชคอธิบายก็เข้าใจโดยง่าย แต่เอกชัยกลับแถไม่เข้าใจว่า การเลือกตั้ง แตกต่างจาก วันเลือกตั้ง

ผมขออธิบายง่าย ๆ ว่า

กรณีที่ 1 ถ้าเขตใดมีการเลือกตั้งทั่วไปไปแล้ว แต่ในเขตใด ๆ ที่ไม่อาจมีผู้ชนะการเลือกตั้งได้ ไม่ว่าจากกรณีใดที่กำหนดในรัฐธรรมนูญก็ตาม ก็ยังให้มีการเลือกตั้งซ่อมใหม่ในเขตนั้น ๆ ได้ หรือให้มีวันลงคะแนนใหม่ได้

กรณีที่ 2 ถ้าเขตใด ๆ ที่ยังไม่มีทั้งผู้สมัคร และยังไม่มีการเลือกตั้งทั่วไปเกิดขึ้นได้เลย มันจะขยายไปให้มีการเลือกตั้งซ่อมแบบกรณีแรกไม่ได้ 

เรื่องง่าย ๆ แค่นี้ เอกชัย แห่ง สปป. จอมแถไม่ยอมเข้าใจ (เพราะถ้ายอม ก็แพ้น่ะสิ)

และที่เอกชัยหน้าแตกสุด ๆ ก็คือ ประเด็นเรื่องเสียบบัตรแทนกัน ที่ศิริโชคถามไปว่า "ถ้านักศึกษาโกงข้อสอบไป 1 ข้อ อาจารย์เอกชัยจะทำอย่างไร จะหักคะแนนข้อนั้นข้อเดียว หรือจะปรับตกนักศึกษาคนนั้นไปเลย"

ทีแรกประเด็นนี้เอกชัยคิดว่าตัวเองตอบโต้กลับได้ดี ดูเหมือนจะพอใจที่ตัวเองตอบ เพราะเอกชัยตอบว่า "ถ้านักศึกษาสอบ 100 คน ผมก็จะปรับตกแค่นักศึกษาที่โกงคนเดียว ไม่ใช่ปรับตกคนอื่น ๆ ที่ไม่ได้โกงไปด้วย"

แต่ศิริโชคตอบกลับว่า "สงสัยอาจารย์จะไม่เคยทำงานเป็นทีม ถ้าทีมเราไปสอบแข่งขัน แล้วกรรมการจับได้ว่าทีมเราเจตนาโกง กรรมการก็ต้องปรับแพ้ปรับตกทั้งทีม ก็เหมือน พรรคเพื่อไทยพยายามจะดันกฎหมายฉบับนี้ ซึ่งต้องทำงานเป็นทีม แล้วเสียบบัตรแทนกัน ก็ต้องปรับผิดทั้งทีม"

ผมขอแทรกขยายความนิดนึง กรณีแพ้ทั้งทีม หรือแพ้ฟาวล์ทั้งทีม ก็ต้องดูเป็นประเภท ๆ ไป คือถ้าเป็นการสอบแข่งขันที่เป็นทีม ถ้าทีมนั้นถูกจับได้ว่ามีเจตนาโกง (ซึ่งต่างจากทำผิดกติกา) กรรมการก็สามารถปรับแพ้ทั้งทีมได้

ในกรณีกีฬาก็ต้องดูประเภท ๆ ไป แต่ที่ผมอยากจะยกตัวอย่างกรณีที่เห็นชัดเจนมาก ก็คือ ศึกฟุตบอลภูมิภาคดิวิชั่น 2 หนองบัวลำภู FC ถูกปรับแพ้สกลนคร FC 1:2 เนื่องจากไฟสนามขัดข้อง แล้วเจ้าหน้าที่สนามไม่สามารถแก้ไขไฟให้กลับมาใช้ได้ตามปกติ ไม่ทันตามเวลาที่กำหนด 

ทีมหนองบัวลำภู FC จึงถูกปรับแพ้ทั้งทีม ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ความผิดของนักฟุตบอลแต่อย่างใด จากกรณีที่ผมยกตัวอย่างนี้  พอจะมองภาพออกไหมครับ

