วันพุธที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2557

สุดยอดทัศนะ วสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ







คือตรรกะนักวิชาการแดง รวมไปถึงนายอุกฤษ มงคลนาวิน นักกฎหมายที่หันไปรับใช้ระบอบทักษิณ พยายามอ้างว่า ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจวินิจฉัยว่า เรื่องยิ่งลักษณ์พ้นจากความเป็นนายกรัฐมนตรีได้อีก จากกรณีจากการโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนสี เหตุเพราะยิ่งลักษณ์ได้พ้นจากความเป็นรัฐมนตรีไปแล้ว หลังจากมีพระราชกฤษฎีการยุบสภา 2556

ทีนี้ลองฟังความเห็นของ นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญว่ามีความเห็นในเรื่องนี้อย่างไร จากรายการตอบโจทย์ 23 เม.ย. 57

"เห็นคนออกความเห็นว่า เขายุบสภา พ้นแล้ว เป็นแค่รักษาการ จริง ๆ ผมขอเรียนว่า คำว่า รักษาการ นี่ไม่มีนะ เพราะกฎหมายได้ระบุว่า ให้อยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ไม่ใช้คำว่า รักษาการ

เพราะฉะนั้น รัฐมนตรีทุกคนหลังยุบสภาแล้ว ก็ยังลงชื่อในฐานะนายกรัฐมนตรี ในฐานะรัฐมนตรี ยังรับเงินเดือนรัฐมนตรี ยังรับเงินประจำตำแหน่ง ใช้รถประจำตำแหน่ง เฟอร์นิเจอร์ประจำตำแหน่ง ยังสั่งงานผู้ใต้บังคับบัญชาได้เหมือนปกติ เพียงแต่ถูกจำกัดอำนาจไปบางอย่างเท่านั้น

แต่เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลง นับแต่นั้นมาก็จะไม่ได้สิ่งเหล่านี้ เช่น เงินเดือนรับไม่ได้ จะไปเซ็นในตำแหน่งฐานะอะไรก็ไม่ได้ ทุกวันนี้ก็ยังเซ็นในฐานะนายกรัฐมนตรีอยู่ เมื่อไม่นานเห็นมีพระราชกฤษฎีกาออกมาฉบับนึง ก็ยังเซ็นในฐานะนายกรัฐมนตรีอยู่ ว่าเป็นผู้สนองพระบรมราชโองการ มันก็ไม่ได้ต่างอะไร เพราะไม่ได้ใช้คำว่า รักษาการ หรือพ้นแล้ว ไม่มี ก็ยังเหมือนเดิม ก็ยังสั่งการ ก็ยังสั่งประชุม ครม. ตามปรกติ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

คือถ้าเราแปลความว่า เมื่อยุบสภาแล้ว มีฐานะที่ชาวบ้านเรียกกันว่า รัฐบาลรักษาการ ถ้าแปลอย่างนั้นนะครับ ก็เท่ากับว่า ถ้าเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่เต็มตัว ทำผิดรัฐธรรมนูญไม่ได้ ต้องถูกศาลวินิจฉัย

แต่พอเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการ ทำผิดได้ !! ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจวินิจฉัย อย่างนั้นเหรอ ?

ถ้าคิดว่าตอนนี้ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจวินิจฉัย งั้นตอนนี้ก็ทำผิดรัฐธรรมนูญกันใหญ่โตเลย เพราะถือว่าพ้นแล้ว อย่างนั้นได้ไหม เราจะแปลความกฎหมายแบบนั้นหรือ"


เช่น ล่าสุด คือ

การลงนามรับสนองพระบรมราชโองคืนตำแหน่งเลขาธิการสภามั่นคงแห่งชาติให้แก่ นายถวิล เปลี่ยนสี ลงนามโดยนางสาว ยิ่งลักษณ์ ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เช่นเดิม เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2557

คลิกที่รูปเพื่อขยาย!!



