วันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เศรษฐาใหญ่ยาว จน ยิ่งลักษณ์น้ำแตก







ชื่อบทความนั้นอาจทำให้หลายคนสงสัย ?

คุณผู้อ่านเคยมีโอกาสไปตามโรงพยาบาลของรัฐบาลในตอนเช้า ๆ กันบ้างไหมครับ ?

ถ้าใครไม่เคยไปก็คงไม่รู้ แต่ถ้าคนเคยไปจะรู้เลยว่า มันแออัดยัดเยียดด้วยผู้ป่วยและญาติผู้ป่วยขนาดไหน แค่มารอเจาะเลือดตามที่แพทย์สั่ง ก็มีคนแก่คนเฒ่านั่งรถเข็นนับร้อยนับพันคนมานั่งแออัดรอเข้าคิวเจาะเลือดกันตั้งแต่เช้า

บางคนมาถึงโรงพยาบาลตั้งแต่เช้ามืด เพราะไม่ต้องการได้เจาะเลือดช้า เพราะถ้ามาสายกว่าจะได้เจาะเลือด บางคนต้องรอนานมากจนเที่ยงจนบ่ายกว่าจะได้เจาะ

แล้วลองนึกสภาพว่า คนแก่ คนป่วย คนพิการ ต้องมานั่งแออัดในที่แคบ ๆ เพือรอเจาะเลือดในโรงพยาบาลของรัฐนั้น น่าสงสาร น่าเห็นใจขนาดไหน ?

ผมชอบหลักคิดเอาใจเขามาใส่ใจเรา หากแม่ผมต้องมารอคิวยาว ๆ แบบนี้จะน่าสงสารขนาดไหน

นี่แค่รอเจาะเลือดนะครับ ถ้ารออุลตร้าซาวด์ ต้องนัดกันหลายเดือนกว่าจะได้คิวเข้าตรวจ นั่นเพราะโรงพยาบาลรัฐมีคนใช้บริการมาก มากแทบจนล้นโรงพยาบาล

ส่วนหมอกับพยาบาลก็ต้องเร่งรีบตรวจผู้ป่วย เพราะถ้าช้า กว่าคนไข้คนสุดท้ายจะได้ตรวจ ก็อาจต้องไปรอตรวจภาคบ่ายต่อไป

หากเป็นคนหนุ่มสาวมานั่งรอก็พอทน แต่คนแก่คนเฒ่ามารอ น่าสงสารมาก ห้องน้ำห้องท่าก็ลำบากที่จะเข้าไปใช้

ที่เกริ่นมาทั้งหมด นั่นก็เพราะ ประเทศไทยมีโรงพยาบาลรัฐ หมอ และพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ และเครื่องมืออุปกรณ์การแพทย์ที่ทันสมัย ไม่เพียงพอในการรองรับคนไทยทั้งประเทศ

และเครื่องมือทางการแพทย์ที่มีอยู่ ก็พังแล้วพังอีก ซ่อมแล้วซ่อมอีก จนหมดสภาพในโรงพยาบาลตามต่างจังหวัดมากมาย จนถึงขั้นที่ว่า อนาถาที่สุด !!

แต่รัฐบาลไทยในเงื้อมมือของทักษิณ กลับส่งเสริมให้ไทยเป็นที่รองรับการรักษาผู้ป่วยต่างชาติ แล้วพยายามหาทางกดดันทุกทางให้แพทย์และพยาบาลในภาครัฐต้องหมดกำลังใจจนต้องหนีออกจากโรงพยาบาลรัฐมาอยู่โรงพยาบาลเอกชนแทน

หรือแม้แต่ ผอ.องค์การเภสัชคนที่เพิ่งโดนปลดออกไปหมาด ๆ  ใคร ๆ ต่างบอกว่า ผอ.คนนี้ได้ช่วยให้องค์การเภสัชผลิตยาดีราคาถูกมามาขายแข่งกับบริษัทยาต่างชาติ จนทำให้บริษัทยาต่างชาติไม่กล้าขึ้นราคายาได้ตามใจชอบเหมือนในอดีต

สุดท้าย ผอ.องค์การเภสัชคนนี้ ก็โดนปลดออกจากตำแหน่งโดยรัฐบาลยิ่งลักษณ์

ที่ผมเขียนเรื่องโรงพยาบาลมาทั้งหมด เพื่ออยากจะบอกว่า ในสายตาของรัฐบาลนายทุน ย่อมคิดโครงการที่มีผลประโยชน์ของพวกพ้องทับซ้อน มากกว่าโครงการที่ช่วยเหลือความเดือดร้อนของประชาชน (จนๆ)

เช่น โครงการกู้ 2.2ล้าน กับดอกเบี้ยมากกว่าต้น หมดไปกับโครงการที่พวกพ้องตัวเองจะได้ผลประโยชน์มากกว่า

ส่วนเรื่องสร้างโรงพยาบาลรัฐบาลที่ทันสมัย ยากนักที่พวกนักการเมืองเห็นแก่ตัวมันคิดอยากจะสร้างให้ประชาชนได้ใช้บริการได้ทั่วถึงอย่างสะดวกสบาย !!


-----------------------

ยิ่งลักษณ์ไปงานประชุมน้ำ เชียงใหม่

แก้ปัญหาน้ำ 3.5 แสนล้านบาทของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่รู้ว่าต้องใช้เงินเท่าไหร่ ทั้ง ๆ ที่ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรบ้าง ?

และรัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็เก่งเหลือเกินกับการจัดงานอีเวนท์เอาหน้า ซึ่งว่ากันว่า งานอีเวนท์แต่ละงาน โกงกินกันสะบัด แถมไม่ค่อยมีคนมาตรวจสอบ

ยิ่งการประชุมน้ำเชียงใหม่ สุดท้ายก็เป็นแค่อีเวนท์ที่ผลาญงบ เพราะเนื้อหาการประชุมมีแต่น้ำ ไม่มีเนื้อหาที่เป็นสาระจริง ๆ

เพราะแม้แต่นายปลอดประสพ ยังยอมรับเองหลังการประชุมเสร็จสิ้นลงว่า ประชุมน้ำที่เชียงใหม่ห่วย !!

ส่วนที่ผมบอกว่า ยิ่งลักษณ์น้ำแตก ก็หมายถึง สมัยอุทกภัยปี 2554 ยิ่งลักษณ์ชอบบอกเอาอยู่ สุดท้ายที่ไหนที่ปูว่าเอาอยู่ กลายเป็นน้ำแตก !!

นั่นจึงแสดงว่า ทุกครั้งที่ยิ่งลักษณ์เอาอยู่ ต้องลงเอยด้วยเขื่อนแตกทุกครั้ง

คราวนี้ก็เช่นกันไปประชุมเรื่องน้ำ สุดท้ายได้แต่น้ำโหรงเหรง ไม่มีเนื้อหาสาระที่น่าสนใจ แค่ผลาญงบสร้างภาพไปเท่านั้น


----------------------

เศรษฐา แสนสิริ ใหญ่ยาว

ในขณะที่มีการประชุมน้ำที่เชียงใหม่ ผลาญงบเล่น ๆ ของพวกตะกวดรุมทึ้ง

ช่วงเดียวกันนั้นเอง ที่กรุงเทพฯ ก็มีประชุมเรื่องโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง โดยเบื้องหน้าอ้างว่า จัดโดยประชาชาติธุรกิจ

ซึ่งเปิดโอกาสให้ นายชัชชาติ รมว.คมนาคม ขึ้นมาโม้ ซึ่งผมไม่ได้สนใจในเนื้อหาที่มันพูดหรอกครับ

ผมสนใจประด็นที่มีการเชิญนายเศรษฐา ทวีสิน เจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์แสนสิริ ผู้เคยมาข่าวฉาวโฉ่กับนายกยิ่งลักษณ์ที่โฟร์ซีซั่นมาแล้ว มาร่วมปาฐกถาด้วยมากกว่า

นายเศรษฐา ออกมาพูดสนับสนุนโครงการรถไฟความเร็วสูงอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งคงไม่ต้องสนใจรายละเอียดหรอก เพราะนักธุรกิจย่อมหว่านล้อมเหตุผลดี ๆ เกี่ยวกับรถไฟฟ้าความเร็วสูงมากมาย เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองเป็นหลัก



แต่ประเด็นมันอยู่ที่ว่า คุณเชื่อหรือไม่ ?

สุดท้ายที่ดินที่จะโดนเวรคืนสร้างรถไฟฟ้า จะเป็นที่ดินของประชาชน และจะได้เงินเวรคืนไปพอไม่ให้มีปากมีเสียงโวยวาย

แต่ที่ดินที่จะเหลือรอดอยู่ข้าง ๆ สถานที่รถไฟฟ้าความเร็วสูง จะเป็นที่ดินของพวกเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะเครือข่ายพวกพ้องใกล้ชิดรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่จะได้ทำโครงการอสังหาริมทรัพย์รองรับทำกำไรอื้อพุงกาง !!

นี่จึงเป็นที่มาของชื่อบทความที่ว่า เศรษฐาใหญ่ยาว เพราะนายเศรษฐา แสนสิริ ชอบโครงการใหญ่ ๆ แพง ๆ และยาว ๆ อย่างรถไฟฟ้าความเร็วสูงนั่นเอง

ฮั้วกันทั่วหน้าในหมู่พวกพ้อง !!  ถ้าจำกันได้ยิ่งลักษณ์เคยโดดประชุมสภา (แต่เซ็นชื่อว่ามาประชุม) แล้วหนีไปหานักธุรกิจใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์

ก็ขนาดสื่อประชาชาติธุรกิจ ก็ยังลงข่าวบิ๊กแสนสิริกับนายทุนอสังหาหลายราย แห่ดักซื้อที่ดินแนวรถไฟฟ้าความเร็วสูงกันแล้ว ซึ่งเชื่อว่า พวกพ้องกลุ่มอสังหาที่สนิทสนมแนบแน่นกับยิ่งลักษณ์ คงได้ข้อมูลดี ๆ กว่าใครแน่นอน


คลิกที่รูปเพื่ออ่านข่าว



ถามว่า โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง ดีไหม ?

ตอบว่า ดีแน่นอน โดยเฉพาะกับพวกนายทุน ส่วนประชาชนน่ะเหรอ ประโยชน์ที่ได้ไม่อาจเทียบได้กับที่พวกนายทุนเขาได้หรอก


คลิกอ่าน แผนชั่ว ทำไมรัฐบาลยิ่งลักษณ์กระสันอยากลดดอกเบี้ยลง 1 %



วันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

จับโกหกโอ๊ค พานทองแท้ ใครเผาเซ็นทรัลเวิร์ล







เกริ่น

วันครบรอบ 3ปี ชุมนุมฟายแดงเผาเมือง ซึ่งไม่ได้เผาเฉพาะห้างเซ็นทรัลเวิร์ลเท่านั้น ยังมีเผาโรงหนังสยาม ห้างเซ็นเตอร์วัน เผาธนาคารกรุงเทพบางสาขา ซึ่งสถานที่เหล่านี้ฝ่ายเสื้อแดงหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงว่า ใครเผา ?

แต่พ่อค้าย่านนั้นต่างรู้ดีว่า ใครเผา ?

และโอ๊ค พานทองแท้ ก็ถือโอกาสโพสใส่ร้ายทหาร โดยชี้นำทำนองว่า ทหารเผาห้างเซ็นทรัลเวิร์ลเพื่อใส่ร้ายเสื้อแดง โดยการโพสคราวนี้ หากใครไม่ตามข้อมูลมามากพอ อาจหลงเชื่อโอ๊ค ได้โดยง่าย

ผมจึงต้องนำเสนอการจับโกหกโอ๊ค เพื่อไม่ให้เสื้อแดงได้ใจ ในการใส่ร้ายทหารไทยครับ


-----------------


จากที่โอ๊ค พานทองแท้ โพส facebook กล่าวว่ามีการใส่ร้ายเสื้อแดงเผาเซ็นทรัลเวิร์ล เนื้อหาตามนี้





จากเนื้อหาโอ๊ค พยายามจะบอกว่า เสื้อแดงโดนใส่ร้าย ทหารคือคนเผาเพื่อใส่ร้ายเสื้อแดง จริงเท็จอย่างไร ดูแค่โพสมันก็รู้แล้วว่ามีพิรุธ !!