แต่ในการออกกฎหมายระดับประเทศ ยิ่งต้องบริสุทธิ์ยุติธรรมและถูกต้องตามรัฐธรรมนูญทุกขั้นตอน จึงจะเป็นกฎหมายที่ชอบธรรม


โอย!! ยังมีอีกหลายประเด็นที่เอกชัย โดนศิริโชคสอนมวยแบบจะจะ เข้าตา ไปดูคลิปเอาเองเถอะครับ มันส์ดี

ส่วนผู้เชี่ยวชาญที่เป็นอาจารย์จากรัฐศาสตร์จุฬา ก็พูดจาดี มีหลักการดีมาก





ถ้าคุณผู้อ่านได้ดูคลิปทั้งหมดจนจบ จะเห็นได้ว่าช่วงท้าย นายเอกชัย สปป. ได้พยายามหาทางเจ็บตัวน้อยลง ด้วยการพยายามสนับสนุนสิ่งที่ศิริโชค โสภา พูดในหลายประเด็น

ส่วนผู้เชี่ยวชาญที่มาในวันนี้ ถ้าพวกเสื้อแดงดูก็ต้องโทษว่า ผู้เชี่ยวชาญคงเป็นพวกศิริโชค ทำให้เอกชัยเสียเปรียบ

แต่ถ้าดูอย่างใจเป็นธรรม เราจะรู้ว่า ผู้เชี่ยวชาญพูดได้ดีแล้ว

ก่อนจบบทความ ประโยคที่ชี้ให้เห็นว่า เอกชัย เริ่มเป๋มากที่สุดคือ

"รัฐธรรมนูญเขียนว่า ถ้ายุบสภาก็ต้องไปเลือกตั้ง ก็ต้องปฏิบัติตามนั้น แต่ถ้ารัฐธรรมนูญเขียนว่า ยุบสภาแล้วให้ไปปฏิรูปก่อน ถ้าเขียนอย่างนั้นไว้ สปป.เราก็จะไม่มีปัญหา"

เฮ่อ.. เอกชัย หนอ เอกชัย ตรรกะเห่ยมากเลยว่ะ

----------------

ข้อคิดสำหรับบทความนี้

คงต้องยอมรับว่า พวกประชาธิปัตย์เขาเซียนเรื่องกฎหมายจริง ๆ เป็นแบบนักกฎหมายเชิงปฏิบัติ แต่เพราะเน้นกฎหมายมาก จนทำให้พรรคประชาธิปัตย์ไม่เป็นที่ถูกใจคนไทยส่วนใหญ่ที่ไม่ค่อยรู้เรื่องกฎหมาย เพราะเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ทำงานเชื่องช้า เพราะเน้นหลักกฎหมายมากไป

ในขณะที่ทักษิณไม่ค่อยเน้นความถูกต้องตามกฎหมาย (เช่นกู้2.2ล้านล้าน) แต่เน้นรวดเร็วทันใจ เน้นผลงานเป็นรูปธรรมจับต้องได้ (แนววัตถุนิยม) และใช้โฆษณาประชาสัมพันธ์เชิงรุกใส่ประชาชน ทำให้เข้าตาคนที่ไม่ค่อยสนใจกฎหมายอย่างคนไทยจำนวนมาก

ส่วนพวกนักวิชาการที่เข้าข้างรัฐบาล ก็แค่พวกรู้แต่ในทฤษฎี แต่ไม่ได้ปฏิบัติและลุยจริงในสนามการเมือง จึงขาดมุมมองของจริงที่ซับซ้อนกว่า

ประหนึ่งเรียนดนตรีจนเก่ง แต่ไม่เคยขึ้นเล่นบนเวทีคอนเสิร์ตจริง ๆ


คลิกอ่าน เหตุผลที่ศาลรธน. ใช้รับเรื่องผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณีการเลือกตั้งไม่ชอบรัฐธรรมนูญ