ส่วนประเด็นถ้ายิ่งลักษณ์สิ้นสุดจากความเป็นรัฐมนตรี จะสิ้นสุดเพียงคนเดียว หรือสิ้นสุดทั้งคณะ

ท่านวสันต์ ตอบว่า "กฎหมายเขียนไว้ชัดเจนว่า ถ้านายกรัฐมนตรีทำผิดรัฐธรรมนูญ ความเป็นนายกฯ สิ้นสุดลง คณะรัฐมนตรีต้องพ้นทั้งคณะ เพียงแต่ผมยังไม่เห็นคำร้องของผู้ร้องว่า เขาร้องในประเด็นไหนบ้าง"

(ล่าสุด 7 พ.ค. 57 ศาล รธน. ได้ตัดสินให้ยิ่งลักษณ์พ้นสภาพการเป็นรัฐมนตรี และพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีทั้งคณะรัฐมนตรี แต่เฉพาะใน ครม.ยิ่งลักษณ์ 1 ที่ร่วมประชุมโยกย้ายคุณถวิล เท่านั้น)

-----------------


ฮิตเล่อร์ ก็มาจากการเลือกตั้ง

แต่ประเด็นที่ชอบมาก ก็เรื่องที่ท่านวสันต์ ได้ยกตัวอย่างก็คือ กรณีเรื่อง ฮิตเลอร์

"ฮิตเล่อร์ไม่ได้มาจากการรัฐประหาร แต่ฮิตเลอร์มาจากการชนะการเลือกตั้ง ถ้าใครไปถามฮิตเล่อร์ ฮิตเลอร์อาจตอบเหมือนที่บางคนตอบ "I come from election"

แล้วฮิตเล่อร์ มีอำนาจจากเสียงข้างมาก.นสภา เขาก็แก้กฎหมาย แก้รัฐธรรมนูญเพื่อเพิ่มอำนาจให้ตัวเอง แล้วจำกัดการตรวจสอบ จนตนเองเป็นเผด็จการ แล้วนำพาเยอรมันเข้าสู่งสงครามโลกครั้งที่ 2 จนเยอรมันหายนะ

เพราะฉะนั้นเยอรมันจึงกลัวมาก เรื่องเสียงข้างมาก พวกมากลากไปนี่เยอรมันกลัวมาก เขาจึงตั้งระบบศาลรัฐธรรมนูญขึ้นมา เพื่อควบคุมเสียงข้างมากว่า อย่าทำผิดรัฐธรรมนูญนะ

แล้วศาลรัฐธรรมนูญของเยอรมัน ไม่ต้องรอใครมายื่นคำร้องนะครับ แม้ไม่มีใครมายื่นคำร้องเลย ศาลเขาก็ไม่ว่างนะ เพราะศาลเขาก็นั่งดูเรื่อย ๆ ว่า สภากำลังทำอะไร รัฐบาลกำลังทำอะไร ถ้าศาลรัฐธรรมนูญเยอรมันเขาเห็นว่ารัฐบาลหรือสภาทำผิด ศาลรัฐธรรมนูญเยอรมันเขาตั้งเรื่องได้เองนะครับ เรียกมาสอบถาม เรียกมาไต่สวน แล้วออกคำแนะนำ หรือออกคำบังคับได้เลย อำนาจเขาขนาดนี้นะครับ

ศาลรัฐธรรมนูญเยอรมัน สามารถหยิบเรื่องใดที่เห็นว่าขัดรัฐธรรมนูญขึ้นมาวินิจฉัยได้เลย ถ้าเขาเห็นว่าเรื่องใดกำลังขัดรัฐธรรมนูญ"


ชัยชนะในการเลือกตั้งของฮิตเล่อร์ เมื่อปี 1933



ฮิตเล่อร์ได้คะแนนเสียงไปทั้งสิ้น 17,277,180 คะแนน คิดเป็น 43.91 % ของจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิลงคะแนนเสียง

-------------------------

โครงการจำนำข้าวกระทำผิดรัฐธรรมนูญ แต่ศาลก็รับคำร้องไม่ได้


ทีนี้ท่านวสันต์ จึงได้ยกตัวอย่างเพิ่มเติมว่า มีกรณีที่สมัยที่ท่านยังเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เคยเห็นด้วยกับกรณีที่มีผู้มายิ่นคำร้องว่า โครงการรับจำนำข้าวเป็นโครงการที่ขัดรัฐธรรมนูญจริง ๆ  แต่ศาลก็รับคำร้องจากผู้นั้นไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญไม่ได้เปิดช่องให้ยื่นคำร้อง


"ถ้าทบทวนหน่อยคงพอจะจำกันได้ เรื่องจำนำข้าวเคยมีอาจารย์ท่านนึงจากนิด้า ยื่นคำร้องว่า โครงการนี้ผิดรัฐธรรมนูญ ผมก็มองเห็นกันว่า มันก็น่าจะผิดรัฐธรรมนูญ เพราะว่า การจำนำนี้มันไม่ใช่การจำนำ เพราะนี่มันเป็นการตั้งโต๊ะรับซื้อ เมื่อรับซื้อสูงกว่าราคาตลาด มันก็เท่ากับเป็นการผูกขาด เมื่อเป็นการผูกขาดก็เท่ากับเป็นการขัดรัฐธรรมนูญ

เพราะรัฐธรรมนูญบังคับว่า รัฐบาลต้องส่งเสริมการค้าเสรี ตัดการผูกขาด แต่นี่รัฐบาลผูกขาดซะเอง เพราะฉะนั้นเขาก็มายื่นคำร้อง ซึ่งเราก็เห็นว่ารัฐบาลกระทำไม่ถูกรัฐธรรมนูญ แต่ !!

แต่ผู้มายื่นไม่มีช่องทางให้ยื่น เมื่อไม่มีช่องทางให้ยื่น ศาลก็รับคำร้องมาพิจารณาไม่ได้ นั้นคือตัวอย่างนะครับว่า เราไม่ได้รับคำร้องของอาจารย์ ทั้ง ๆ ที่เห็นชัดว่ารัฐบาลกระทำผิดรัฐธรรมนูญ แต่นี่เขาไม่มีประตูเข้า (รัฐธรรมนูญไม่ได้เปิดช่องให้ยื่นได้)"


รัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 43 ห้ามการผูกขาดการค้า



นี่จึงถือเป็นข้อบกพร่องหนึ่งในรัฐธรรมนูญ 50 ที่มีช่องให้รัฐบาลกระทำผิด รธน. แต่กลับไม่มีช่องทางเอาผิดรัฐบาล


** คลิกอ่านข่าว ศาล รธน. ยกคำร้องโครงการจำนำข้าวขัด รธน.


-------------------------

กรณี พ.ร.บ. กู้ 2 ล้านล้านบาท เปรียบเทียบกับ พรก.ไทยเข้มแข็ง

ให้ดูคลิปนาทีที่ 20.10 เป็นต้นไป

(แต่สรุปคร่าว ๆ ว่า จะเอา พ.ร.บ.กู้ 2 ล้านล้าน มาเทียบกับ พรก.ไทยเข้มแข็ง ของประชาธิปัตย์ไม่ได้ ถ้าจะเทียบต้องไปเทียบกับ พรก.กู้แก้ปัญหาน้ำ 3.5 แสนล้านของรัฐบาล ที่ศาลตัดสินว่า พรก.กู้ 3.5 แสนล้านของรัฐบาลก็ไม่ขัดรัฐธรรมนูญเช่นกัน)

---------------------------

ส่วนประเด็นเรื่องที่นายอุกฤษ มงคลนาวิน โจมตีเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญยังไม่มีกฎหมายลูก คือ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีของศาล รธน. จึงไม่มีสิทธิว่าคดี

ให้ดูในนาทีที่ 13.30 เป็นต้นไปว่า ท่านวสันต์ ตอบในเรื่องนี้ว่าอย่างไร






จริง ๆ แล้ว ท่านวสันต์ได้ตอบในอีกหลายประเด็นที่น่าสนใจทั้งนั้น ถ้าใครว่างก็ลองดูคลิปทั้งหมดนะครับ


คลิกอ่าน สถานภาพนายกรัฐมนตรีของยิ่งลักษณ์ จะสิ้นสุดได้หรือไม่ ?