------------------------

จับโกหกโอ๊ค พานทองแท้ กรณีทหารใส่ร้ายเสื้อแดงเผาห้าง

ประเด็นแรก ที่โอ๊คโกหก คือ

"นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ส่งกำลังทหารพร้อมอาวุธสงคราม และรถหุ้มเกราะ เข้าสลายการชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) บริเวณแยกราชประสงค์ จนกระทั่งมีผู้เสียชีวิตจนถึงปัจจุบันนี้ร่วม “100” ศพ นี่คือข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น"

akecity ขอตอบว่า ความเป็นจริง ผู้ที่เสียชีวิตร่วม 100 ศพนั้น ไม่ได้ตายบริเวณราชประสงค์ไปทั้งหมด มีการตายในสถานที่อื่น ๆ อีกหลายแห่ง และมีคนที่ตายที่ไม่ได้เกิดจากการเข้าสลายการชุมนุมของทหารตามที่โอ๊ค พยายามตอแหล

เพราะมีคนตายจาก M79 บนถนนสีลม เป็นผู้บริสุทธิ์ เป็นประชาชนที่ใช้รถไฟฟ้า ที่โดนระเบิดที่ยิงมาจากฝั่งเสื้อแดงที่ชุมนุมแถวสวนลุมพินี ก็มี

ยังมีทหารที่ตายจากโดนกลุ่มชุดดำยิงถล่มที่สี่แยกคอกวัวก็มี แต่โอ๊คพยายามเขียนทำนองว่า ร่วม 100 ศพนั้นเกิดจากการเข้าสลายการชุมนุมของทหารที่ราชประสงค์ทั้งสิ้น นี่คือโกหกตอแหลของโอ๊คเหมือนยิ่งลักษณ์อ่านปาฐกถาที่มองโกเลีย

--------------------------

ประเด็นที่ 2 ที่โอ๊คตอแหล (ไม่ถึงกับโกหก) คือ

"ศาลอาญาพิพากษายกฟ้อง จำเลยในคดีเผาเซ็นทรัลเวิลด์ทุกกรณี โดยชี้ว่าหลักฐานอ่อนเกินไป"

akecity ขอตอบว่า กรณีนี้ศาลยกฟ้อง เพราะหลักฐานไม่เพียงพอ เมื่อหลักฐานไม่เพียงพอก็ต้องยกประโยชน์ให้จำเลยไป แต่ไม่ได้แปลว่า เสื้อแดงทั้งสองไม่ได้กระทำความผิด อาจผิดหรือไม่ผิดก็ได้ เพียงแต่หลักฐานเอาผิดมันไม่พอต่างหาก ลองดูคำพิพากษาศาล

ศาลเห็นว่าแม้โจทก์มีพยานเป็นรปภ. ซึ่งเป็นผู้ถ่ายภาพจำเลยที่ 1 ได้ในที่เกิดเหตุ แต่ก็อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุ 30 เมตร และเห็นเพียงว่าจำเลยที่ 1 ถือถังดับเพลิง ไม่ใช่อุปกรณ์ใช้วางเพลิง แม้จะอนุมานไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 จะเข้าไปช่วยดับเพลิงหรือไม่ ประกอบกับพยานโจทก์ไม่สามารถตอบคำถามทนายจำเลยได้ว่าเห็นจำเลยที่ 1 เป็นผู้วางเพลิงหรือไม่ และยังไม่มีพยานชี้ชัดถึงพฤติการณ์ในการวางเพลิง หรือสนับสนุนการวางเพลิง พยานโจทก์จึงยังมีเหตุสงสัยว่าจำเลยที่ 1 เป็นคนร้ายที่ร่วมทำผิดในคดีนี้หรือไม่ จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย

ส่วนจำเลยที่ 2 โจทก์มีพนักงานห้างเบิกความว่า ขณะเกิดเหตุเห็นคนร้าย 40-50 คน มีชาย 4-5 คน เดินนำหน้าใช้หนังสติ๊กยิงใส่เป็นระยะ และเห็นชายชุดดำลายพรางสวมหมวกปีกใช้ระเบิดโยนใส่มีคนเจ็บ 9 คน ต่อมาตำรวจจับกุมคนร้ายภายในห้างได้ 9 คน มีจำเลยที่ 2 รวมอยู่ด้วย พยานโจทก์กลุ่มนี้สามารถจดจำรูปพรรณสัณฐานจำเลยที่ 2 ได้ตรงกันหมด ยกเว้นสีเสื้อไม่ตรงกับภาพที่ปรากฏ ระหว่างนั้นพยานต้องคอยหลบลูกหินที่ถูกยิงเข้าใส่ อีกทั้งอยู่ห่างไปกว่า 30 เมตรนั้น น่าส่งสัยว่าจะจำคนร้ายได้จริงหรือไม่ และโจทก์ยังไม่นำเจ้าหน้าที่ ซึ่งจับกุมจำเลยที่ 2 มาเบิกความ พยานโจทก์ที่นำสืบยังมีเหตุสงสัยว่าจำเลยที่ 2 จะกระทำผิดตามฟ้องจริงหรือไม่ จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย พิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง 2 ในข้อหาวางเพลิงเผาทรัพย์โรงเรือนที่เก็บสินค้า เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย


ซึ่งคดีนี้ยังไม่ถือว่าสิ้นสุด อัยการยังสามารถอุทธรณ์ได้

การที่โอ๊คจะมาสรุปว่า เสื้อแดงทั้งหมดไม่ได้เผา ด้วยแค่คำพิพากษายกฟ้องในคดีเสื้อแดง 2 คนนี้นี้ ย่อมไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง เพราะระบบยุติธรรมไทยยังยึดถือหลักการที่ว่า ปล่อยคนชั่ว10 คนดีกว่าจับคนไม่ผิดมาติดคุกเพียงคนเดียว!! 

---------------------

ประเด็นที่ 3 ที่โอ๊คตอแหล คือ

"ศาลแพ่งพิพากษาให้เทเวศประกันภัยจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้เซ็นทรัล เพราะเหตุเพลิงไหม้ ไม่ใช่กรณีก่อการร้าย และเกิดขึ้นหลังจากที่แกนนำ นปช.ประกาศสลายการชุมนุม (สลายการชุมนุมเวลา 13:20 ไฟไหม้ห้างเวลา 17:00 ห่างกันเกือบ 4 ชั่วโมง)"

akecity ขอตอบว่า ศาลตัดสินถูกต้องแล้ว เพราะการเผาห้างไม่ใช่การก่อการร้าย แต่มันคือการเผาด้วยอารมณ์พาไป ไม่ได้สลับซับซ้อนเหมือนการก่อการร้าย ก็เหมือนกับกรณีเสื้อแดงเผาศาลากลางตามภาคอีสานนั่นแหละ และการที่ศาลตัดสินว่าไม่ใช่การก่อการร้ายนั้น ก็ไม่ได้แปลว่า เสื้อแดงไม่ได้เผา

มันเป็นแค่คำวินิฉัยไปตามเนื้อผ้า ว่าเป็นการวางเพลิงหรือการก่อการร้าย ? เพื่อให้บริษัทประกันชดใช้ค่าเสียหายแก่ห้างเท่านั้น

ซึ่งแค่ข้อหาวางเพลิงโรงมหรศพ โรงเก็บสินค้า ก็มีโทษสูงสุดถึงขึ้นประหารชีวิตเช่นกัน รายละเอียดเรื่องนี้ผมเคยเขียนไว้คลิกอ่านได้ที่นี่


คำพิพากษาศาลแพ่ง ย้ำ ศาลแพ่ง !! เพื่อวินิจฉัยประเด็นจ่ายสินไหมทดแทนของ บ.ประกัน

ศาลมีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยว่าความเสียหายที่โจทก์ได้รับเป็นข้อยกเว้นตามกรมธรรม์ประกันภัยหรือไม่ โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ทางนำสืบของจำเลยไม่ปรากฏชัดว่าเป็น การกระทำของผู้เข้าร่วมชุมนุมคนใด หรือสั่งการจากแกนนำ ส่วนที่แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงปราศรัยมีเนื้อหาส่งเสริมความรุนแรงนั้น ถ้ามีการทำร้ายคนเสื้อแดงก็จะเกิดความรุนแรงขึ้น แต่ไม่ปรากฎข้อเท็จจริงว่ารัฐบาลจะสลายการชุมนุมเมื่อใด การปราศรัยจึงเป็นการป้องกันเพื่อไม่ให้มีการสลายการชุมนุม ส่วนเรื่องที่รัฐบาลประกาศให้ยุติการชุมนุมแต่ผู้ชุมนุมไม่ได้ยุติและก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น จะมีความผิดเกี่ยวกับกฎหมายใดย่อมเป็นอีกเรื่องหนึ่ง 
และจะเห็นว่ากลุ่มคนร้ายที่บุกรุกและเผาทรัพย์ในห้างสรรสินค้าเซนมีจำนวนไม่มาก ใช้วิธีการไม่สลับซับซ้อน ไม่ได้ใช้ทักษะพิเศษใด ๆ ที่เป็นความชำนาญ สำหรับถังแก๊ส น้ำมัน ยางรถยนต์ ก็หยิบฉวยได้ในบริเวณใกล้เคียง ความเสียหายที่เกิดขึ้น ก็ไม่ได้ส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศตกต่ำ ที่สำคัญขณะมีการเผาห้างเซน แกนนำก็ประกาศยุติการชุมนุมแล้ว คนร้ายที่เผาห้างสรรพสินค้าเซน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใดก็มิได้ต้องการให้ข่มขู่รัฐบาลยุบสภาหรือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลาออกจากนายกรัฐมนตรี จึงไม่ใช่เป็นการประทำที่หวังผลการทางเมือง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นฟังไม่ได้ว่าเป็นการก่อการร้าย


(ส่วนคดีอาญา อาจจะเป็นคนละเรื่องกับคำวินิจฉัยศาลแพ่งก็ได้ โดยเฉพาะประเด็นใครสั่งเผา ?)

--------------------------

ประเด็นที่ 4 ซึ่งสำคัญมาก!! ที่โอ๊คโกหกคือ

พ.ต.ท.ชุมพล บุญประยูร เลขาธิการสมาคมอาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยแห่งประเทศไทย และที่ปรึกษาด้านอัคคีภัยกลุ่มบริษัทเซ็นทรัลพัฒนามากว่า 20 ปี ได้ให้ปากคำเอาไว้ว่า

“ทีมงานเราอยู่ภายใน ถ้าไม่ไล่เราออกไป มันเรื่องเล็กสำหรับไฟขนาดนั้น ในอาคารมีอุปกรณ์พร้อม น้ำในห้างก็มีจำนวนมหาศาลทั้ง 3 อาคารเชื่อมต่อกัน ระบบแรงดันน้ำภายในห้างก็ใช้ได้ ถ้าไม่ไล่เราออกไม่มีทางจะไหม้ ส่วนคนที่ไล่เราออกไปนั้นคือกลุ่มคนที่มีอาวุธ” 

ซึ่งข้ออ้างในการไล่ทีมของเซ็นทรัลออกไปก็คือ มีผู้ก่อการร้ายอยู่ในอาคาร (ซึ่งมีกำลังทหารนับพันนายอยู่รายรอบอาคาร) หลังจากนั้นร่วมชั่วโมง จึงมีไฟไหม้เกิดขึ้น จนถึงบัดนี้ยังไม่มีใครได้ข้อมูล หรือจับตัวผู้ก่อการร้ายในอาคารตามอ้างได้ แม้แต่คนเดียว


akecity ขอตอบว่า ประเด็นนี้ โอ๊คกำลังบิดเบือนเนื้อหาคำให้การของ พ.ต.ท.ชุมพล บุญประยูร เพราะถ้าได้ตามอ่านคำให้การทั้งหมด จะรู้เลยว่า คนละเรื่องกับที่โอ๊คโพสเพื่อก่อให้เกิดความกำกวมจนคนอ่านที่ไม่ได้อ่านเนื้อหาทั้งหมด ย่อมเข้าใจผิดไปว่า คนที่ไล่ทีมงานของพ.ต.ท.ชุมพล คือทหาร

ซึ่งความจริงไม่ใช่ !! แต่เป็นกองกำลังไม่ทราบฝ่ายติดอาวุธ ที่มาไล่ต่างหาก โดยเฉพาะคำสัมภาษณ์ช่วงที่โอ๊คตัดมานั้น โอ๊คตัดมาไม่หมด เพราะคำสัมภาษณ์จริง ๆเต็ม ๆ คือ

"ทีมงานเราอยู่ภายในถ้าไม่ไล่เราออกไป มันเรื่องเล็กสำหรับไฟขนาดนั้น ในอาคารมีอุปกรณ์พร้อม น้ำในห้างก็มีจำนวนมหาศาลทั้ง 3 อาคารเชื่อมต่อกัน ระบบแรงดันน้ำภายในห้างก็ใช้ได้ ถ้าไม่ไล่เราออกไม่มีทางจะไหม้ ส่วนคนที่ไล่เราออกไปนั้นคือกลุ่มคนที่มีอาวุธ มีการโยนระเบิด ขนาดตำรวจยังต้องหนี" พ.ต.ท.ชุมพล กล่าว

ซึ่งพ.ต.ท.ชุมพล ได้ให้การโดยละเอียดในประเด็นกลุ่มคนที่มีอาวุธที่ไล่ทีมงานของเขาออกไป ดังนี้

"ในห้างมีสปริงเกอร์ทุกๆ 3 เมตร แต่เหตุการณ์เพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นในวันที่ 19 พ.ค.53 นั้นอยู่นอกเหนือจากความสามารถของพนักงานดับเพลิง เพราะไม่สามารถดับเพลิงได้ พนักงานดับเพลิงปฏิบัติหน้าที่ได้เฉพาะในตอนต้นที่มีคนกลุ่มแรกเข้ามา รปภ.ที่มีกว่า180 คนก็สามารถผลักดันออกไปได้ แต่เมื่อมีคนกลุ่มที่ 2 เข้ามาอีก รปภ. ได้แจ้งว่ามีการปาระเบิดเข้าใส่พนักงานจนทำให้มีคนบาดเจ็บ จึงได้มีการร้องขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามา เมื่อตำรวจเข้ามาในห้างประมาณ 25 คน ได้มีการจับกุมคนที่เข้ามาหลบซ่อนตัวในห้าง ก่อนที่จะถอนกำลังออกไปเมื่อพบผู้บุกรุกชุดที่สองซึ่งมีอาวุธอยู่ด้านหน้าของห้าง

ชุดแรกที่เข้ามานั้นมีประมาณ14คน เข้ามาจาก 2 ด้านคือด้านถนนพระราม 1 และถนนราชดำริ ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าเซน (ZEN) ในเวลาประมาณเกือบ 14.00 น. โดยทุบกระจกเข้ามาในห้าง แต่ รปภ.ที่มีจำนวนถึง 180 คนก็ได้ไล่คนเหล่านั้นออกไป ต่อมาเวลาประมาณ 15.00 น. จากการตรวจสอบกล้อง CCTV เห็นว่ามีกลุ่มคนชุดที่สอง ประมาณ 7-8 คน แต่งกายคล้ายทหารและมีอาวุธด้วยเข้ามาทางด้านห้างเซ็นทรัลเวิลด์รปภ. พยายามต้านทานไม่ให้คนกลุ่มนี้เข้ามาแต่กลับถูกปาระเบิดใส่ ตำรวจในเครื่องแบบเข้ามาช่วยก็ยังต้องถอนกำลังออกไป

หลังจากที่ตำรวจทั้ง 25 คน ถอนกำลังออกจากห้างไปทำให้ รปภ.และพนักงานดับเพลิงเสียขวัญกำลังใจ จึงได้ไปรวมตัวที่จุดรวมพลตรงลานจอดรถใกล้โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เพื่อให้ฝ่ายบริหารห้างตัดสินใจ เนื่องจากพนักงานเหล่านั้นไม่มีหลักประกันความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน สุดท้ายจึงได้ตัดสินใจออกจากห้างทั้งหมดในเวลาประมาณ 16.40 น."