วันศุกร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2557

อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ยืนยัน ควายแดงน่ารัก







หลังศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่า การเลือกตั้ง 2 ก.พ. เป็นโมฆะ เพราะไม่จัดให้เลือกตั้งภายในวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักร

อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวคนเล็กของนช. ทักษิณ ก็เลยโพสต์อินสตาแกรม การ์ตูนรูปควายแดงจ้องตราชั่งเอียง ชมน่ารัก อ้างไม่เกี่ยวการเมือง



แน่นอน ถ้าพวก นปช. มาเห็นอุ๊งอิ๊งโพสแบบนี้ ย่อมไม่รู้สึกเจ็บแสบอะไร คงคิดว่า อุ๊งอิ๊งคงอยากประชดศาล และอยากประชดพวกสลิ่มที่ชอบดูถูกว่าพวกเสื้อแดงเป็นควายแดง

ที่ผ่านมา เสื้อแดงไม่ยอมรับหรอกว่า ตัวเองเป็นควายแดง จึงได้เจ็บใจไปหาคำมาเรียกฝ่ายตรงข้ามว่า สลิ่ม คืนบ้าง

แต่วันนี้ได้เกิดหลักฐานจะจะ อุ๊งอิ๊งยืนยันว่า พวกควายแดงคิดว่าตราชั่งเอียง

จำไว้นะถ้าใครคิดว่า ตราชั่งเอียง (ซึ่งคงหมายถึงศาลรัฐธรรมนุญตัดสินไม่ยุติธรรม) ใครที่คิดแบบนี้ก็คือ ควายแดงของอุ๊งอิ๊ง นั่นเอง

ควายแดง ควายแดง ควายแดง คือ สัตว์เลี้ยงของอุ๊งอิ๊ง 5555

เชื่องนะควายแดง เชื่องนะควายแดง ถ้าเชื่อง ๆ แบบนี้รับรองอิ๊งรักควายแดงทุกวัน 555

"รักนะควายแดงจุ๊บๆ" 




ฮ่า ๆ คนในตระกูลชินวัตรมันก็เห็นพวกเสื้อแดงเป็นควายแดงเหมือนกัน !!

ส่วนลึกของใจอุ๊งอิ๊ง มันบอก 555

---------------

และหลังจากอุ๊งอิ๊งโพสอิโมฯรูปควายแดง ก็ทำให้บรรดาเสื้อแดงยอมรับการเป็นควายแดงกันทั่วหน้า แล้วหันมาใช้อิโมโตคอนควายแดงแพร่หลายในหมู่เสื้อแดงในโลกออนไลน์ แถมมีการแจกอิโมโตคอนควายแดงกันยกใหญ่ 55555555


คลิกอ่าน อุ๊งอิ๊ง มันยั่วให้ทหารเลือกข้าง


วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2557

ความโง่อาจารย์พรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย ในมาตรา 7 และนายกคนกลาง







จากรายการเจาะข่าวเด่นกับ สรยุทธ ในประเด็นถอดถอนนายกรัฐมนตรี ก็ได้เชิญอาจารย์จากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิยาลัยที่ชื่อ พรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย กับ สว.สรรหา นายไพบูลย์ นิติตะวัน มาถกเถียงกัน



ประด็นที่น่าสนใจและถกเถียงมากที่สุดก็คือ เรื่อง การใช้มาตรา 7 กับการมีนายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง

ผมไม่เข้าใจจริง ๆ ทำไมพวกนักวิชาการบางคนพยายามจะแถว่า มีนายกรัฐมนตรีที่มาจากคนกลาง หรือ มีนายกที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งไม่ได้

ทั้ง ๆ ที่เมื่อมันเกิดเหตุการณ์ที่ไม่มีในรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญก็ได้มีมาตรา 7 ไว้เป็น ทางออก ของประเทศอยู่แล้ว

กรณีตัวอย่างที่ยกขึ้นมาถกในรายการคือ ถ้ายิ่งลักษณ์สิ้นสุดจากการเป็นรักษาการนายกรัฐมนตรี อาจจากการถูกศาลรัฐธรรมนูญถอดถอน หรือจากการตีความตามรัฐธรรมนูญที่ว่า ครม.รักษาการได้สิ้นสุดลงจากการไม่สามารถเปิดประชุมสภาได้ก็ตาม หรือ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดก็ตามแต่