วันอาทิตย์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2557

แจ้ ดนุพล เป็นซุปเปอร์สตาร์ แต่ลูกชายเป็นซุปเปอร์เซย่า เทพเพอร์ซิอุส






พี่แจ้ ดนุพล แก้วกาญจน์ ซุปเปอร์สตาร์อันดับ 1 ของไทยในอดีต (ปัจจุบันยังเป็นซุปเปอร์สตาร์ตลอดกาล) เคยกล่าวไว้ในรายการ วู้ดดี้ เกิดมาคุย ว่า

"ลูกต้องเก่งกว่าพ่อนะ พ่อต้องเก่งกว่าปู่ สมมุติปู่เป็นขุนศึก พ่อต้องเป็นเจมส์บอนส์
แต่ถ้าเป็นรุ่นลูกล่ะ รุ่นลูกก็ต้องเป็นซุปเปอร์แมน"

ดูคลิปวู้ดดี้เกิดมาคุย นาทีที่ 4.55 เป็นต้นไป

(ขออภัยคลิปถูกถอดออกไปแล้ว)


รูปในอดีตของลูกชายพี่แจ้ ที่กำลังเป็นข่าวดังในวันนี้ เพราะเขาอ้างว่ามีพลังเทพเพอร์ซิอุส

นายคฑาวุธ แก้วกาญจน์ ชื่อเล่น clean อดีตครูสอนดนตรี แต่สอนโดยไม่มีวุฒิการศึกษาให้นักเรียนนะ ใครรักดนตรีเข้าขั้นหลงใหล ต้องไปเรียนกับครูคฑาวุธ

คลิกไปดูโฆษณาเก่าของเขาในปี 53 เปิดสอนดนตรี ที่นี่


และแล้วพี่แจ้ ของผมและของแฟน ๆ ทั่วประเทศ ก็ได้สมใจยิ่งกว่าที่พูดไว้ในรายการวู้ดดี้ ก็

เพราะลูกชายของพี่แจ้ นามว่า คฑาวุธ แก้วกาญจน์ นั้นได้สำเร็จพลังแห่งเทพ เข้าถึงวิชาที่เหนือกว่าวิชชาธรรมกายของลัทธิจานบิน เพราะเขาเคยตายแล้วจิตวิญญาณของเขาเคยทะลุเลยไปไกลกว่าแดนนิพพาน (อดถวายข้าวพระพุทธเจ้าแบบแม่ชีจันทร์เบย)

นายคฑาวุธ อ้างว่าเคยตายไปแล้ว ก็ยังฟื้นกลับมาได้ ด้วยพลังแห่งเทพ จากการนั่งสมาธิทั้งหมด 7 ท่า เพื่อดึงวิญญาณตนเองกลับมาสู่โลกมนุษย์

ซึ่งท่าสมาธิทั้ง 7 ท่านั้นก็ ยกตัวอย่างเช่น นั่งสมาธิแต่ต้องเอาเท้ายัดรูตูดตัวเอง เป็นต้น 5555 (อันนี้เทพคฑาอู๊ด เล่าเองจริง ๆ นะ)

ส่วนคลิปข้างล่างนี้ เทพเพอร์ซิอู๊ด ๆ มาพร้อมกับแม่ตัวเอง หรือก็คืออดีตภรรยาของพี่แจ้นั่นแหละ

แม่ของเทพอู๊ดได้เล่าว่า วันหนึ่งลูกคนนี้ตื่นขึ้นมาก็เปี๊ยนไป๊ จำแม่ไม่ได้....

มิน่าล่ะเป็นกันทั้งแม่ทั้งลูก พี่แจ้เลยขอบายตัวใครตัวมันดีกว่า ??