คุณผู้อ่านพอจะมองเห็นอะไรไหมครับ สิ่งที่โอ๊คเขียนมันจูงใจให้คนเข้าใจผิดไปว่า ทหารคือคนไล่ทีมงามดับเพลิง แต่ความจริงจากคำให้การของพ.ต.ท.ชุมพล บุญประยูรที่ปรึกษาอัคคีภัยเซ็นทรัลพัฒนา นั้นคนละเรื่องกันเลย เพราะความจริงคนที่ไล่ทีมงานเขาออกไป แถมขนาดตำรวจยังต้องหนี คือกองกำลังไม่ทราบฝ่ายที่ติดอาวุธนั่นเอง ซึ่งกองกำลังไม่ทราบฝ่ายติดอาวุธนั้น ก็จะแต่งกายให้ดูคล้ายทหาร แต่ไม่ใช่ทหาร !!

ซึ่งกองกำลังไม่ทราบฝ่ายนี้ นี่แหละน่าจะเป็นคนวางเพลิงภายในตัวห้างตัวจริง

และที่โอ๊คเขียนว่า ข้ออ้างที่ไล่ออกทีมของเซ็นทรัลออกไป เพราะมีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายอยู่ในห้าง นี่คือการโกหกชัดเจนของโอ๊ค เพราะในคำให้การของพ.ต.ท.ชุมพล ไม่มีเรื่องนี้อยู่เลย เพราะกลุ่มคนที่ไล่เขาออกไปไม่ใช่ทหาร แต่เป็นกลุ่มติดอาวุธที่ปาระเบิดใส่ตำรวจด้วย

และที่โอ๊คโกหกอีกอย่างคือ มีทหารอยู่รอบอาคารนั้นก็เป็นการบิดเบือนเช่นกัน เพราะหากมีทหารอยู่รอบอาคารจริง ๆในช่วงเวลาดังกล่าว พ.ต.ท.ชุมพล ต้องเอ่ยถึงแล้ว ว่าทหารปล่อยให้กองกำลังติดอาวุธที่ปาระเบิดเข้ามาในห้างช่วงเวลานั้นได้อย่างไร ?

คุณผู้อ่านลองอ่านประเด็นต่อไปจะเห็นคำโกหกของโอ๊คชัดเจนขึ้น

และจริง ๆ แล้วประเด็นนี้ ถ้ามีกองกำลังติดอาวุธมาเผาห้างในตัวห้างจริงจนเกิดไฟไหม้ใหญ่ ไม่ใช่แค่รูปผู้คนทุบกระจกเผาแค่หน้าห้าง กรณีนี้ผมมองว่า น่าจะเข้าข่ายก่อการร้าย แต่เมื่อศาลวินิจฉัยไปแล้วว่าไม่ใช่ก่อการร้าย ก็ไม่เป็นไร  ส่วนตัวผมยอมรับคำตัดสินนี้ได้


กลุ่มชายชุดดำ และชายแต่งชุดคล้ายทหาร ทำการบวงสรวงก่อนปฏิบัติการณ์




-------------------------------

ประเด็นที่ 5 ที่โอ๊คโกหกมากที่สุด

ผม(โอ๊ค) ขอลำดับเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นจริงในห้วงเวลาต่างๆ เพื่อให้เห็นภาพดังนี้

14 พ.ค. 53
เริ่มต้นยุทธศาสตร์กระชับวงล้อม พื้นที่ราชประสงค์ ประกาศเขตกระสุนจริง ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายคน รวมถึง ด.ช.คุณากร ศรีสุวรรณ อายุ 14 ปี เป็นผู้เสียชีวิตที่มีอายุน้อยที่สุด

19 พ.ค. 53
13.20 น. นปช.ประกาศยุติการชุมนุม
14.00 น. พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ในฐานะโฆษก ศอฉ.แถลงว่า ในขณะนี้ ศอฉ.ควบคุมสถานการณ์ในภาพรวมไว้ได้แล้ว
16.40 น. ทหารเข้ายึดพื้นที่ได้อย่างสมบูรณ์ และไล่ตำรวจ รปภ.และเจ้าหน้าที่ดับเพลิงออกจากห้างเซ็นทรัลเวิลด์ โดยอ้างว่ามีผู้ก่อการร้ายอยู่ภายใน (ล้อมห้างอยู่เป็นพัน จับผู้ก่อการร้ายไม่ได้แม้แต่คนเดียว)
17.40 น. เกิดเพลิงไหม้ขนาดใหญ่ในเซ็นทรัลเวิลด์


akecity ขอตอบว่า โอ๊คโกหกได้หน้าด้าน ๆ มาก เช่น 14.00น. พ.อ.สรรเสริญ แถลงว่า ขณะนี้ ศอฉ.ควบคุมสถานการณ์ในภาพรวมไว้ได้แล้ว

นี่คือการยกความจริงมาไม่หมด เพราะที่พ.อ.สรรเสริญ แถลงนั้น แม้จะบอกว่า ควบคุมสถานการณ์ในภาพรวมได้ หมายถึง ทหารเข้าถึงเวทีการชุมนุม แกนนำมอบตัว เสื้อแดงทยอยกลับบ้าน

และที่สำคัญคือ ทหารตำรวจหยุดรุกคืบหน้า และหยุดปฏิบัติการณ์ในภาพรวมแล้ว นั่นเพราะทางทหารคงไม่คิดว่าจะมีการก่อการร้ายเผาห้างตามมาอีก





ซึ่งในเวลา 22.35 น.ของวันเดียวกัน ทางพ.อ.สรรเสริญ ยังได้ออกมาแถลงอีก โดยสาระสำคัญที่เกี่ยวกับการเผาห้างมีดังนี้

"...หลังจากนั้น ศอฉ.ได้หยุดเคลื่อนกำลังเข้ากดดันบริเวณพื้นที่แยกราชประสงค์เพื่อลดบรรยากาศความตึงเครียด และอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนผู้หลงผิดที่จะกลับภูมิลำเนาได้เดินทางออก ขณะเดียวกันก็ดำเนินการควบคุมตัวแกนนำไปยังสถานที่ที่จัดเตรียมไว้ ทั้งนี้ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ได้หยุดการเคลื่อนกำลัง ปรากฏว่ากลุ่มผู้ก่อการร้ายที่แฝงตัวอยู่ก็ได้ก่อความวุ่นวาย โดยเข้าทุบทำลายห้างร้าน วางเพลิงอาคารสถานที่สำคัญต่างๆ กว่า 20 แห่ง อย่างไรก็ดีขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เข้าควบคุมเพลิงได้เกือบหมดแล้ว คงเหลือแต่เพียง CTWที่ยังควบคุมเพลิงไม่ได้ทั้งหมด ด้วยมีผู้ก่อการร้ายซุ่มยิงอยู่บนอาคารสูง ลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่ แต่ในขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังพยายามคลี่คลายสถานการณ์อยู่.."


คลิกที่รูปเพื่อไปอ่านลำดับเหตุการณ์วันเผาห้างทั้งหมด!!


เห็นไหมครับ ศอฉ. ได้แถลงว่า ทหารได้หยุดเคลื่อนกำลัง หมายถึงเริ่มถอนออกจากพื้นที่ราชประสงค์เพื่อลดบรรยากาศตึงเครียด และเพื่อไปควบคุมแกนนำแดงไปส่งสถานที่ที่เตรียมไว้ และทหารบางส่วนก็อำนวยความสะดวกดูแลเสื้อแดงกลับบ้าน ช่วงนั้นเองก็ได้มีกลุ่มผู้ก่อการร้ายแทรกเข้ามาทำลายห้าง


และในช่วงเวลา 16.40 น. ที่โอ๊คโพสว่า ทหารเข้ายึดพื้นที่ได้อย่างสมบูรณ์ และไล่ตำรวจ และรปภ. และเจ้าหน้าที่ดับเพลิงออกจากห้างเซ็นทรัลเวิร์ล โดยอ้างว่า มีการก่อการร้ายอยู่ภายในนั้น 

ซึ่งที่โอ๊คโพสนั้น เป็นสิ่งที่โอ๊คนำมาจากฟอร์เวิร์ดส่งต่อ ๆ กันไปในหมู่เสื้อแดงในกะลา และเว็บพันทิพ ที่บิดเบือนข้อมูลขึ้นมา โดยอาศัยรูปประกอบทีไม่มีการระบุเวลาในรูปเลยสักรูป แต่มั่วเวลาเอาเอง

แถมรูปที่ทหารตรึงกำลังรอบห้างนับพันตามที่โอ๊คว่า ก็ดูหรอมแหรม !! และไม่รู้เป็นวันไหนเวลาไหนที่แท้จริง ซึ่งเมื่อเราดูในกระทู้พันทิพทุกรูปแล้ว จะเห็นชัดเจนว่า ขัดกับคำให้การของพ.ต.ท.ชุมพล ที่ปรึกษาฝ่ายอัคคีภัยเซ็นทรัลพัฒนา ทุกรูป

เพราะที่จริงแล้วรูปคนโดนยิง หรือรปภ.เดินออกจากห้าง นั้น น่าจะเป็นเพราะถูกกองกำลังติดอาวุธโยนระเบิดเข้าใส่จนสะเก็ดระเบิดกระเด็นโดนขามากกว่า

ส่วนรูปทหารยืนข้างนอกซึ่งก็ไม่รู้ว่ายืนที่ไหนแน่ เสื้อแดงก็นำมาตัดต่อให้เป็นเสมือนเหตุการณ์เดียวกัน แต่ความเป็นจริงช่วงนั้นไม่มีทหารในบริเวณเซ็นทรัลเวิร์ลเลย เพราะศอฉ.สั่งหยุดปฏิบัติภารกิจหมดแล้ว จึงเปิดโอกาสให้กองกำลังไม่ทราบฝ่ายติดอาวุธได้ปฏิบัติการณ์ยึดเซ็นทรัลเวิร์ลได้

ตัวอย่างรูปในกระทู้พันทิพ


นี่หรือทหารล้อมห้างไว้หมดแล้ว นับพันคน ถุย หรอมแหรม !! และล้อมที่ไหนก็ไม่ชัดเจน เวลาก็ไม่ชัดเจน เพราะไม่มีเวลาระบุในรูป นี่คือการบิดเบือนของเสื้อแดง



จากรูปบนนี้ ทหารไม่ได้ล้อมห้างเลย เพราะหน้าประตูนั้น ไม่ใช่หน้าประตูห้างแน่นอน ส่วนรปภ.ที่เดินออกจากห้าง ก็ให้ดูที่คำให้การของพ.ต.ท.ชุมพล ว่า ออกมากันเองเพราะไม่รู้สึกว่าปลอดภัยจากกองกำลังติดอาวุธที่ปาระเบิดใส่ตำรวจ

และให้สังเกตว่า ในรูปที่ รปภ.เดินออกหน้าห้าง ก็ไม่เห็นมีทหารล้อมห้างสักนาย !!







มีหลายคนต้้งข้อสังเกตว่า ในกระทู้พันทิปมีบางรูปอาจเป็นทหารกำลังรักษาความปลอดภัยรอบวังสระปทุม ติดสยามพารากอน แต่ถูกนำมาตัดต่อให้คิดว่าบริเวณเซ็นทรัลเวิร์ล

ไปดูกระทู้พันทิพบิดเบือนด้วยรูปถ่ายใส่ร้ายทหารได้ที่นี่ คลิก !!


ผมแนะนำให้คุณผู้อ่าน อ่านคำให้การของพ.ต.ท.ชุมพล ที่ปรึกษาด้านอัคคีภัยเซ็นทรัลพัฒนา ซึ่งได้ให้การว่า การที่รปภ.ต้องออกจากห้างเพราะกองกำลังติดอาวุธปาระเบิดใส่ จนตำรวจต้องหนี รปภ.เลยหนีออกมาบ้าง ซึ่งไม่ได้หนีออกมาเพราะทหารไล่ตามที่โอ็คและเสื้อแดงพันทิพบิดเบือนแต่อย่างใด

ส่วนคำให้การโดยละเอียดของพ.ต.ท.ชุมพล บุญประยูร ไปอ่านได้ที่นี่ คลิก !!