สว.สรรหา ได้ยืนยันว่า สามารถมีนายกรัฐมนตรีที่มาจากคนกลางได้ ซึ่งประเด็นนี้ผมก็เคยได้อธิบายในบทความ ยิ่งลักษณ์ยุบสภา ลาออก ใช้มาตรา 7

แต่ อาจารย์พรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย จากรัฐศาสาตร์จุฬา ก็ไม่ต่างอะไรกับพวกนิติราษฎร์ ที่พยายามจะยืนกระต่ายขาเดียว่า นายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้งเท่านั้น เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดไว้

เฮ่อ.. ผมจะไม่ขอเถียงเรื่องนี้กันยาว ผมจะขอยกตัวอย่างสั้น ๆ ง่าย ๆ ให้พวกนักวิชาการจอมแถทั้งหลายให้เห็นเลยว่า

นายกรัฐมนตรีไทยยังมาจากคนกลางได้

------------------------

คณะรัฐมนตรีรักษาการยิ่งลักษณ์ ตายโหงยกคณะ !!

สมมุติว่า ในขณะที่มีการประชุม ครม.รักษาการยิ่งลักษณ์ ในสถานที่แห่งหนึ่งอย่างเช่น ที่กองทัพอากาศ

แต่แล้วจู่ ๆ เกิดมีเครื่องบินโดยสารที่กำลังจะมาลงที่สนามบินดอนเมืองเกิดขัดข้อง แล้วบินลงมาตกลงที่สถานที่ประชุม ครม. พอดี จนเป็นอุบัติเหตุครั้งใหญ่ ที่ทำให้ ครม.รักษาการของยิ่งลักษณ์ตายทั้งคณะหมดทุกคน

รักษาการนายกรัฐมนตรีก็ตาย รัฐมนตรีรักษาการทุกคนก็ตายหมดในที่เกิดเหตุ เป็นเหตุให้ประเทศไทยไม่มีรัฐบาลรักษาการอีกต่อไป

ถามว่า แล้วประเทศไทยจะหานายกรัฐมนตรีคนใหม่มาแทนจากที่ไหน ในเมื่อปัญหาการเลือกตั้ง 2 ก.พ. ก็ยังไม่จบ และยังไม่รู้ว่าจะเป็นโมฆะหรือไม่ ?

ตามหลักการที่ประเทศจะขาดรัฐบาลไม่ได้ สภาผู้แทนราษฎรก็ยังไม่มี ก็จะหานายกรัฐมนตรีมาจากการเลือกตั้งไม่ได้ แล้วจะทำอย่างไร ?

แม้แต่ยิ่งลักษณ์ก็ยังพูดเองเสมอว่า จะขาดจากการรักษาการนายกรัฐมนตรีวันเดียวก็ไม่ได้ นั่นแสดงว่า ประเทศจะต้องมีผู้ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีอยู่ตลอด หากไม่มีผู้ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ก็ต้องรีบสรรหาผู้ที่มาทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีให้เร็วที่สุด

ตัวอย่างที่ผมสมมุตินี้  ไอ้พวกโง่ก็อย่ามาแถว่าเหตุการณ์แบบนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้จริงล่ะ

เพราะเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ในโลกก็เกิดขึ้นให้เราได้อึ้งอยู่เสมอ ๆ อย่างเช่น เครื่องบินพุ่งชนตึกเวิร์ลเทรดเซ็นเตอร์ หรือ กรณีเครื่องบินสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์บินหายไปอย่างไร้ร่องรอย

(ไม่ต้องถึงขนาดเครื่องบินชนก็ได้ แค่ยิ่งลักษณ์หกล้มหัวฟาดพื้นตายก็อาจเป็นได้ 555)