ในช่วงท้ายของคลิปนี้ เทพคฑาอู๊ด ได้ร้องเพลงที่เขาบอกว่า เป็นเพลงที่เพราะที่สุดในจักรวาล โดยเฉพาะท่อนฮุค คือเพลง Heal The World ของไมเคิล แจ็คสัน เพลงที่เขาอ้างว่า เป็นเพลงที่ฉุดเขากลับมาจากความตาย

แล้วเขาก็ร้องเพลงนี้เพื่อส่งพลังเทพจากเพลงที่เขาร้องไปสู่เหรียญห้าบาทที่ผู้ชมทางบ้านถือไว้ในมือ !!

ว่าไปนั่น !! 555

แต่ที่จริงไม่ใช่เหรียญห้าบาทจริง ๆ หรอกครับ เพราะความจริงคือเหรียญเทพคฑาอู๊ดที่ขายเหรียญละ 3 พันกว่าบาทต่างหาก แต่เขากลัวจะโดนเล่นงานเรื่องโฆษณาสรรพคุณเหรียญเกินจริงอีกคดี ก็เลยพูดเป็นรหัสว่าเหรียญห้าบาทแทน


บอกตามตรงนะครับ สำหรับความเห็นของผม ผมว่า นี่คือศาสตร์แห่งความฮากลิ้งระดับตำนานมหาเทพเพอร์ซิอู๊ด ๆ เลยนะครับนั่น 55555555555

เราคงเคยดูตลกคาเฟ่ แต่มันมุกเก่า ๆ จำเจ แต่ถ้าดูคลิปลูกชายของพี่แจ้โชว์ นี่มันมุขระดับจักรวาล ระดับอมตะ ระดับแกแลกซี่ ระดับต่างดาว ระดับเทพโคตร ๆ




เทพเพอร์ซิอู๊ดๆ ลูกพี่แจ้จัดรายการทีวีดาวเทียมมาเป็นปี ๆ จุดประสงค์เพื่ออะไรน่ะเหรอ ?

เขาบอกว่า เขากลับจากความตายเพื่อมาช่วยสร้างสันติภาพ ไม่งั้น โลกเราจะต้องมีภัยพิบัติใหญ่เหมือนในยุคโนอาร์

สุดท้ายก็ลงเอยด้วย ประกาศขายเหรียญเทพคฑาวุธไปบูชา ราคาเหรียญละ 3 พันกว่าบาท แถมยังใช้พลังมหาเทพรักษาโรคได้ด้วย

สามารถพิสูจน์พลังมหาเทพได้ด้วยวิทยาศาสตร์ ด้วยการ เอาเหรียญห้าแปะที่หน้าผาก แล้วเหรียญไม่หล่น !!

โอว..พระเจ้าอู๊ด มันเทพมาก !!


ขอบคุณรูปนี้จากพันทิพ



เหรียญสิบบาทติดหน้าผากไม่หล่น !! ว้าว!!


แล้วเรื่องลูกของพี่แจ้นั้น พี่แจ้มีความคิดเห็นว่าอย่างไร ?




สำหรับผมนะ ผมเห็นใจพี่แจ้มากกว่า ที่ลูกชายได้เกิดเพี้ยนไปแบบนั้น นายคฑาวุธคงจะใช้สมองมากเกินไปนั่นแหละ เหมือนที่เขาได้เล่าเอง

ถ้าให้ผมวิเคราะห์ตามหลักจิตวิทยา ผมว่า ลูกคนนี้ของพี่แจ้ ต้องมีปัญหาทางจิตคล้ายพวกทรงเจ้าเข้าทรง ที่เกิดปมด้อยจนเกิดอาการหลอนว่า ตนเองมีเทพมาเข้าร่าง มาขอใช้ร่างเพื่อช่วยมนุษย์ แบบที่เรียกว่ามีองค์ลง

หรืออาจเคยได้รับผลกระทบจากการใช้ยาที่มีผลทำลายจิตประสาท จนทำให้สมองของเขาเพี้ยน

แต่ในกรณีของลูกชายของพี่แจ้ คงเป็นเพราะว่า เขาเรียนมาเยอะ อ่านหนังสือวิทยาศาสตร์มาเยอะด้วย