---------------------

ย้ำ !!

(ผมย้ำ! ว่า ต้องตามไปอ่านคำให้การของพ.ต.ท.ชุมพล ตามลิงค์ที่ผมให้ไว้โดยละเอียด เพราะข้อมูลดีมากครับ เช่นในวันที่ห้างโดนเผา ช่วงก่อนการชุมนุมจะเลิก การ์ดนปช.หายไปหมด แต่มีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายมาปฏิบัติหน้าที่แทนการ์ดนปช.!!)

-------------------------

สรุป การบิดเบือนข้อมูล การนำความจริงมาปะติดปะต่อเพียงครึ่งเดียวของโอ๊ค ชั่งสันดานเหมือนทักษิณและปาฐกถายิ่งลักษณ์จริง ๆ

ประเด็นเสื้อแดงไม่ได้เผาห้าง แล้วมีการนำรูปที่ไม่ระบุเวลาและสถานที่ ๆ ชัดเจนมามาตัดต่อ และการตัดคำพูดของที่ปรึกษาด้านอัคคีภัยเซ็นทรัลพัฒนามาแบบไม่หมดมาอ้าง ทั้งหมดเพื่อหวังใส่ร้ายทหารเผาห้าง เพื่อใส่ร้ายเสื้อแดงให้ดูน่าเชือถือ

ซึ่งพวกฟายแดงโง่ ๆ ก็เฮฮาและเชื่อกันไปหมดจริง ๆ ว่า นี่ไงหลักฐานทหารไล่รปภ. ทหารล้อมห้าง ทหารตัดโซ่ร้านค้าในห้างทั้งหมดนั้น ทหารทำเพื่อจัดฉากใส่ร้ายเสื้อแดงเผาห้างทั้งสิ้น

ซึ่งในความจริงแล้ว การเผาห้างเซ็นทรัลเวิร์ลนั้น ทหารไม่ได้อยูใกล้เคียงในช่วงเผาห้างแน่นอน ทหารน่าจะถอนกำลังออกมาจากห้างแล้ว แต่รปภ.ในห้างยังอยู่ ตามที่พ.ต.ท.ชุมพล ให้การว่า รปภ.และทีมของเขาออกจากห้างเมื่อเวลา 16.40 น. และหลังจากนั้นสักชั่วโมงกว่า ๆ ห้างถึงเกิดเพลิงไหม้ขึ้น

-----------------

ผมสรุปให้ง่ายต่อความเข้าใจก็คือ ทหารได้ถอนกำลังออกจากราชประสงค์ ตามคำสั่ง ศอฉ. จึงทำให้เกิดช่องโหว่ที่พวกชายแต่งกายคล้ายทหารเข้ามาเผาห้าง 

และพอห้างโดนเผาไปได้สักพักนึงแล้ว ทหารถึงได้กลับเข้ามาในพื้นที่อีกครั้ง

ซึ่งถ้าคุณผู้อ่านได้ดูตามคลิปต่างๆ ในช่วงห้างโดนเผาใหม่ เราจะเห็นมีฝูงชนเสื้อแดงที่ถอดเสื้อแดงออกแล้ว เฮฮาที่ห้างโดนเผา แต่ไม่มีทหารอยู่ในบริเวณใกล้เคียงเลย การเผาห้างเกิดไปแล้ว ทหารจึงเข้ามาในพื้นที่หลังพวกเสื้อแดงทั้งสิ้น


คลิปกลุ่มฟายแดงดีใจ ห้างโดนเผา



หมายเหตุ เสื้อแดงได้ถอดเสื้อแดงออก ตามคำสั่งแกนนำก่อนหน้าการเข้ากระชับพื้นที่ของทหารได้ไม่กี่วัน

สุดท้ายฝากโอ๊คว่า ถ้าทหารเผาห้าง แน่จริงก็อย่ามีกฎหมายนิรโทษกรรมสิ เอาคนผิดมาลงโทษให้หมด มันตลกมาก ถ้าทหารเผา แต่เสื้อแดงอยากนิรโทษกรรมให้คนเผา !!

-----------------

ความเห็นผู้ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงท่านหนึ่ง




-------------------

ก่อนจบ ผมอยากจะตัดลำดับเหตุการณ์จากมติชน วันที่ 19 พ.ค.53 ในตอนหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า ชายชุดดำที่ทำการเผาและทุบกระจก เป็นพวกเดียวกับกลุ่มนปช. ดังนี้

เมื่อเวลา 07:39 น. เจ้าหน้าที่รถไฟฟ้าใต้ดินสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน คลองเตย แจ้งว่า มีกลุ่มชายชุดดำพยายามเผาโดยทุบกระจก และใช้น้ำมันเทเข้าไป ประชาชนได้เข้าไปห้าม แม้มีผู้สื่อข่าวสังเกตการณ์อยู่ และยกกล้องขึ้นบันทึกภาพ ก็มีกลุ่มผู้ชุมนุม นปช. เข้ามาสกัดไม่ให้ถ่ายภาพ และให้หลีกออกไปจากพื้นที่

คลิกอ่านข่าวมติชนลำดับเหตุการณ์วันที่ 19 พ.ค. ที่นี่

คลิกอ่าน ตอบโอ๊ค ใครสั่งฆ่า 98ศพ

คลิกอ่าน ยกฟ้องคนเผา แต่คนสั่งเผาชัดเจนยังลอยนวล

คลิกอาน ทำไมต้องฆ่าเสธแดง

วันอาทิตย์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

กรณีธนาคารญี่ปุ่น ทักษิณไม่ได้โง่กว่ากรณ์ หรอก







เมื่อทักษิณโพส facebook ส่วนตัว เรื่องค่าเงินบาทแข็ง โดยยกตัวอย่างเศรษฐกิจญี่ปุ่นและธนาคารกลางญี่ปุ่น ดังนี้

"เมื่อวานนี้ ญี่ปุ่นประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจไตรมาสที่1ของปีนี้ (ม.ค.-มี.ค.) ว่า GDP โตถึง 3.5% นับเป็นการโตที่มากสำหรับญี่ปุ่น เพราะเศรษฐกิจแย่มานาน ค่อนข้างชัดว่า ผลการเติบโตส่วนใหญ่ก็ได้มาจากนโยบายของท่านนายกฯ อาเบะ ที่ทำให้ค่าเงินเยนอ่อนลงกว่า 20% รวมทั้งพิมพ์ธนบัตรออกใช้มากขึ้นมาก

ที่เขาทำได้ก็เพราะธนาคารกลาง(หรือแบงค์ชาติ)ของญี่ปุ่นขึ้นตรงกับรัฐบาล เขาจึงสามารถทำยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจแบบองค์รวม (Holistic Approach) โดยประธานนโยบายการเงิน (Monetary Policy) กับนโยบายการคลัง (Fiscal Policy) ได้เป็นอย่างดี แต่แน่นอนครับญี่ปุ่นยังต้องมีอีกหลายมาตรการเพื่อให้เศรษฐกิจภายในแข็งแกร่งกว่านี้

ที่สำคัญโครงสร้างการบริหารประเทศของญี่ปุ่นเขาเป็นประชาธิปไตยจริงๆ เขาถือว่าประชาชนมีอำนาจสูงสุด เมื่อประชาชนเลือกใครเข้ามาก็ให้โอกาสทำงานเต็มฝีมือ ถ้าทำไม่ดีประชาชนก็ไม่เลือกกลับมาอีก แต่ของเรายังเป็นประชาธิปไตยแบบแค่นๆ คือไม่เต็มใจให้เป็น จึงเกิดความหวาดระแวงตัวแทนอำนาจประชาชน โดยใช้วิธีแยกอำนาจออกเป็นส่วนๆแทนจนคุยกันไม่ได้ วางยุทธศาสตร์ร่วมกันไม่ได้ ซึ่งผลเสียก็ตกกับประเทศชาติและประชาชน

อย่างกรณีธนาคารแห่งประเทศไทยของเราก็มีกฎหมายของรัฐบาลช่วงรัฐประหารแยกตัวเองออกมา จนไม่ฟังรัฐบาล ซึ่งทำให้ดูน่าวิตกเพราะต่างคนต่างใช้นโยบายของตน มีความเชื่อของตน ตอนนี้เงินจากต่างประเทศไหลเข้าไทยอย่างมากจนน่าวิตก มูลค่าทางตลาด (Market Capitalization) ของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์รวมกันโตกว่า GDP ประเทศ จึงมีคำถามว่าเกิด Asset Pricing Bubble หรือไม่ แล้วเราจะมีมาตรการอะไรร่วมกันไหมระหว่างกระทรวงการคลังกับธนาคารแห่งประเทศไทย ผมเป็นห่วงครับ ถ้ามองแค่ปัจจุบันกับอนาคตสั้นๆภายในปีเดียว ก็ไม่ต้องคิดมาก แต่ถ้าคิดยาวคิดไปล่วงหน้า 2-3 ปี อันตรายครับ

สิ่งที่กังวลก็คือ เรามีคนดี คนมีความรู้และการศึกษาสูงมาก แต่เป็นพวกมี Knowledge แต่มี Wisdom ไม่พอ จะรู้ไม่เท่าทันโลกทุนนิยม ที่หนักกว่านั้นคือ พวก Wisdom ไม่พอดันขยันพูดอีกต่างหาก

ประเทศไทยเรา GDP ส่วนใหญ่มาจาก Export (ส่งออก) ซึ่งมีทั้งสินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าเกษตร บาทแข็งขึ้น 1 บาท GDP จะหายไปประมาณ 0.7% รัฐบาลจึงจำเป็นต้องใช้นโยบายอัดฉีดเงินลงสู่รากหญ้า และเพิ่มงบลงทุนของรัฐบาล เช่น โครงการ 2 ล้านล้าน ถ้านโยบายการคลังถูกใช้เยอะเกินไปก็อันตราย เพราะฉะนั้นนโยบายการเงินต้องช่วยไม่ใช่เป็นภาระแบบนี้

ตอนผมเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศในปี 2537-2538 ผมก็เห็นสัญญาณไม่ดีหลายอย่าง เพราะรัฐมนตรีต่างประเทศเป็นกรรมการทุนรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยตำแหน่งร่วมกับรัฐมนตรีพาณิชย์และรัฐมนตรีคลัง

ผมได้เตือนธนาคารแห่งประเทศไทยกับกระทรวงการคลังทุกครั้งในที่ประชุมแต่ก็ได้รับการชี้แจงแก้ตัวตลอดเวลา จนมาถึงเศรษฐกิจพังตอนปี 2540 ผมเป็นคนชอบดูดัชนีต่างๆและชอบตกใจล่วงหน้า เหมือนที่ผู้ก่อตั้งบริษัท Intel คือนาย Andrew Grove พูดว่า

During the crisis only the paranoid survive ครับ"

Thaksin Shinawatra


-------------------

ต่อมานายกรณ์ จาติกวณิช โพสเพื่อหักล้างทักษิณ ตามนี้

"ปัญญาที่แท้จริงคือการรู้ว่าเราไม่รู้อะไรเลย" โซคราตีส
'The only true wisdom is knowing you know nothing' Socrates

คุณทักษิณเขียน FB อ้างกรณีญี่ปุ่น คิดอยากยกเลิกหลักความเป็นอิสระของแบงก์ชาติไทย แถมอ้างว่าที่เป็นอิสระนี้เป็นเพียงเพราะกฎหมายร่างในสมัยรัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติ

ความคิดและตรรกะที่คุณทักษิณอ้างว่าสะท้อน "wisdom" หรือ "ปัญญา" นั้นทั้งผิดทั้งอันตราย

ก่อนอื่นญี่ปุ่นนั้นมีการปฏิรูปกฎหมายของธนาคารกลางของเขา (BoJ) เพื่อเพิ่มความเป็นอิสระจากรัฐบาลในปี 2540 ให้มีคณะกรรมการนโยบายการเงิน 9 ท่าน ตอนประชุมทางรัฐบาลส่งคนไปสังเกตการณ์ได้แต่ลงคะแนนไม่ได้ ถึงแม้ความเป็นอิสระของ BoJ ยังน้อยกว่าธนาคารกลางที่ยุโรป แต่ก็ไม่ได้ถึงกับ "ขึ้นกับรัฐบาล"

ประเด็นที่สำคัญคือ สถานการณ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับญี่ปุ่นต่างกันฟ้ากับดิน เพราะก่อนหน้านั้นคนญี่ปุ่นไม่ยอมใช้เงิน ทาง BoJ จึงมีนโยบายพิมพ์เงินเพิ่ม เพื่อทำให้คนใช้เงิน และทำให้ค่าเงินลดลง BoJ ต้องเปลี่ยนนโยบายเพราะได้ลดดอกเบี้ยลงมาเหลือ 0% แล้วแต่ก็ไม่มีผล และราคาสินทรัพย์ประเภทต่างๆก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง

ส่วนบ้านเราต่างกันอย่างสิ้นเชิง คนใช้เงินเยอะมาก สินเชื่อธนาคารพาณิชย์เพิ่มขึ้นกว่า 10% หลายปีติดต่อกัน หนี้ครัวเรือนก็เพิ่ม ส่วนราคาสินทรัพย์ทุกประเภทขึ้นหมด คุณทักษิณก็พูดเองว่าราคาหุ้นเพิ่มขึ้นจนกลัวว่าจะเป็น "ฟองสบู่" ดังนั้นจะให้แบงค์ชาติใช้นโยบายเหมือน BoJ ในการทำให้มีการใช้เงินเยอะขึ้นทำไม

ปัญหาคือคุณทักษิณไม่เข้าใจเศรษฐศาสตร์ดีพอ ที่บอกว่า GDP ไทยส่วนใหญ่มาจากการส่งออกนั้น ไม่ถูกต้อง เพราะการเอามูลค่าการส่งออกมาคำนวณ GDP นั้นต้องหักมูลค่าการนำเข้าออกก่อน และองค์ประกอบที่เป็น 'ส่วนใหญ่' ของ GDP ของประเทศไทยนั้น คือการบริโภคภายในประเทศเราเอง (ประมาณ 52% ของ GDP)

และถ้าเรามีนโยบายแบบญี่ปุ่น หนึ่งในผลที่จะตามมาคือกำลังซื้อของคนไทยที่หายไปจากค่าเงินที่ลดลง ถ้าเงินบาทอ่อนลงประมาณเท่ากับญี่ปุ่น สมมุติจาก 29 บาทเป็น 40 บาทต่อดอลลาร์ ราคานํ้ามันก็จะเพิ่มจาก 29 บาทเป็น 40 บาทต่อลิตรทันที ผู้ส่งออกอาจจะชอบ แต่พี่น้องคนไทยตายหมด

ส่วนแบงก์ชาติเรานั้น การแก้กฎหมายในปี 2551 ความจริงได้นำไปสู่การลดอำนาจของผู้ว่าฯ เพราะได้กำหนดให้มีคณะกรรมการขึ้นมากำกับอีกชั้นหนึ่ง และมีประธานซึ่งรัฐบาลมีอิทธิพลในการแต่งตั้งสูงมาก จนเป็นเหตุให้หม่อมเต่าหลุดไป และเราได้ ดร.โกร่งมาแทน

นอกจากนั้น การแก้ครั้งนั้นก็ทำให้บทบาทของรัฐบาลในการร่วมกำหนดนโยบายการเงินมีความชัดเจนขึ้น คือทุกปีรัฐบาลจะเป็นผู้เห็นชอบการกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อที่แบงก์ชาติเป็นผู้เสนอ แบงก์ชาติมีเพียงความเป็นอิสระในการปฏิบัติเพื่อให้เป็นไปตามเป้านั้น ดังนั้นเมื่อครม.อนุมัติเองแล้ว จะมาว่าอะไรเขาอีก

ที่ผมว่าคุณทักษิณเป็นเดือดเป็นร้อนมากที่สุดน่าจะเป็นเพราะกฎหมายทำให้ปลดผู้ว่าฯ ตามไม่ได้...

สุดท้ายผมอยากจะบอกว่า นอกจากขาดความเข้าใจในหลักเศรษฐศาสตร์แล้ว ความเข้าใจในหลักประชาธิปไตยของคุณทักษิณยิ่งน่าเป็นห่วง คุณทักษิณมองการถ่วงดุลตรวจสอบรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งว่าเป็น "ประชาธิปไตยแบบ แค่นๆ" และอยากจะให้รัฐบาลมีอำนาจเด็ดขาดในทุกเรื่อง และให้วัดกันที่การเลือกตั้งทุกสี่ปีเท่านั้น

ไหนบอกชอบรัฐธรรมนูญ" 40 ไงครับ รัฐธรรมนูญฉบับนี้แหละครับคือ ต้นกำเนิดขององค์กรอิสระทั้งหลาย"

Korn Chatikavanij


---------------------

โดยสรุป

จากที่นำสิ่งที่ทักษิณเขียน และนายกรณ์ เขียนมาให้ดูนั้น พวกฟายแดงย่อมไม่มีทางเชื่อนายกรณ์แน่นอน เพราะพวกฟายแดงมันโง่และหลงเชื่อทักษิณจนหัวปักหัวปำ

สมัยเมื่อทักษิณ ยุบสภาในปี 2549 เพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ และได้กลายเป็นเลือกตั้งอัปยศนั้น ทักษิณได้ใช้ตรรกะเดิม ๆ เหมือนที่โพสเฟซบุ้คที่ว่า ถ้ารัฐบาลญี่ปุ่นไม่ดี ไว้ 4 ปี ประชาชนก็ไม่ต้องเลือกกลับมาอีก

นั่นคือ ทักษิณไม่ยอมรับการตรวจสอบของรัฐสภา ทักษิณมักอ้างการเลือกตั้งบังหน้าเพื่อสร้างความชอบธรรมให้ตัวเอง

อย่างเมื่อตอนที่รัฐสภาต้องการตรวจสอบการขายหุ้นชินคอร์ปของทักษิณ ทักษิณเลือกที่จะยุบสภาเพื่อหนีการตรวจสอบ

โดยทักษิณอ้างว่า ถ้าผมทำผิด หรือทุจริต เลือกตั้งคราวหน้า พี่น้องประชาชนก็อย่าเลือกพรรคไทยรักไทยก็แล้วกัน

นี่คือการไม่ยอมรับระบบสภาของทักษิณ ทักษิณเลือกที่จะใช้การเลือกตั้งตัดสินความชอบธรรมของตัวเอง และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำไมทักษิณจึงปฏิเสธระบบยุติธรรมที่ไม่เอื้อประโยชน์ให้ตัวเอง

ที่ผมบอกว่า ทักษิณไม่ได้โง่กว่ากรณ์หรอก เพราะทักษิณก็รู้ว่า บริบทเศรษฐกิจญี่ปุ่นกับไทยนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนญี่ปุ่นชอบออมเงิน ส่วนคนไทยชอบใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย

แต่ที่ทักษิณต้องโพสแบบนั้น ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองเท่านั้น เพราะทักษิณเป็นประเภทพูดความจริงครึ่งเดียว เหมือนที่เขียนสคริปต์ให้ยิ่งลักษณ์อ่านที่มองโกเลียนั่นแหละครับ

ก็เหมือนอย่างที่นายเสนาะ เทียนทอง เคยแฉไว้ว่า คนไทยเจ๊งทั้งประเทศ แต่ทักษิณรวยจากการลอยตัวค่าเงินบาท เพราะทักษิณนำนายทนง พิทยะ คนของตัวเองมานั่งรมว.คลัง ก่อนการลอยตัวค่าเงินเมื่อปี40

ดังนั้น ทักษิณไม่ได้โง่กว่ากรณ์ แต่ทักษิณมันเลวที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศไทยนั่นเอง





วันพุธที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เชื่อผม ดำรง พุฒตาล เคยหลอกด่ายิ่งลักษณ์







เมือปลายปีที่แล้ว เมื่อโอบามามาเยือนประเทศไทย จนฉาวกระฉ่อนโลก หนังสือพิมพ์ซุบซิบในต่างประเทศ เอาเรื่องยิ่งลักษณ์ให้ท่าโอบามา ไปเขียนต่อจนประเทศไทยดัง เพราะนายกรัฐมนตรีหญิงคนนี้สุด ๆ

ภาพลักษณ์หญิงไทยในสายตาฝรั่งที่ค่อนข้างไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ ก็เลยยิ่งตกต่ำไปเพราะ

"ขนาดนายกรัฐมนตรีหญิงไทยยังยั่วเก่งขนาดนี้ แล้วโสเภณีไทยล่ะจะขนาดไหน"

ว่ากันว่าหลังจากโอบามา มาเยือนไทยแล้ว ค่าตัวโสเภณีไทย รวมทั้งพวกโสเภณีลาวที่สวมรอยเป็นโสเภณีไทย ราคาค่าตัวพุ่งกระฉูดขึ้นทันตาเห็น เพราะฝรั่งอยากให้หญิงบริการไทยส่งสายตาแบบที่ยิ่งลักษณ์เคยส่งให้โอบามา บ้าง

ช่วงนั้นเลยมีทัวร์พิเศษสุด ๆ จากหลายทวีป มุ่งตรงมาไทยแลนด์เพื่อแสวงหาสายตาแบบนี้ทั้งนั้น ต้องขอบคุณนายกยิ่งลักษณ์จริง ๆ

ถ้าโสเภณีคนไหน ส่งสายตาได้เหมือนรูปข้างล่างนี้เป๊ะ ๆ ค่าตัวจะสูงลิ่วสุด ๆ




แล้วถ้าตอนพาขึ้นห้องนะ ถ้าโสเภณีคนไหน สามารถส่งสายตาขั้นสุดยอด แบบที่เรียกว่า Yingluck 's Eyes ตามรูปข้างล่างนี้

แขกจะถึงกับอดใจไม่ไหว แถมจะมีติ๊บพิเศษให้อีกด้วย



---------------------

ต่อมาคุณดำรง พุฒตาล จึงได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับการต้อนรับโอบามาของนายกยิ่งลักษณ์ ทำนองปกป้องยิ่งลักษณ์ ปกป้องศักดิ์ศรีหญิงไทย

จนทำให้มีผู้คนมากมายที่คิดตื้น ๆ หลงเข้าใจผิดคิดไปว่า คุณดำรงเข้าข้างพวกควายแดง

นั่นเพราะพวกคุณรู้จักคุณดำรงน้อยไป ระดับพิธีกรอันดับ 1 ของไทยในอดีตอย่างคุณดำรง ผ่านเหตุการณ์สำคัญ ๆ ในบ้านเมืองนี้ ผ่านยุคเผด็จการทหารครองเมืองมานาน ย่อมไม่โง่ด่านายกหญิงของเสื้อแดง ให้เสื้อแดงรู้ตัวหรอก


-----------------------

ลองอ่านความเห็นของคุณดำรง พุฒตาล ตอบในคู่สร้างคู่สม ฉบับพฤศจิกายน 2555

มันเริ่มต้นจากมีแฟนหนังสือคู่สร้างคู่สมจากเยอรมัน เขียนจดหมายมาถามคุณดำรง ก่อน ตามนี้


เรียนคุณดำรงและกองบรรณาธิการ

เมื่อวันที่ 19 พ.ย. ที่ผ่านมา ดิฉันเห็น น.ส.พ. bild หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ของเยอรมัน ลงรูปนี้ในหน้าหนึ่ง ล้อนายกยิ่งลักษณ์ ดิฉันจะแปลเป็นไทยให้นะคะ

โอบามาสนุกสนานในเมืองไทย

ภาพ 1 ตอนชนแก้ว น.ส.พ. bild ล้อว่า คุณยิ่งลักษณ์คิดในใจว่า "อื้อฮือ คุณน่ารักจังเลย"
ภาพ 2 ที่มีผู้ชายไทยยืนข้างๆ กระซิบบอกนายกยิ่งลักษณ์ ซึ่งน.ส.พ. ล้อว่า "ระวังนะครับ เขามีเมียแล้ว"
ภาพ 3 น.ส.พ. Bild เขียนล้อนายก คิดในใจ แปลเป็นไทยว่า "แย่จริงๆ คนดีๆ เยี่ยมๆ แบบนี้ มักมีคู่เสียแล้ว..."

ถ้ารูปที่แนบไฟล์มาไม่ชัด คุณดำรงกรุณาเข้า google.de แล้วพิมพ์ "Obama schkert in Thailand" อาจได้ภาพชัดกว่าค่ะ
ตอนนี้มีเพื่อนคนไทยในทวีปยุโรปต่างก็เอามาพูดกันให้แซ่ดว่า น.ส.พ. หลายๆ ประเทศ ก็เล่นข่าวในแนวนี้เหมือนกัน

ขอแสดงความนับถือ
หญิงไทย/เยอรมนี





แล้วคณดำรง ก็ตอบกลับว่า

"เริ่มด้วยขอไม่เกรงใจ "หญิงไทยส่วนหนึ่ง" ที่มีพฤติกรรมสร้างความเสียหาย ความเสื่อมเสียให้กับหญิงไทยทั่วไป ก็คือ "หญิงขายบริการ" ที่มีอยู่ทั้งในและนอกประเทศ บางคนอยู่ในต่างประเทศได้ทำให้ "ฝรั่ง" หรือคนต่างชาติ "ดูถูก" และเหมาเอาว่าหญิงไทยทั่วไปทั้งหมด อันรวมถึงแม่ของผม ภรรยาและลูกสาวของผม หรือลูกน้องผู้หญิงของผม ซึ่งเคยประสบมาตลอดในเวลาที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง โดยเฉพาะในทวีปยุโรป เขาจะคิดกันว่า หญิงไทยแทบทุกคนตั้งหน้าตั้งตาจะมา "ค้ากาม" ในประเทศของเขา

พวกเขาคิดและเชื่อกันอย่างนี้จริงๆ

ผมว่ามัน "God Damn" จริงๆ ที่ไอ้พวกสื่อ "น.ส.พ." ฝรั่งตาน้ำข้าว ซึ่งไม่ใช่แค่เยอรมันเท่านั้น ที่ได้ประโคมข่าว นายกหญิงไทย กับ ประธานาธิบดีโอบาม่า ออกมาในเชิงดูหมิ่น เหยียดหยาม กระแนะกระแหน ประชดประชัน คุณยิ่งลักษณ์ในทำนองว่า ทำตาหวาน ทอดสะพาน ทิ้งสายตาให้ประธานาธิบดีอเมริกา