---------------------

เมื่อรัฐบาลรักษาการตายยกคณะ ก็ต้องใช้มาตรา 7 ในการหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ แต่เข้ามาเป็นแค่เฉพาะกาลเท่านั้น จนกว่าจะมีการเลือกตั้งเสร็จสิ้นและสรรหานายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ

(มันอยู่ที่ว่า นายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งนั้น จะตีความว่า เป็นแค่ตำแหน่งรักษาการนายกรัฐมนตรี หรือเป็นนายกรัฐมนตรีที่มีอำนาจเต็ม แต่เป็นแค่เฉพาะกาลเท่านั้น)

--------------------

วิธีการเรียงลำดับรัฐธรรมนูญถึงการได้มาซึ่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

1. รธน. มาตรา 171 นายกรัฐมนตรีต้องเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

2. แต่เมื่อสภาผู้แทนราษฎรยังไม่มี จึงไม่สามารถสรรหานายกฯ ตามมาตรา 171 ได้

3. ก็ต้องหยิบ รธน. มาตรา 7 มาใช้ประกอบ

มาตรา 7 ในเมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้บังคับแก่กรณีใด ให้วินืจฉัยกรณีนั้นไปตามประเพณีการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

4. ตามหลักประเพณีตั้งแต่เปลี่ยนแปลงปกครองเป็นประชาธิปไตย หากไม่มีสภาผู้แทนราษฎร ก็ให้วุฒิสภาทำหน้าที่แทนสภาผู้แทนราษฎร

5. ประธานวุฒิสภาทำหน้าที่แทนประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อสรรหานายกรัฐมนตรี ตามความเห็นชอบของวุฒิสมาชิก (ซึ่งถ้าตามความเห็นของผมควรเลือกจากสมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการเลือกตั้งก่อน) แล้วทูลเกล้าถวายให้ทรงแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี


หากตอนนั้นเกิดว่างวุฒิสภาเช่นกัน เช่นอยู่ในช่วงกำลังเลือกตั้ง ก็ให้รักษาการประธานหรือรักษาการรองประธาน สว. สรรหา นายกรัฐมตรีมาจากคนกลางแทน

แม้กระทั่งหากประธานวุฒิสภาอย่างนายนิคม ไวรัชพานิช เกิดถูกถอดถอน ก็ให้รองประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่แทนประธานวุฒิสภา (โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 7 นั่นแหละ)

เมื่อเรียงลำดับตามกฎหมายแบบนี้ ก็สามารถหานายกรัฐมนตรีได้ ไม่ใช่ว่า พอพิจารณาเลยมาตรา 171 ไปแล้ว จะไปอ้างย้อนกลับหลังไปอีกว่า นายกรัฐมนตรีต้องมาจาก สส. เท่านั้นตามมาตรา 171 อีก ซึ่งแบบนี้เขาเรียกว่า พวกแถ !!

สรุปง่าย ๆ ว่า การที่พวกนักวิชาการเอียงแดงพยายามจะแถว่า นายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้งเท่านั้น จึงเป็นเรื่องตอแหลโกหกอย่างหน้าด้าน ๆ ครับ

---------------

ตัวอย่าง กรณียูเครน

อย่างเช่น ตอนนี้ที่ยูเครน รัฐธรรมนูญยูเครนก็กำหนดว่า ประธานาธิบดียูเครนต้องมาจากการเลือกตั้ง

แต่เมื่อประเทศเกิดวิกฤติ รัฐสภายูเครนก็แต่งตั้งผู้ที่มาเป็นประธานาธิบดีชั่วคราวไปแล้ว โดยมีสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา ให้การรับรองประธานาธิบดีชั่วคราวของยูเครนที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง

หรืออย่างที่อิตาลี ก็มีนายกรัฐมนตรีมาจากการแต่งตั้งถึง 3 คนติดต่อกันแล้วเป็นต้น เพื่อเข้ามาแก้วิกฤติเศรษฐกิจประเทศ

การที่พวกนักวิชาการที่พยายามจะบอกว่า ไทยเรามีนายกรัฐมนตรีจากคนกลางไม่ได้นั้น แสดงว่า นักวิชาการพวกนี้มันเห็นแก่ยิ่งลักษณ์มากกว่าประเทศชาติแน่นอน