ก็เลยจับเอาโน่นเอานี่มาผสมกันจนมั่ว เช่น นำเรื่องศาสนา มาผสมกับเทพเจ้ากรีก มาผสมกับอียิปต์โบราณ ผสมกับเรื่องมนุษย์ต่างดาว ผสมกับอาณาจักรแอตแลนติสที่หายสาบสูญ มาผสมกับพลังในสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า สุดท้ายมาลงเอยที่คำชะโนดของไทย ว่ามีพลังเทียบเท่าสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า (ฮ่าๆๆ)

นี่แหละครับ การเพี้ยนของพวกเรียนมามาก อ่านมามาก มักจะออกมาในแนวนี้ทั้งนั้น

ผมคาดว่า อายุของนายคฑาอู๊ด น่าจะเป็นเด็กที่อยู่ในยุคที่เด็กไทยกำลังฮิตการ์ตูนเรื่องเซนต์เซย่า แบบสุด ๆ ด้วยนั่นแหละ คงชอบจนฝังใจทะลุไปฝังถึงจิตใต้สำนึก


ถ้าหากนายคฑาวุธไม่ได้เพี้ยน ก็เหลือประเด็นเดียวคือ เป็นพวกขบวนการต้มตุ๋น โดยอาศัยจิตวิทยามวลชน ใช้หลักอุปทานหมู่ด้วยการอาศัยหน้าม้าชักจูง

ซึ่งตอนนี้รายการทีวีดาวเทียมของลูกชายพี่แจ้ก็เป็นข่าวใหญ่ไปแล้ว เพราะมีคนร้องเรียนไปทาง กสทช. ว่า อาจเข้าข่ายหลอกลวงประชาชน โฆษณาเกินจริง

เราคงต้องติดตามกันต่อไปว่า สุดท้ายเรื่องนี้จะลงเอยอย่างไรครับ

แต่ที่แน่ ๆ คนไทยเรานั้นมีภูมิคุ้มกันต่อเรื่องความหลงงมงายต่ำมากจริง ๆ 

(ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจากเว็บPantip)


ถึงอย่างไร ผมก็รักและชื่นชอบพี่แจ้ ที่สุดของเพลงไทยในยุค 80-90 ตลอดไปครับ ขอเป็นกำลังใจให้ครับ

"ถ้านายคฑาวุธ คือเทพเพอร์ซิอุส ข้าเอกซิตี้ ก็คือ เทพโพไซดอน"

-------------------

ล่าสุด รายการของท่านเทพเพอร์ซิอุ๊ด ๆ ก็ได้ถูกถอดออกจากช่อง H Plus แล้ว

13 เม.ย. 57

น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ คณะกรรมการ กสทช. ได้ออกมาชี้แจงถึงกรณีดังกล่าว หลังได้หารือกับทางช่อง H Plus เจ้าของสถานีโทรทัศน์ที่มีรายการดังกล่าวออกอากาศอยู่ โดยระบุว่า ทางสถานีพร้อมจะถอดถอนรายการดังกล่าวออกจากผังรายการ เพื่อให้เกิดข้อครหาเกี่ยวกับปัญหาหลอกลวงผู้บริโภค รวมทั้งโฆษณาชวนเชื่อเรื่องอาหาร ยา และผลิตภัณฑ์สุขภาพอื่น ๆ ที่ผิดกฏหมาย ก่อนหน้าที่ได้มีส่งหนังสือเตือนไปยังช่องดังกล่าวแล้ว เกี่ยวกับการโฆษณาชวนเชื่อ หากฝ่าฝืนก็อาจจะถูกระงับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ได้

นอกจากนี้ น.ส.สุภิญญา ยังได้อธิบายกรณีดังกล่าวในทวิตเตอร์ว่า

"ข่าวดีรับสงกรานต์ หลังจากเชิญผู้บริหารสูงสุดช่อง H Plus มาชี้แจงกรณีรายการ #พลังปาฏิหาริย์ #เทพเพอซอุส สรุปทางช่องยอมถอดรายการนี้"

"คุณยุวดี บุญครอง ประธานช่อง H Plus มาชี้แจงด้วยตนเอง ยอมรับรายการนี้โดนวิจารณ์มาก รับปากกับดิฉันและอนุฯ จะถอดรายการนี้"