ผมต้องไม่เกรงใจสื่อฝรั่งตาน้ำข้าว แม้ว่าจะอาชีพเดียวกับผม "You... son of a bitch"

อยากจะตอบคุณผู้อ่านว่า ทั้งหลายทั้งปวงนี้ มันมาจากจิตใต้สำนึกอันเลวทรามต่ำช้าของฝรั่ง ที่มันมีความรู้สึกความเชื่อต่อหญิงไทยทั้งหมด "Kiss my ass"

ผมไม่ได้อยู่ภายใต้ระบบอุปถัมภ์ของนายกฯ ยิ่งลักษณ์

ผมไม่เคยรู้จักเป็นการส่วนตัวกับคุณยิ่งลักษณ์เลย

และผมก็ไม่ได้ออกมาปกป้องคุณยิ่งลักษณ์ แต่ผมจะต้องปกป้องศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิของหญิงไทยทุกคนและตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไทยด้วยครับ"

ดำรง พุฒตาล


----------------

สุดยอดพิธีกรอันดับ 1 ตลอดกาลอย่างคุณดำรง ได้โชว์ศิลปะในการหลอกด่าขั้นสุดยอด ด้วยการหลอกด่ายิ่งลักษณ์ แบบที่พวกควายแดงและเหล่าขี้ข้าทักษิณทั้งหลาย ยังไม่รู้ตัวว่าโดนคุณดำรงด่าเข้าให้แล้ว

แถมพวกควายแดงยังทึกทักเอาอีกว่า คุณดำรง เข้าข้างพวกมันอีกด้วย โถ ๆ แม่งควายจริง ๆ

ผมขอวิเคราะห์ว่า ถ้าคุณดำรงจะด่ายิ่งลักษณ์ตรง ๆ ก็ย่อมเป็นอันตรายกับตัวคุณดำรงเอง เพราะคุณดำรงบ้านเกิดอยู่ที่อยุธยา บ้านพักในบั้นปลายก็อยู่อยุธยา ถิ่นควายแดงเต็มเมืองทั้งนั้น

คุณดำรงจึงใช้มันสมองระดับอดีตพิธีกรอันดับ 1 ของประเทศไทย หลอกด่ายิ่งลักษณ์แบบที่ควายแดงยังไม่รู้ตัวว่าโดนด่า

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่คุณดำรงเคยทำ เพราะคุณดำรงเคยหลอกด่าพวกผู้มีอำนาจ พวกเผด็จการทหารแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว แต่พวกมันไม่รู้ตัวกันเองว่าโดนด่า


เพราะหากคุณดำรง นิยมชมชอบยิ่งลักษณ์จริง ๆ  ย่อมจะไม่มีทางนำเรื่องที่สื่อในยุโรปและอีกหลายประเทศ เขียนเสียดสี ดูหมิ่นยิ่งลักษณ์มาเล่าต่อให้ฟังหรอกครับ ควรจะทำเงียบ ๆ ไปเลยจะดีกว่า เรื่องไรต้องมาบอกให้พวกควายแดงรู้

แล้วการที่แฟนหนังสือเขียนมาถาม ก็ไม่ต้องเอาลงก็ได้ แต่คุณดำรงเจตนานำมาลง และต้องการจะตอบ เพื่อช่วยขยายความข่าวว่า ในยุโรปมีสื่อฝรั่งเขาดูถูกนายกยิ่งลักษณ์มากมายขนาดไหน 

เรียกง่าย ๆ ว่า ช่วยกระพือข่าว ให้หนักเข้าไปอีก มีแฟนคู่สร้างคู่สมทั่วประเทศมากมายที่ไม่ได้อ่านข่าวหนังสือพิมพ์ต่างประเทศ ไม่เคยเล่นเน็ต เขาไม่มีทางรู้ข่าวสื่อฝรั่งเสียดสียิ่งลักษณ์นี้หรอก

แต่จะมารู้ก็เพราะคู่สร้างคู่สมนี่แหละ ที่ลงรูปซะละเอียดยิบ !! 555


การที่คุณดำรงนำเรื่องสื่อฝรั่งล้อเลียน เสียดสียิ่งลักษณ์ เจตนาก็คือ หลอกด่ายิ่งลักษณ์นั่นแหละ

โดยใช้กลยุทธที่ว่า "ยืมดาบฆ่าคน" หรือ "แกล้งด่าฝรั่ง เพื่อหลอกด่ายิ่งลักษณ์" นั่นเอง

นับถือ ๆๆ

ผมติดตามงานของคุณดำรง พุฒตาล มาตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่รายการแฮปปี้เบิร์ดเดย์ จนเปลี่ยนชื่อเป็น สุขสันต์วันเสาร์ ซึ่งเป็นรายการสด ทางช่อง 5 เช้าวันเสาร์

ในรายการยังมีตลกคณะเทพ โพธิ์งาม เล่นให้ดูก่อนจะจบรายการอีกด้วย

โดยเฉพาะตลกคณะ เทพ โพธิ์งาม มักเล่นมุขให้ จุ๋มจิ๋ม เข็มเล็ก ด่าเทพ โพธ์งาม แกล้งเทพ โพธิ์งาม เล่นแรง ๆ จนคนดูสงสารเทพ โพธิ์งามกันใหญ่ ว่า

อะไรวะ ทำไมลูกน้องไม่ให้เกียรติหัวหน้าคณะ?!!

จนหลัง ๆ มีคนดูโทรมาถามคุณดำรงว่า ทำไมจุ๋มจิ๋ม ถึงต้องแกล้งเทพ โพธิ์งามขนาดนั้น

คุณดำรง เขาเลยต้องมาเฉลยกลางรายการว่า นั่นคือ มุขแกล้งเจ็บตัว ของเทพ เขาครับ แถมยังช่วยทำให้จุ๋มจิ๋ม แจ้งเกิดได้ในวงการตลกอีกด้วย

ซึ่งมุขแกล้งโดนลูกน้องด่า ไม่ให้เกียรติหัวหน้านี้ เทพ โพธิ์งาม ก็ยังนำมาใช้ปั้น หม่ำ จ๊กมก จนดังขึ้นมาอีกคน


----------------

ที่เล่าเรื่องคณะเทพ โพธิ์งาม มาประกอบ เพื่อจะบอกคุณผู้อ่านว่า การแกล้งด่าคน เพื่อหวังผลบางอย่าง มีมานานแล้ว

ฉะนั้น คุณดำรง พุฒตาล เลยใช้วิธีแกล้งด่าฝรั่ง เพื่อหลอกด่ายิ่งลักษณ์ ไงครับ 55555555555

ล่าสุด พวกควายแดงเอาความเห็นคุณดำรง มาเปรียบเทียบกับท่านชัย ราชวัตร การ์ตูนนิสต์อันดับ 1 เพื่อหวังดึงคุณดำรง มาเป็นพวกควายแดงอีกรอบ

คุณดำรง เลยต้องรีบโพสเฟสบุ๊คชี้แจงทันที ว่า ไม่เคยมีความขัดแย้งกับคุณชัย ราชวัตร ตามที่มีคนพยายามจะสร้างให้เกิดขึ้น


http://imgur.com/7h1J8wt,jTHOEiN#1


หากคุณดำรง เป็นพวกควายแดงจริง จะไม่รีบออกมาปฏิเสธหรอก

ทีหลังอย่าขี้ตู่อีกนะไอ้ควายแดง เอิ๊ก ๆๆๆๆๆ



คลิกอ่าน ฟายแดงตู่อลีนา มีรอง เป็นคนของทักษิณ 



วันจันทร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เฉลยใครคือ สไนเปอร์ เผาเมือง ยิงทหาร และประชาชน






เกริ่น

บทความนี้ผมเคยลงไว้แล้วในบล็อคข้อมูลดี for ใหม่เมืองเอก ในชื่อ ข่าวมติชน ใครสไนเปอร์ ใครเผา ใครห้ามนักข่าวถ่ายรูป

แต่ว่าในบล็อกนั้น ผมได้ตัดข่าวบันทึกเป็นรูปเก็บไว้ คลิกอ่านบทความเดิมและรูปข่าวที่บล็อคข้อมูลดี for ใหม่เมืองเอก

แต่ในบทความนี้ ผมต้องการเน้นประโยคที่สำคัญ ๆ เพื่อให้คุณผู้อ่านได้เห็นภาพชัดเจนขึ้นว่า พวกเสื้อแดงนี่แหละ คือสไนเปอร์และเผาเมือง !!


----------------------




มติชนออนไลน์  วันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 เวลา 13:23:37 น.





ทหารโดนสไนเปอร์บนอาคารกำลังก่อสร้างย่านบ่อนไก่อาการหนัก ทหารฝ่าแนวกั้นนปช.หน้ารพ.จุฬาฯได้แล้วมุ่งหน้าราชดำริ รถหุ้มเกราะฉลุยเคลียร์พื้นที่ยึดอนุสรณ์สถานร.6 กระชับพื้นที่ถึง"แยกสารสิน"แล้ว เสียงปืน-ระเบิดดังต่อเนื่อง


ทหารโดนสไนเปอร์บนอาคารกำลังก่อสร้างย่านบ่อนไก่อาการหนัก

เวลา 12.45 น. วันที่ 19 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวทีวีไทย รายงานว่า เจ้าหน้าที่ทหารที่ขึ้นไปสังเกตเหตุการณ์กลุ่มมือปืนไม่ทราบฝ่ายบนชั้นที่ 17 อาคารที่กำลังก่อสร้าง บริเวณย่านบอนไก่ โดนพลซุ่มยิงที่ไม่ทราบฝ่าย ยิงเข้าที่ท้องเสียเลือดมาก เจ้าหน้าที่ทหารได้ขึ้นไปช่วยเหลือ แต่เนื่องจากต้องลงทางบันไดทำให้เป็นไปด้วยความยากลำบาก


เวลา 12.45 น. สถานีโทรทัศน์ทีวีไทยรายงานว่า เจ้าหน้าที่ทหารได้เดินเท้าบุกกระชับพื้นที่จากแยกศาลาแดงถึงแยกสารสินแล้ว โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้ปักหลักอยู่ที่สุดเขตโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ขณะเดียวกันได้มีเสียงปืนดังต่อเนื่องตลอดเวลา และมีเสียงระเบิดดัง 1 ครั้งในระหว่างการรายงานข่าว

เวลา 12.00 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้ทหารได้ผ่าแนวกั้นของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) หน้าโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์เข้ายึดพื้นที่ได้แล้วพร้อมกำลังกระชับพื้นที่แยกราชดำริต่อไป

ทั้งนี้ก่อนหน้าเวลาประมาณ 10.30 น.ทหารได้พยายามฝ่าด่านดังกล่าวมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่ประสบความสำเร็จถูกผู้ชุมนุมยิงปืนสั้นต่อต้านอย่างหนัก ต้องถอนกำลังรวมทั้งรถดับเพลิงที่จะเข้าไปดับไฟ

เวลา 10.34 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าทหารยังไม่สามารถผ่าแนวกั้นของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) บริเวณหน้าโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ในความพยามเข้าไปดับไฟ เนื่องจากผู้ชุมนุมมีการตอบโต้อย่างหนักด้วยเสียงปืนสั้น ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารต้องถอนกำลังออกมารวมทั้งรถดับเพลิงที่พยายามเข้าไปดับไฟก็ต้องถอยออกมาจึงยังไม่สามารถควบคุมพื้นที่ได้

เวลา 10.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณแยกศาลาแดง เจ้าหน้าที่ทหารนำรถหุ้มเกราะลำเลียงสายพานบุกฝ่าบังเกอร์เข้าไปก่อนเคลียร์พื้นที่ จากนั้นกำลังพลที่เดินเท้าก็เคลื่อนพลเข้าไปควบคุมพื้นที่หลังแนวบังเกอร์ม็อบเสื้อแดงที่แยกศาลาแดง บริเวณอนุสาวรีย์ ร.6 เรียบร้อยแล้ว และยังคงมีเสียงยิงปะทะตอบโต้เป็นระยะ โดยเจ้าหน้าที่เตรียมฝ่าแนวบังเกอร์ชั้นที่สองต่อไป ซึ่งมีช่างภาพผู้สื่อข่าวทั้งไทยและต่างประเทศเกาะติดสถานการณ์ร่วมร้อยชีวิต

เวลา 08.30 น. ที่แยกศาลาแดง รถสายพานลำเลียงหุ้มเกราะของเจ้าหน้าที่ทหารได้ฝ่าด่านปราการของกลุ่มนปช. บริเวณหน้าอนุสาวรีย์ รัชกาลที่ 6 เข้ามาใกล้รพ.จุฬาฯ ได้แล้ว โดยมีเป้าหมายต่อไปที่แยกราชประสงค์ต่อไป แต่ก็ต้องระวังเนื่องจาก มีการแจ้งว่า มีระเบิดอยุ่ตรงบริเวณ สะพานไทย-เบลเยี่ยม