---------------

ไม่รู้อาจารย์พรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย คุณจบรัฐศาตร์มาได้ยังไง เพราะคุณไม่ได้เข้าใจหลักรัฐศาสตร์ที่แท้จริงเลย เพราะคุณเอาแต่เถรตรงในกฎหมายมากเกินไป

ทั้ง ๆ ที่รัฐธรรมนูญไทยเราจะใช้หลักรัฐศาสตร์เพื่อความมั่นคงของประเทศอยู่ด้วย

มาตรา 7 นี่แหละคือหลักการรัฐศาตร์ในรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ประเทศมีทางออก


คลิกอ่าน เมื่ออิตาลีมีนายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง



วันเสาร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2557

ตำรวจฮีโร่ของสรยุทธ เตะระเบิดที่ผ่านฟ้าลีลาศ เตะระเบิดของฝ่ายไหน








จำเหตุการณ์ตำรวจเตะระเบิด ในเหตุการณ์สลายการชุมนุมขอคืนพื้นที่ที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศเมื่อวันที่ 18 ก.พ. 57 ได้ไหมครับ ?

เช้าวันรุ่งขึ้น 19 ก.พ. 57 เรื่องเล่าเช้านี้ของสรยุทธ สรยุทธรีบนำเสนอว่า นี่คือตำรวจฮีโร่ ผู้อาสาเตะระเบิดปกป้องเพื่อนตำรวจด้วยกัน

แถมสรยุทธ ยังไปยกโพสในเฟสบุ้คของไอ้วีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักกฎหมายอิสระจอมปลอมมาอ่านในรายการเรื่องเล่าเช้านี้ว่า

"ผมขอถาม ผบ.ทบ. ว่า ถ้าทหารของท่าน เจอระเบิดปาใส่แบบที่ตำรวจเจอวันนี้ ท่าน ผบ.ทบ. จะมีจุดยืนอย่างไร ?"



การที่สรยุทธได้นำโพสของวีรพัฒน์ มาอ่านในรายการเรื่องเล่าเช้านี้นั้น

เจตนาสรยุทธก็คือ สรยุทธต้องการเข้าข้างตำรวจและโจมตีฝ่ายผู้ชุมนุม กปปส. แต่ตัวเองไม่กล้าถามเองตรง ๆ เลยไปหยิบเอาโพสของวีรพัฒน์มาถามในรายการแทน

แบบนี้ต้องเรียกสรยุทธว่าเป็น อีแอบแดง

---------------------

ศาลแพ่งมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวไม่ให้สลายการชุมนุม กปปส.

เพราะศาลแพ่งได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวไม่ให้ ศรส. กระทำการสลายการชุมนุมจนกว่าศาลแพ่งจะมีวินิจฉัยว่า การออก พรก.ฉุกเฉินของยิ่งลักษณ์มีความชอบธรรมหรือไม่ ซึ่งศาลจะทำการวินิจฉัยในวันที่ 19 ก.พ. 57

แต่ฝ่าย ศรส. ของไอ้เฉลิม อยู่บำรุง กลับละเมิดคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลแพ่ง สั่งให้ตำรวจเข้าขอคืนพื้นที่ที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ โดยมีการใช้อาวุธร้ายแรงและกระสุนจริงในการเข้าสลายการชุมนุม เพราะมีการรายงานข่าวพบว่า ตำรวจมีการพกพาอาวุธหนักเช่น M16 HK33 ไปในการสลายการชุมนุมด้วย

ต่อมา ไอ้เฉลิม ออกมาตอแหลว่า ตำรวจที่ถือ M16 นั้น เป็นหน่วยที่ดูแลด้านนอก ไม่ใช่หน่วยที่เข้าไปสลายการชุมนุม เพราะตำรวจชุดที่เข้าไปสลายการชุมนุมมีแต่โล่ กระบอง แก๊สน้ำตา และกระสุนยางเท่านั้น