"ฝากทุกท่านช่วยดูช่อง H Plus ด้วยว่ายังมีรายการ #พลังปาฏิหาริย์ นี้อีกไหม หลังจากเจ้าของช่องยอมถอดออกจากผังเอง"

"ขอบคุณผู้บริโภคที่ช่วยร้องเรียนกันมาก ทำให้ช่องต้องพิจารณาตนเอง"


คลิกอ่าน บทเรียนราคาแพงของ วีเจจ๋า กับคำว่า เมียน้อย




วันพฤหัสบดีที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2557

ยิ่งลักษณ์ตอแหลแสร้งทำหนังสือให้ ผบ.ตร. จับโกตี๋ผิดมาตรา 112







เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ 9 เม.ย. 2557 รักษาการนายกฯ ยิ่งลักษณ์ได้สั่งการ นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้ทำหนังสือด่วนที่สุดถึง ผบ.ตร. ให้ดำเนินคดีผู้เผยแพร่คลิปที่เข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ โดยเฉพาะคลิปของไอ้โกตี๋ แกนนำแดงปทุมธานี หรือนายวุฒิพงศ์ กชธรมคุณ ให้ตำรวจมาตัวผู้ที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีโดยเร็ว



แต่ก่อนหน้านั้นประมาณ 5 ชั่วโมง ก่อนที่ยิ่งลักษณ์จะทำหนังสือให้ ผบ.ตร ตามจับโกตี๋ ไอ้ลุงยิ้ม ตาสว่าง ก็ได้โพสข้อความก่อนแล้วตามนี้



ซึ่งที่ไอ้ลุงยิ้มโพสนั่น คงไม่ใช่ใครอื่น ก็คงเป็นไอ้โกตี๋ เพื่อนซี๊มะก้องด้องของไอ้ลุงยิ้ม ตาสว่าง นั่นแหละ ที่หนีออกไปนอกประเทศแล้ว เพราะหลังจากนั้นไอ้ลุงยิ้ม ก็โพสแต่เรื่องคลิปของไอ้โกตี๋

นี่จึงแสดงให้เห็นว่า ยิ่งลักษณ์มันเป็นมวยล้มต้มคนดู ทำเป็นจะเอาจริงจะเอาผิดกับโกตี๋ แถมยังสั่งให้นางธิดา นกแสก ออกมาให้สัมภาษณ์ด้วยว่า โกตี๋ ไม่ใช่ นปช. (แดงเทียมอีกแล้ว) เหมือนตอนที่นายวีระกานต์ อดีตประธาน นปช. เคยประกาศว่า เสธ.แดงไม่ใช่ นปช. เลย

"แรกเริ่ม นายวุฒิพงศ์ เป็นมวลชน ต่อมาก็ไปเป็นดีเจคนเสื้อแดง ตนพูดอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่าจะปัดความรับผิดชอบ เพราะเราไม่สามารถรับผิดชอบคำพูดหรือการกระทำของปัจเจกชนได้ เนื่องจากขบวนการของเราเป็นเสรีชน ไม่ได้มีการควบคุม และชัดเจนว่านายวุฒิพงศ์ไม่ได้ขึ้นกับ นปช. เพราะเราเป็นองค์กรที่ชัดเจนว่าสู้โดยสันติวิธี และสู้เพื่อประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สำหรับนายวุฒิพงศ์ นั้นเขาไม่เคยเข้ามาร่วมกับเราเลย" นางธิดา อดีต ปธ.นปช.กล่าว


แต่ที่ไหนได้ ไอ้โกตี๊บินหนีไปเมืองนอกหลายชั่วโมงแล้ว ยิ่งลักษณ์ถึงเพิ่งจะทำหนังสือถึงตำรวจ (ปากว่าตาขยิบ)

และสังเกตไหม มีการให้นังนกแสก เป็นคนพูดเรื่องโกตี๋  แต่กลับไม่ให้ไอ้ตู่ จตุพร ประธาน นปช. คนปัจจุบันพูดเอง

