ชื่อบทความนั้นอาจทำให้หลายคนสงสัย ?
คุณผู้อ่านเคยมีโอกาสไปตามโรงพยาบาลของรัฐบาลในตอนเช้า ๆ กันบ้างไหมครับ ?
ถ้าใครไม่เคยไปก็คงไม่รู้ แต่ถ้าคนเคยไปจะรู้เลยว่า มันแออัดยัดเยียดด้วยผู้ป่วยและญาติผู้ป่วยขนาดไหน แค่มารอเจาะเลือดตามที่แพทย์สั่ง ก็มีคนแก่คนเฒ่านั่งรถเข็นนับร้อยนับพันคนมานั่งแออัดรอเข้าคิวเจาะเลือดกันตั้งแต่เช้า
บางคนมาถึงโรงพยาบาลตั้งแต่เช้ามืด เพราะไม่ต้องการได้เจาะเลือดช้า เพราะถ้ามาสายกว่าจะได้เจาะเลือด บางคนต้องรอนานมากจนเที่ยงจนบ่ายกว่าจะได้เจาะ
แล้วลองนึกสภาพว่า คนแก่ คนป่วย คนพิการ ต้องมานั่งแออัดในที่แคบ ๆ เพือรอเจาะเลือดในโรงพยาบาลของรัฐนั้น น่าสงสาร น่าเห็นใจขนาดไหน ?
ผมชอบหลักคิดเอาใจเขามาใส่ใจเรา หากแม่ผมต้องมารอคิวยาว ๆ แบบนี้จะน่าสงสารขนาดไหน
นี่แค่รอเจาะเลือดนะครับ ถ้ารออุลตร้าซาวด์ ต้องนัดกันหลายเดือนกว่าจะได้คิวเข้าตรวจ นั่นเพราะโรงพยาบาลรัฐมีคนใช้บริการมาก มากแทบจนล้นโรงพยาบาล
ส่วนหมอกับพยาบาลก็ต้องเร่งรีบตรวจผู้ป่วย เพราะถ้าช้า กว่าคนไข้คนสุดท้ายจะได้ตรวจ ก็อาจต้องไปรอตรวจภาคบ่ายต่อไป
หากเป็นคนหนุ่มสาวมานั่งรอก็พอทน แต่คนแก่คนเฒ่ามารอ น่าสงสารมาก ห้องน้ำห้องท่าก็ลำบากที่จะเข้าไปใช้
ที่เกริ่นมาทั้งหมด นั่นก็เพราะ ประเทศไทยมีโรงพยาบาลรัฐ หมอ และพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ และเครื่องมืออุปกรณ์การแพทย์ที่ทันสมัย ไม่เพียงพอในการรองรับคนไทยทั้งประเทศ
และเครื่องมือทางการแพทย์ที่มีอยู่ ก็พังแล้วพังอีก ซ่อมแล้วซ่อมอีก จนหมดสภาพในโรงพยาบาลตามต่างจังหวัดมากมาย จนถึงขั้นที่ว่า อนาถาที่สุด !!
แต่รัฐบาลไทยในเงื้อมมือของทักษิณ กลับส่งเสริมให้ไทยเป็นที่รองรับการรักษาผู้ป่วยต่างชาติ แล้วพยายามหาทางกดดันทุกทางให้แพทย์และพยาบาลในภาครัฐต้องหมดกำลังใจจนต้องหนีออกจากโรงพยาบาลรัฐมาอยู่โรงพยาบาลเอกชนแทน
หรือแม้แต่ ผอ.องค์การเภสัชคนที่เพิ่งโดนปลดออกไปหมาด ๆ ใคร ๆ ต่างบอกว่า ผอ.คนนี้ได้ช่วยให้องค์การเภสัชผลิตยาดีราคาถูกมามาขายแข่งกับบริษัทยาต่างชาติ จนทำให้บริษัทยาต่างชาติไม่กล้าขึ้นราคายาได้ตามใจชอบเหมือนในอดีต
สุดท้าย ผอ.องค์การเภสัชคนนี้ ก็โดนปลดออกจากตำแหน่งโดยรัฐบาลยิ่งลักษณ์
ที่ผมเขียนเรื่องโรงพยาบาลมาทั้งหมด เพื่ออยากจะบอกว่า ในสายตาของรัฐบาลนายทุน ย่อมคิดโครงการที่มีผลประโยชน์ของพวกพ้องทับซ้อน มากกว่าโครงการที่ช่วยเหลือความเดือดร้อนของประชาชน (จนๆ)
เช่น โครงการกู้ 2.2ล้าน กับดอกเบี้ยมากกว่าต้น หมดไปกับโครงการที่พวกพ้องตัวเองจะได้ผลประโยชน์มากกว่า
ส่วนเรื่องสร้างโรงพยาบาลรัฐบาลที่ทันสมัย ยากนักที่พวกนักการเมืองเห็นแก่ตัวมันคิดอยากจะสร้างให้ประชาชนได้ใช้บริการได้ทั่วถึงอย่างสะดวกสบาย !!
-----------------------
ยิ่งลักษณ์ไปงานประชุมน้ำ เชียงใหม่
แก้ปัญหาน้ำ 3.5 แสนล้านบาทของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่รู้ว่าต้องใช้เงินเท่าไหร่ ทั้ง ๆ ที่ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรบ้าง ?
และรัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็เก่งเหลือเกินกับการจัดงานอีเวนท์เอาหน้า ซึ่งว่ากันว่า งานอีเวนท์แต่ละงาน โกงกินกันสะบัด แถมไม่ค่อยมีคนมาตรวจสอบ
ยิ่งการประชุมน้ำเชียงใหม่ สุดท้ายก็เป็นแค่อีเวนท์ที่ผลาญงบ เพราะเนื้อหาการประชุมมีแต่น้ำ ไม่มีเนื้อหาที่เป็นสาระจริง ๆ
เพราะแม้แต่นายปลอดประสพ ยังยอมรับเองหลังการประชุมเสร็จสิ้นลงว่า ประชุมน้ำที่เชียงใหม่ห่วย !!
ส่วนที่ผมบอกว่า ยิ่งลักษณ์น้ำแตก ก็หมายถึง สมัยอุทกภัยปี 2554 ยิ่งลักษณ์ชอบบอกเอาอยู่ สุดท้ายที่ไหนที่ปูว่าเอาอยู่ กลายเป็นน้ำแตก !!
นั่นจึงแสดงว่า ทุกครั้งที่ยิ่งลักษณ์เอาอยู่ ต้องลงเอยด้วยเขื่อนแตกทุกครั้ง
คราวนี้ก็เช่นกันไปประชุมเรื่องน้ำ สุดท้ายได้แต่น้ำโหรงเหรง ไม่มีเนื้อหาสาระที่น่าสนใจ แค่ผลาญงบสร้างภาพไปเท่านั้น
----------------------
เศรษฐา แสนสิริ ใหญ่ยาว
ในขณะที่มีการประชุมน้ำที่เชียงใหม่ ผลาญงบเล่น ๆ ของพวกตะกวดรุมทึ้ง
ช่วงเดียวกันนั้นเอง ที่กรุงเทพฯ ก็มีประชุมเรื่องโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง โดยเบื้องหน้าอ้างว่า จัดโดยประชาชาติธุรกิจ
ซึ่งเปิดโอกาสให้ นายชัชชาติ รมว.คมนาคม ขึ้นมาโม้ ซึ่งผมไม่ได้สนใจในเนื้อหาที่มันพูดหรอกครับ
ผมสนใจประด็นที่มีการเชิญนายเศรษฐา ทวีสิน เจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์แสนสิริ ผู้เคยมาข่าวฉาวโฉ่กับนายกยิ่งลักษณ์ที่โฟร์ซีซั่นมาแล้ว มาร่วมปาฐกถาด้วยมากกว่า
นายเศรษฐา ออกมาพูดสนับสนุนโครงการรถไฟความเร็วสูงอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งคงไม่ต้องสนใจรายละเอียดหรอก เพราะนักธุรกิจย่อมหว่านล้อมเหตุผลดี ๆ เกี่ยวกับรถไฟฟ้าความเร็วสูงมากมาย เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองเป็นหลัก
แต่ประเด็นมันอยู่ที่ว่า คุณเชื่อหรือไม่ ?
สุดท้ายที่ดินที่จะโดนเวรคืนสร้างรถไฟฟ้า จะเป็นที่ดินของประชาชน และจะได้เงินเวรคืนไปพอไม่ให้มีปากมีเสียงโวยวาย
แต่ที่ดินที่จะเหลือรอดอยู่ข้าง ๆ สถานที่รถไฟฟ้าความเร็วสูง จะเป็นที่ดินของพวกเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะเครือข่ายพวกพ้องใกล้ชิดรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่จะได้ทำโครงการอสังหาริมทรัพย์รองรับทำกำไรอื้อพุงกาง !!
นี่จึงเป็นที่มาของชื่อบทความที่ว่า เศรษฐาใหญ่ยาว เพราะนายเศรษฐา แสนสิริ ชอบโครงการใหญ่ ๆ แพง ๆ และยาว ๆ อย่างรถไฟฟ้าความเร็วสูงนั่นเอง
ฮั้วกันทั่วหน้าในหมู่พวกพ้อง !! ถ้าจำกันได้ยิ่งลักษณ์เคยโดดประชุมสภา (แต่เซ็นชื่อว่ามาประชุม) แล้วหนีไปหานักธุรกิจใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์
ก็ขนาดสื่อประชาชาติธุรกิจ ก็ยังลงข่าวบิ๊กแสนสิริกับนายทุนอสังหาหลายราย แห่ดักซื้อที่ดินแนวรถไฟฟ้าความเร็วสูงกันแล้ว ซึ่งเชื่อว่า พวกพ้องกลุ่มอสังหาที่สนิทสนมแนบแน่นกับยิ่งลักษณ์ คงได้ข้อมูลดี ๆ กว่าใครแน่นอน
คลิกที่รูปเพื่ออ่านข่าว
ถามว่า โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง ดีไหม ?
ตอบว่า ดีแน่นอน โดยเฉพาะกับพวกนายทุน ส่วนประชาชนน่ะเหรอ ประโยชน์ที่ได้ไม่อาจเทียบได้กับที่พวกนายทุนเขาได้หรอก
คลิกอ่าน แผนชั่ว ทำไมรัฐบาลยิ่งลักษณ์กระสันอยากลดดอกเบี้ยลง 1 %
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น