โอเค ประเด็นนั้นเราผ่านไปก่อน ทีนี้ผมอยากให้ดูคลิปที่ CNN และ AFP ถ่ายไว้ได้




คลิปของ CNN คลิปนี้ ทำให้มีคนเชื่อว่าตำรวจปาระเบิดไปโดนเสาแล้วเด้งกลับมาเอง ซึ่งถ้าเราดูดี ๆ คลิปนี้มันไม่ต่อเนื่องกันระหว่างเหตุการณ์ตำรวจปาวัตถุต้องสงสัย กับช่วงเหตุการณ์ระเบิดได้ระเบิดใส่ตำรวจแล้ว





และเมื่อผมได้ดูจากคลิปของ AFP ซึ่งเป็นเหตุการณ์ช่วงเวลาเดียวกัน ก็พบว่า คลิป CNN ช่วงที่เห็นตำรวจปาวัตถุต้องสงสัย ไม่น่าจะใช่ระเบิดมือ แต่เป็นการปาแก๊สน้ำตามากกว่า (คห.ส่วนตัว) ตามคลิป AFP ด้านล้างนี้




ในคลิปของ AFP ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ CNN ถ่ายไว้ เราจะเห็นว่า ตำรวจกลุ่มที่เข้าไปสลายฝูงชน มีการระดมปาแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุมชัดเจน

ซึ่งหลายคนคิดไปว่า ตำรวจปาระเบิดแล้วเด้งกลับเอง ซึ่งผมดูทั้งของ CNN และของ AFP แล้วเห็นได้ชัดว่า ในช่วงแรกตำรวจปาแก๊สน้ำตา ยังไม่ได้มีการปาระเบิดมือแต่อย่างใด (ในคลิปนี้เราก็ยังเห็นตำรวจที่เข้าไปช่วยเหลือตำรวจที่บาดเจ็บถืออาวุธหนักM16เช่นกัน)

------------

ตำรวจเตะระเบิดเป็นฮีโร่ หรือ ฮีโง่ กันแน่

และตำรวจกลุ่มเดียวกันนี้เองที่มีตำรวจฮีโร่เตะระเบิด ซึ่งผมว่า น่าจะเป็น ฮีโง่ มากกว่า เพราะถ้าไม่ลุกขึ้นเตะรเบิด โล่ของตำรวจจะป้องกันแรงระเบิดได้ดีกว่า แต่พอลุกขึ้นจะเตะระเบิด ก็เลยเป็นช่องโหว่ให้แรงระเบิดลอดผ่านโล่ทำอันตรายได้มากขึ้น

และที่สำคัญที่สุด ระเบิดลูกนั้นได้เกิดระเบิดก่อนที่ตำรวจจะลุกขึ้นเตะ

และก่อนที่ระเบิดจะเกิดระเบิดขึ้น ก็ได้มีตำรวจคนหนึ่งแอบใช้ปืนสั้นยิงใส่ผู้ชุมนุม ซึ่งปืนสั้นย่อมไม่ใช่กระสุนยางแน่นอน เพราะปืนที่ใช้ยิงกระสุนยางเป็นปืนยาว

ดูได้จากคลิปนี้ครับ ผู้ทำคลิปได้ทำภาพช้าให้เห็น วินาทีที่ระเบิดได้เกิดระเบิดก่อนที่ตำรวจจะลุกขึ้นเตะ

และสำคัญที่สุดมีตำรวจในกลุ่มเดียวกันนี้ได้แอบใช้ปืนสั้นยิงใส่ผู้ชุมนุมด้วย


ตำรวจยิงปืนสั้นใส่ผู้ชุมนุม



ภาพช้าในนาทีที่ 1.06 ตำรวจแอบยิงปืนสั้นใส่ผู้ชุมนุม และภาพช้าในนาทีที่ 1.25 จะเห็นว่า ระเบิดได้เกิดระเบิดก่อนที่ตำรวจจะเตะ


-------------------

ตกลงตำรวจเตะระเบิด เป็นระเบิดของฝ่ายไหน ?