เวลา 08.19 น. รถหุ้มเกราะสามารถเคลื่อนตัวไปตามถนนราชดำริได้แล้ว ตามด้วยรถบรรทุกน้ำ เนื่องจากหวั่นว่า การ์ด นปช.จะใช้น้ำมันราดสกัดไว้อีก เนื่องจากก่อนหน้านี้กลุ่มเสื้อแดง ได้จุดไฟเผายางข้างตึก สก. โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ จนควันดำมืดทึบ รถบรรทุกน้ำจึงฉีดน้ำดับเพลิงเร่งด่วน ส่วนกำลังพลเดินเท้า ยังต้องชะลออยู่ เนื่องจากการ์ด นปช.ยิงปะทะตลอดเวลา โดยมีรถทหารประกาศไปพร้อมกันตลอดเส้นทางที่เคลื่ีอนเข้าถ.ราชดำริ ให้กลุ่มผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่ การปฏิบัติการดังกล่าว ทำตามคำสั่งของ ศอฉ. เนื่องจากการชุมนุมได้สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนส่วนร่วม

เมื่อเวลา 8.10 น. กองกำลังหทารได้เปิดฉากรุกพื้นที่เข้าไปบริเวณแยกสารสิน โดยใช้รถหุ้นเกราะหลายคันนำหน้า และกลุ่มคนเสื้อแดงจุดไฟเผาแนวยางรถยนต์ที่กองไว้

ขณะที่ทหารและเจ้าหน้าที่ดับเพลิง พยายามดับเพลิงกองยางรถยนต์ที่กลุ่มผู้ชุมนุมจุดขึ้น ซึ่งบริเวณรอบๆเต็มไปด้วยกลุ่มควัน ขณะที่กลุ่มคนเสื้อแดงได้ถอยร่นออกไปบังเกอร์อีกชั้นด้านใน

เมื่อเวลาประมาณ 08.00 น. ทหารก็สามารถทลายรั้วยางรถยนต์ที่กองสุมไว้ได้ส่วนหนึ่ง และนำระเบิดมาวางหลบไว้ ค่อยๆ คืบเข้าไปในพื้นที่ โดยกองกำลังทหารสนับสนุนหลบอยู่ตามจุดต่างๆ ทหารได้ใช้รถหุ้มเกราะดันรั้วยางรถยนต์ที่กองกันเป็นแนว เป็นแถวหลายชั้น อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ทหารได้ส่งกำลังเข้าไปเคลียร์พื้นที่ในสวนสาธารณะสวนลุมพินี ซึ่งมีกลุ่มกองกำลังไม่ทราบฝ่ายแฝงตัว และเคยลอบยิงเจ้าหน้าที่ กับประชาชนมาก่อนหน้าแล้ว

เมื่อเวลา 07.50 น. ที่แยกศาลาแดง ได้เริ่มการปะทะกันแล้ว เมื่อกองกำลังทหาร ได้เคลื่อนรถหุ้มเกราะ เข้าประชิดแนวรั้วยางกลุ่ม นปช. ก็พบว่ามีระเบิดทิ้งไว้ตามแนวรั้วยาง ซึ่งมีหลาวไม้ไผ่ปกอยู่ด้วย และการ์ด นปช. ได้ยิงตอบโต้ ทำให้ทหารอยู่ประจำการอยู่บนสกายวอล์ค รถไฟฟ้าบีทีเอส ต้องยิงสไนเปอร์ต้านไว้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทหาร ฝ่ายปฏิบัติการเคลียร์ระเบิดเข้าไปเก็บกู้ได้ โดยมีการยิงปะทะกันถี่มากขึ้น เป็นผลให้ผู้สื่อข่าวที่ปฏิบัติภารกิจต้องหลบกันพัลวัน ขณะเดียวกันก็มีพระสงฆ์ซึ่งมีวัด เช่น วัดหัวลำโพง ออกบิณฑบาตร ก็ต้องหลบกระสุน รีบหลบออกจากพื้นที่ด่วน

ด้านแกนนำ นปช.มีท่าทีเคร่งเครียด ยังยืนยันจะอยู่ในพื้นที่ชุมนุม แม้กองกำลังทหารจะปิดล้อมก็ตาม ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้ง จึงไปรวมตัวกันที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และไม่อนุญาตให้ออกไปสังเกตการณ์หลังเวที นปช.อีก โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปิดประตูทุกด้าน

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่า หากเกิดการปะทะ จะเปิดประตูให้ผู้ชุมนุมเข้ามาหรือไม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า ต้องพิจารณาสถานการณ์อีกครั้ง

เมื่อเวลา07.45 น. ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ได้เตรียมขนย้ายผู้ป่วยออกจากพื้นที่โรงพยาบาล ไปทางถนนอังรีดูนัง หลังเกิดควันไฟพวยพุ่งจากการเผายางระยนต์ของกลุ่มนปช. ลอยพัดเข้าไปยังพื้นที่ของรพ.เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะควันไฟที่ลุกไหม้อยู่ไม่ไกลจากทางตึกสก. ซึ่งเกรงว่า จะเกิดความไม่ปลอดภัยต่อผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาพยาบาลอยู่ อย่างเร่งด่วน แต่ยังไม่พบว่า เกิดเพลิงไหม้ไปยังพื้นที่ของดรงพยาบาลแต่อย่างใด

เมื่อเวลา 07:39 น. เจ้าหน้าที่รถไฟฟ้าใต้ดินสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน คลองเตย แจ้งว่า มีกลุ่มชายชุดดำพยายามเผาโดยทุบกระจก และใช้น้ำมันเทเข้าไป ประชาชนได้เข้าไปห้าม แม้มีผู้สื่อข่าวสังเกตการณ์อยู่ และยกกล้องขึ้นบันทึกภาพ ก็มีกลุ่มผู้ชุมนุม นปช. เข้ามาสกัดไม่ให้ถ่ายภาพ และให้หลีกออกไปจากพื้นที่


เมื่อเวลา 07:31 น. ที่แยกศาลาแดง ทหารประกาศเตือนไม่ให้ใช้ปืนยิงผู้ชุมนุมจนกว่าจะมีการตอบโต้ออกจากผู้ชุมนุม ขณะที่กลุ่ม นปช.ถอยร่นเข้าราชประสงค์

เมื่อเวลา 07:30 น. เจ้าหน้าที่พยายามควบคุมเพลิง บริเวณ หน้าสำนักงาน ป.ป.ส.สามเหลี่ยมดินแดงไม่ให้ไฟลุกลามได้แล้ว

เมื่อ07.10 น. แก๊สน้ำตาลูกแรก ถูกยิงเข้าไปในที่แยกศาลาแดง


เมื่อเวลา 07.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่แกนนำ นปช. ทราบการเคลื่อนกำลังพลอย่างชัดเจนของกองกำลังทหาร นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้ขึ้นเวทีแจ้งแก่ผู้ชุมนุมให้อยู่ในความสงบ ตั้ังรับสถานการณ์ในการเข้าสลายการชุมนุม โดยการ์ด นปช.ได้นำผ้าปิดจมูกหลังจากถุงพลาสติกใส แจกจ่ายแก่ผู้อยู่ในพื้นที่ เพื่อใช้ป้องกันแก๊สน้ำตา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเวที นพ.เหวง โตจิราการ ก็ได้สวมใส่เสื้อกันกระสุน พร้อมกับนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง นายแพทย์เหวง โตจิราการ ยังคงอยู่ด้านหลังเวที พร้อมกับได้ให้สื่อมวลชนออกนอกพื้นที่ไปมให้หมดด้วย

เมื่อเวลา 06.00 น. -07.00 น. ที่บริเวณถ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี กลุ่มผู้ชุมนุมนปช.ได้นำยางรถยนต์ประมาณ 100-200 เส้น มาวางขวางหน้าปิดถนน ส่งผลให้สี่แยกแคราย ทั้งขาเข้าและขาออก รถติดยาวเหยียด เจ้าหน้าที่ตำรสวจพยายามเจรจาขอให้เปิดเส้นทาง

เมื่อเวลา 06.50 น. ภายในกลุ่มผู้ชุมนุมราชประสงค์ มีการปล่อยโคม และใช้บั้งไฟ กับประทัดยักษ์ยิงเพื่อสกัดกั้นการสังเกตการณ์ของเจ้าหน้าที่โดยเฮลิคอปเตอร์ ส่วนภายในโรงพยาบาลตำรวจ ขณะนี้ก็ปิดทุกประตู ไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้า

เมื่อเวลา 06.45 น. ที่แยกถนนดินแดง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มผู้ชุมนุมได้จุดไฟเผาสำนักงาน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.)ด้านหน้าที่อยู่ชั้นล่าง 

โดยชาวบ้านบริเวณดังกล่าวและสื่อมวลชน ได้ต่างพยายามไปช่วยกันดับไฟ แต่ถูกกลุ่มผุ้ชุมนุมไล่ทำร้ายไม่ให้เจ้าหน้าที่ และสื่อมวลชนเข้าไปดับไฟและเก็บภาพการก่อเหตุที่ร้ายแรงดังกล่าวได้ ส่วนชาวบ้านที่มีบ้านเรือนอยู่ใกล้กับสำนักงานปปส.ต่างพากันขนของย้ายหนีไฟไหม้ และพยายามช่วยกันดับไฟ โดยที่ยังไม่มีรถดับเพลิงเข้ามายังพื้นที่แต่อย่างใด

เวลาประมาณ 06.00 น. ที่แยกราชประสงค์ ทหารเริ่มแจ้งผู้ชุมนุมออกจากราชประสงค์ และเริ่มฉีดน้ำ พร้อมยิงปืนขึ้นฟ้า ให้รู้ว่าขณะนี้ทหารได้ประชิดด่านตรงจุดสวนลุมแล้ว

ส่วนที่ บ่อนไก่ แยะพระราม4 พบว่า กลุ่มผู้ชุมนุมได้นำยางรถยนต์มาเผาจนเกิดควันไฟเต็มพื้นที่ โดยควันกลุ่มดังกล่าวได้ลอยล่องขึ้นท้องฟ้าจนเป็นสีดำมืดเต็มไปหมด นอกจากนี้ ยังพบว่า มีชายชุดดำวิ่งจุดไฟตามตึก ทำให้ไฟโหมไหม้ บริเวณใกล้คอนโดบ่อนไก่ด้วย

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีกลุ่มวัยรุ่นนับ 30 คน ระดมกันนำยางรถยนต์เก่า มาวางบนถนนพระราม 4 ใกล้ใต้ทางด่วน จุดไฟเผาส่งควันดำลอยบดบัง เริ่มกระจายตัวปกคลุมไปจนถึงเส้นทางด่วนแล้ว ขณะเดียวกัน กระจายการจุดไฟจนไปลามคลินิกรักษาสัตว์ เป็นเหตุให้คนภายในต้องทะยอยนำสัตว์ที่มารับการรักษาออกจากคลินิก


เวลา 06.00 น. ที่สี่แยกศาลาแดง เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจสนธิกำลังกันนับพันนาย ได้เคลื่อนเข้าใกล้แนวรั้วของกลุ่มผู้ชุมนุม โดยได้ประกาศเสียงตามสาย ให้ผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่ทันที ขณะเดียวกัน ฝั่งการ์ด นปช. ที่รักษาการนิ่งอยู่ อย่างไรก็ตาม มีเสียงปืน พลุ และตะไล ยิงตอบโต้มาจากแนวรั้ว

เวลา 05.00 น. ทางทหาร มีการประกาศแจ้งให้กลุ่มผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่ชุมนุมโดยด่วนและทันที ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้เปิดพื้นที่ถนนอังรีดูนังต์ไว้ ซึ่งทราบว่า เพื่อให้ผู้ประสงค์ที่จะออกจากการชุมนุม ใช้เส้นทางดังกล่าวเดินเท้าออกมา

เวลา 03.30 น. ได้มีรถหุ้มเกราะจำนวน 7 คัน รถบัสทหารกว่า 20 คัน ภายในมีเจ้าหน้าที่ทหารเต็นคันวิ่งผ่านถนนสีลมมุ่งหน้าศาลาแดง เพื่อกระชับวงล้อมเข้าไปยังพื้นที่ชุมนุมราชประสงค์


เวลา 01.35 น. วันที่ 19 พ.ค. เกิดเหตุคนร้ายยิงระเบิดเอ็ม 79 ตกที่หน้าร้านอาหารจันทร์เพ็ญ ใกล้ซอยงามดูพลี ใกล้กับบ่อนไก่ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย โดย 2 รายถูกนำส่ง รพ.เลิศสินคือนายสนทญา ไทรชมภู อายุ 27 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่ขาขวาและนายธวัช ฉวีวัฒน์ อายุ 45 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดเข้าแผ่นหลัง ส่วนอีก 2 รายถูกนำส่ง รพ.กล้วยน้ำไท 2 ราย ยังไม่ทราบชื่อ

เมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 18 พ.ค. พ.ต.อ.สราวุธ จินดาคำ ผกก.สน.ลุมพินี เปิดเผยว่า เวลาประมาณ 20.00 น.เกิดเหตุระเบิดไม่ทราบชนิดตกที่หน้าสน. 1 ลูกจากนั้นเวลาห่างกันประมาณ 10 นาที ได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นอีกครั้ง ห่างจากโรงพัก แต่ไม่ทราบทิศทางที่แน่ชัด ขณะนี้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าตรวจสอบพื้นที่ได้ เนื่องจากเป็นพื้นที่ควบคุม จะต้องรอให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบอีกครั้งเช้าวันพรุ่งนี้


-----------------------

แถมอีกข่าว !!