ถ้าเราดูวิถีระเบิดตามคลิปด้านล่าง ย่อมจะเชื่อว่า ระเบิดน่าจะมาจากฝ่ายผู้ชุมนมที่ปาใส่ตำรวจ เพราะวิถีระเบิดมาในแนวราบต่ำและปามาเร็วและแรง

ซึ่งถ้าผู้ชุมนุมเป็นผู้ปาระเบิดแสดงว่า ผู้ปาระเบิดน่าจะอยู่ใกล้ตำรวจมาก ๆ เพราะปาระเบิดมาในระยะแนวราบต่ำ เร็ว และแรง





แต่ถ้าเราดูคลิปที่ถ่ายมาจากฝั่งผู้ชุมนุมในช่วงที่เดียวกันที่ระเบิดได้ระเบิดใส่ตำรวจ เราจะเห็นเลยว่า ไม่มีผู้ชุมนุมอยู่ตรงข้ามและใกล้ตำรวจกลุ่มนี้เลยครับ



แนะนำตั้งค่าความเร็วคลิปให้ช้าลง แล้วค่อย ๆ ดู ว่ามีระเบิดจากฝั่งผู้ชุมนุมปาออกไปหรือไม่ 


จะเห็นได้ว่า ไม่มีผู้ชุมนุมอยู่ตรงกันข้ามตำรวจเลย และผมพยายามมองหาตั้งนานว่า วิถีกระสุนที่ปาในแนวราบจากฝั่งผู้ชุมนุมอยู่ตรงไหน ? ก็มองหาไม่เจอ

ฉะนั้น คุณผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณเอาเองแล้วกันว่า ใครปาระเบิดใส่ตำรวจกันแน่

แต่ที่ผิดเต็ม ๆ คือ มีตำรวจที่แอบใช้ปืนพกสั้นยิงใส่ผู้ชุมนุม

นี่น่ะหรือที่ว่า ตำรวจสลายฝูงชนไม่ได้พกอาวุธที่มีกระสุนจริง ?

เหตุการณ์สลายการชุมนุมในวันนั้น มีผู้ชุมนุมตาย 4 ราย ตำรวจตายแค่ 1 รายเท่านั้น

ซึ่งตำรวจที่ตายในเหตุการณ์วันนั้น ก็มีนายกฯ โง่ ๆ ไปนั่งยอง ๆ ไหว้ศพในวันพระราชทานเพลิงศพ ไงครับ 5555




พอดีมีคนถามผมมาทางเฟสบุ๊ค ตามนี้




วันจันทร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2557

ใครอยากเอาหมวดเจี๊ยบบ้างยกมือขึ้น







ขำขัน ตอน หมวดเจี๊ยบเสียself

หมวดเจี๊ยบ "เจี๊ยบก็ว่าเจี๊ยบสวยมากนะ ขนาดท่านทักษิณยังเรียกไปใช้บริการเลย จำได้ไหม?"

"แต่คราวนี้เจี๊ยบไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าพวกการ์ด กปปส. มันตาต่ำกันหรือยังไงกัน หรือมันชอบแต่พวกหน้าเห่ย ๆ"



หมวดเจี๊ยบ "แบบนี้เท่ากับพวกการ์ด กปปส. มันโง่ เจี๊ยบอุตส่าห์แวะไปทำหน้าที่คลินิค ก่อนที่จะเข้าไปแอบแฝงในกลุ่มผู้ชุมนุมแล้วนะ เท่ากับพวกมันข่มขืนจิตใจเจี๊ยบอย่างมาก ที่พวกมันไม่สนใจจะทำมิดีมิร้ายอะไรเจี๊ยบเลย"



เฮ่อ.. หมวดเจี๊ยบ ยังไม่รู้ตัวอีก

ลองถามจ่าประสิทธิ์สิ ว่า คิดอยากจะเอาหมวดเจี๊ยบไหม?



หมวดเจี๊ยบลองนึกดู ขนาดจ่าประสิทธิ์ยังเมิน ก็ลองทบทวนตัวเองได้แล้วว่า ยังจะแรดต่อไปอีกไหม 555