-----------------------

สรุปจากข่าวมติชน กับสถานการณ์ในปัจจุบัน

สรุปได้ว่า เสื้อแดงแถ อีปูตอแหลที่สุดในโลก


คลิกอ่าน ตอบโอ๊ค ใครสั่งฆ่า 98 ศพ ตอน 1


วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เมื่อนายกรัฐมนตรียิ่งอัปลักษณ์ ปาฐกถาที่โกโนเรีย







เมื่อนายกฯ ยิ่งลักษณ์ของฟายแดง ไปโชว์ปาฐกถาเพื่อพี่ชายที่แสนดีของเธอ แต่เป็นแสนเลวของประเทศชาติ

พี่ชายผู้ซึ่งได้เขียนโพยให้เธอไปอ่านประจานประเทศไทย เพื่อยกหางพี่ชายของเธอจนเรียบร้อยแล้ว

บรรดาขี้ข้าของทักษิณทั้งหลาย รวมทั้งฟายแดงต่างดีใจราวกับได้แดกหญ้าแพรกสด ๆ กันอีกครั้งด้วยความสะใจ

ไม่เป็นไรหรอก เมื่อนายกรัฐมนตรีอยากประจานชาติด้วยการนำไฟในประเทศออกนอก ก็สมแล้วที่ยิ่งลักษณ์จะได้ฉายาชื่อว่า กาลกิณีขี่ควายแดง

-------------------------------

นิทานสอนหญิง เรื่อง ยิ่งอัปลักษณ์นำไฟในบ้านออกนอก !!

ต่อไปนี้ผมมีเหตุการณ์สมมุติในโลกจินตนาการ ให้ได้อ่านกันบ้าง

คือได้มีนายกรัฐมนตรีหญิงแห่งตอแหลแลนด์ ชื่อว่า นางสาวยิ่งอัปลักษณ์ ชินโกงวัด ได้ไปปาฐกถาที่ประเทศสมมุติที่ชื่อว่า สาธารณรัฐโกโนเรีย ที่มีเมืองหลวงชื่อว่า อีปูมันสะตอ ในหัวข้อเรื่อง ปัญหาในครอบครัวระดับนานาชาติ

ขอเรียนเชิญพณฯ ท่าน นายกรัฐมนตรียิ่งอัปลักษณ์ จากประเทศตอแหลแลนด์ ขึ้นกล่าวปาฐกถาค่ะ


"ท่านประธาน,ท่านผู้มีเกียรติ,ท่านผู้เข้าร่วมประชุม,

ดิฉันขอเริ่มด้วยการขอบคุณท่านประธานาธิบดีแห่งโกโนเรียที่ได้เชิญให้ดิฉันมาปาฐกถา ณ การประชุมปัญหาครอบครัวระดับนานาชาติครั้งนี้

ดิฉันได้ตอบรับเชิญไม่เพียงเพราะดิฉันต้องการที่จะได้มีโอกาสเยือนโกโนเรีย ประเทศที่ประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาครอบครัวในชาติ หรือไม่ได้มาเพียงที่จะได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องครอบครัว แต่ดิฉันเดินทางมาที่นี่เพราะปัญหาครอบครัวมีความสำคัญต่อดิฉันอย่างมาก และที่สำคัญยิ่งกว่าคือปัญหาครอบครัวมีผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในประเทศบ้านเกิดของดิฉัน ประเทศตอแหลแลนด์ที่ดิฉันรัก

ปัญหาครอบครัวนั้นไม่ใช่เป็นเรื่องใหม่ ในช่วงเวลาที่ผ่านมายาวนานปัญหาครอบครัวได้นำมาซึ่งความรุนแรงและความผิดหวังสำหรับผู้คนจำนวนมาก และในขณะเดียวกัน มีผู้หญิงจำนวนมากได้ใจแตก มีลูกก่อนวัยอันควร  เหมือนที่ดิฉัยเคยมีประสบการณ์มาเอง

เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า ปัญหาครอบครัวได้นำมาซึ่งภาระของชาติอย่างไร ตามตัวอย่างที่ดิฉันจะเล่าประวัติครอบครัวของดิฉัน เป็นตัวอย่างดังต่อไปนี้

ความจริงแล้วดิฉันเกิดมาโดยไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อ เพราะแม่ของดิฉันใจแตก ตั้งแต่อายุไม่ทันจะยี่สิบ แม่ก็คลอดดิฉันออกมาแล้ว แต่เพราะคุณตาคุณยายสงสารแม่ของดิฉัน และด้วยความอับอายขายขี้หน้าที่มีลูกสาวเหมือนมีส้วมอยู่หน้าบ้าน

คุณตาคุณยายจึงต้องรับดิฉันไว้เป็นลูกสาวคนเล็กของท่านแทน เพื่อปกปิดไม่ให้สังคมได้รับรู้ เพราะตระกูลของคุณตาคุณยาย หรือที่ดิฉันต้องมาเรียกว่า คุณพ่อคุณแม่ แทนนั้น เป็นตระกูลดัง จึงอายที่จะให้คนที่บ้านเกิดดิฉันรับรู้

ในภาษิตตอแหลแลนด์ มีภาษิตหนึ่งได้กล่าวว่า ดูหมาให้ดูหาง ดูสาวให้ดูแม่ นั้นคงจะจริง เพราะแม่ดิฉันใจแตกอย่างไร ดิฉันก็ใจแตกเหมือนท่านไม่ผิดเพี้ยน ท่านผู้มีเกียรติก็ลองสังเกตที่ก้นดิฉันสิคะ ที่มันบานขนาดนี้น่ะ ดิฉันบานมาตั้งแต่ยังไม่ทันจบม.ต้นด้วยซ้ำค่ะ ฮิๆ

ต่อมาเมื่อพี่ชายทักจิ๋ม หรือความจริงก็คือน้าชายแท้ๆ ของดิฉัน ได้รับรู้ว่า ดิฉันร่านผู้ชายตั้งแต่นมยังไม่แตกพาน พี่ทักจิ๋มก็เลยจับดิฉันใส่ตระกร้าล้างน้ำ ส่งดิฉันไปเรียนปริญญาโทต่อที่เมืองนอก จนจบปริญญาโทต๊อง จากมหาวิทยาลัยเคนตักกี้ ฟรายชิกเก้น มาค่ะ

ดิฉันเชื่อว่า เพราะปัญหาครอบครัวทำให้ดิฉันมีอุปนิสัยชอบทำปากหวอล่อผู้ชายค่ะ แม้อยากจะเลิกยังไงก็เลิกไม่ได้ซักที จนกระทั่งดิฉันได้แต่งงานกับคุณสรณ์ แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันนะคะ

เพราะพี่ทักจิ๋มบอกว่า ถ้าจดแล้ว เดี่ยวจะยุ่งยากทีหลัง เพราะสามีนอกสมรสของดิฉัน เขามีฉายาว่า กูฟันดะ เขาฟันดะตั้งแต่พนักงานสาวโสดไปจนถึงเด็กฝึกงานในออฟฟิศแทบทุกคนเลยค่ะ

ถ้าดิฉันจดทะเบียนสมรสด้วย เดี่ยวจะมีปัญหาเรื่องทรัพย์สินนะค่ะ พี่ทักจิ๋มเลยสั่งไม่ให้จดน่ะค่ะ

และด้วยความที่สามีของดิฉันก็หื่น ส่วนดิฉันก็ร่าน เราก็เลยมีลูกด้วยกันแค่คนเดียว ชื่อน้องกระโปก  ค่ะ ก็จะให้มีลูกหลายคนได้ไงล่ะคะ

ก็ดิฉันกินยาคุมมาตลอด หากไม่กินป่านนี้คงมีลูกกับผู้ชายอื่นนับไม่ถ้วนไปแล้วมังคะ ฮิๆ นี่ก็คงถือเป็นปัญหาครอบครัวเหมือนกันใช่ไหมคะ

และหลังจากพี่ทักจิ๋มหนีคุกเร่ร่อนอยู่เมืองนอก พี่ทักจิ๋มก็เลยต้องหย่ากับพี่อ้อล้อ เพราะพี่ทักจิ๋มบอกว่า เวลารัฐบาลของดิฉันจะจ่ายค่าหัวคิวในโครงการต่าง ๆ ให้พี่ทักจิ๋ม ดิฉันจะได้โอนเงินเข้าบัญชีพี่ทักจิ๋มได้สะดวก และจะได้ตรวจสอบไม่ถึงพี่อ้อล้อด้วยค่ะ

ครอบครัวพี่ทักจิ๋ม ก็มีปัญหาเหมือนกันนะคะ เพราะความที่พี่ทักจิ๋มเป็นคนเห็นแก่เงิน จึงต้องทำงานหนัก แถมต้องไปเลียเป้าพวกเผด็จการมาโดยตลอด เพื่อหวังฮุบสัมปทานรัฐ ก็เลยทำให้พี่ทักจิ๋มไม่มีเวลาสั่งสอนอบรมตักเตือนลูกชายกำลังโต จนลูกชายคนเดียวของพี่ทักจิ๋ม บ้า ๆ บอ ๆ จะชายก็ไม่ใช่ จะตุ๊ดก็ไม่เชิง แถมติดยา บ้าผู้ชาย ชอบโกงข้อสอบเป็นประจำ มันโกงตั้งแต่อนุบาลยันหมาลัยเลยค่ะ ฮิๆ 

ส่วนลูกสาวคนกลางของพี่ทักจิ๋ม คนนี้วางตัวดี แต่จริงๆ แล้วร่านแบบเงียบๆ ค่ะ ส่วนลูกสาวคนเล็กของพี่ทักจิ๋ม คนนี้ยิ่งถอดแบบพี่ทักจิ๋มมาทุกกระเบียด เพราะทั้งแรด ทั้งเลว เพียบพร้อมเลยค่ะ ฮิ ๆ

ยิ่งตอนที่พี่ทักจิ๋มจะได้สัมปทานดาวเทียม พี่ทักจิ๋มก็เลยส่งดิฉันไปบำเรอกามแก่พวกนายทหารที่มีอำนาจในตอนนั้น นี่จึงเป็นสาเหตุที่ว่า ทำไมพี่ทักจิ๋มที่มีเงินสู้กลุ่มเจ้าสัวธนินทร์ไม่ได้ แต่ทำไมพี่ทักจิ๋มถึงชนะได้สัมปทานดาวเทียมมา

ก็เพราะวิชาโอษฐ์สยบมังกรของดิฉันนี่แหละค่ะ ที่ทำให้พวกคณะเผด็จการในตอนนั้นต้องยอมยกสัมปทานดาวเทียมให้พี่ของดิฉัน

ขอสรุปเลยนะคะ คือดิฉันว่า ครอบครัวของดิฉันมีปัญหาค่ะ แต่เป็นปัญหาที่ดิฉันชอบมากค่ะ เพราะมันเสียวดีแท้ ฮิ ๆ

ขอบคุณทุกท่านที่รับฟังปาฐกถาของดิฉันค่ะ

-----------------------

หลังจากนั้น นายกยิ่งอัปลักษณ์ ก็ได้เดินทางกลับตอแหลแลนด์ และได้รับคำชื่นชมจากลุ่มทุยแดงเป็นอย่างมาก

"ท่านนายกทั้งสวยทั้งเก่งเลย สามารถเอาเรื่องจริงในครอบครัวมาเปิดเผยเพื่อแก้ปัญหาสังคม ท่านนายกยิ่งอัปลักษณ์ ช่างสมกับเป็น เบณจกาลกิณีเลยค่ะ" ชาวทุยแดงคนหนึ่งแสดงความเห็น

แต่พอหลังให้สัมภาษณ์นักข่าว กลุ่มทุยแดงก็จับกลุ่มซุบซิบถึงเรื่องที่นายกยิ่งอัปลักษณ์นำมาเปิดเผยกันยกใหญ่

"นี่เธอ ถ้านายกปูว.. ไม่เปิดเผยออกมานะ ชั้นไม่เคยคิดเลยว่า ที่แท้ท่านทักจิ๋มจะเป็นน้าชายของนายกปูว.."

"แต่ข้าว่า บางทีนายกปูว..อาจเป็นลูกแท้ ๆ ของท่านทักจิ๋มก็ได้นะ ท่านทักจิ๋มอาจมีลูก ก่อนจะได้แต่งงานกับคุณหญิงอ้อล้อ"

"ผมล่ะสงสัยจริง ๆ ว่า น้องกระโปกลูกชายนายกปูว.. อาจไม่ได้มีพ่อชื่อสรณ์ก็ได้นะ ก็นายกปูว..ร่านซะขนาดนั้น"

วงซุบซิบเรื่องประวัตินายกปูว.. ของทุยแดงเริ่มออกรสชาติมากขึ้น กลุ่มซุบซิบเริ่มใหญ่ขึ้น และปากต่อปากก็พูดเดากันไปเรื่อย จนถึงขนาดที่ว่า

นายกปูว.. อาจเคยแอบไปกุ๊กกิ๊กจ้ำจี้มะเขือเปราะกับเสี่ยอสังหาริมทรัพย์ ที่โรงแรมเย็นตาโฟร์ซีซั่น.. ตามข่าวที่ลือกันจนแซดจริง ๆ ก็เป็นได้

นี่แหละหนา ปากคน 555


เรื่องนี้เป็นเรื่องแต่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับหญิงชั่วเร่ขายชาติของชาติไหนใด ๆ ทั้งสิ้น

ใหม่เมืองเอก ผู้แต่ง !!



คลิกอ่าน จับโกหกปาฐกถายิ่งลักษณ์ที่โมองโกเลีย