นั่นเพราะทุกอย่างมีการวางแผนไว้ให้รับส่งกันอย่างดิบดี ว่า

"นี่คือการเตี๊ยมนะจ๊ะพี่โกตี๋ ปูจำใจต้องแสดงบทบาทเอาจริงเอาจังในเรื่องความจงรักภักดีนะจ๊ะ พี่โกตี๋ที่รักของปู"

-----------------



------------------

โกตี๋ กับเสื้อยืด "เรารักพระบรม"



คือก่อนหน้านี้ ไอ้พวกเสื้อแดงล้มเจ้า กับไอ้โกตี๋ มักจะชอบใส่เสื้อเรารักพระบรม

ซึ่งเจตนาจริง ๆ ที่พวกมันใส่เสื้อเรารักพระบรม ไม่ได้แปลว่า พวกมันรักพระบรมกันจริง ๆ หรอก ซึ่งคุณผู้อ่านคงรู้ดีว่า พวกมันมีเจตนาชั่วอย่างไร

ส่วนต้นสายปลายเหตุในการทำเสื้อเรารักพระบรมของพวกเสื้อแดง ก็มีที่มาจาก คำให้สัมภาษณ์ของทักษิณที่มีต่อไทม์เมื่อหลายปีก่อน

ซึ่งผมเคยเขียนวิเคราะห์คำสัมภาษณ์ทักษิณในเรื่องนี้ไว้แล้ว ตามนี้

คลิกอ่าน วิเคราะห์คำสัมภาษณ์ทักษิณต่อไทม์ หมื่นเบื้องสูงหรือไม่ ?

แล้วพอไอ้โกตี๋ทำป้ายแบ่งแยกดินแดน จนกองทัพอากาศฟ้องเอาผิด ไอ้โกตี๋ ก็รีบออกมาแก้ตัว แถมยังใส่เสื้อยืดพิมพ์ข้อความใหม่ว่า

"เทิดทูนในหลวง รักพระบรม"



"พอกลัวตาย ก็รีบแอบอ้างในหลวงเลยนะมึง"

ไอ้นี่มันชั่งตลบแตลงจริง ๆ สมกับเป็นขี้ข้าสายตรงของทักษิณ ที่ทักษิณมันใช้ทำงานชั่ว ๆ ใต้ดิน ประเภทก่อการร้าย เหมือนที่เคยใช้ เสธ.แดงนั่นแหละ ซึ่งจุดจบของไอ้โกตี๋ก็คงไม่ต่างกับ เสธ.แดง

ส่วนรูปข้างล่าง ก็ไม่ใช่พวกเหี้ยที่ไหน ก็ไอ้ลุงยิ้ม ตาสว่าง กับ ไอ้โกตี๋ นั่นเอง



เหล่าทหารกล้า ผู้ยอมเสียสละเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และคนไทยผู้จงรักภักดีทั้งหลาย จำหน้ามัน 2 คนไว้ดี ๆ นะครับ ฮ่า ๆ ๆ

--------------------

วันต่อมา สำนักงานตะกวดแห่งชินวัตร ก็ได้ขอศาลออกหมายจับโกตี๋

แล้วไอ้ ผบ.ตะกวด ก็ให้ข่าวว่า โกตี๋ยังไม่ได้ออกนอกประเทศแน่นอน

แต่ในที่สุด ไอ้โกตี๋ ก็ได้โฟนเอ๋ง ๆ จากเขมรมาตอกหน้าพวกตะกวดขี้ข้าชินวัตรว่า กูอยู่เขมรโว้ย !!





คลิกอ่าน สันดานแดงแท้ ต้องแถ โง่ ๆ แบบไอ้ลุงยิ้ม ตาสว่าง



วันพฤหัสบดีที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2557

สันดานแดงแท้ต้องแถโง่ ๆ แบบไอ้ลุงยิ้ม ตาสว่าง กรณีลอบยิง คปท.







เมื่อวันที่ 1 เมษายน 57 ที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ ผู้ชุมนุม คปท. ได้ถูกคนร้ายลอบยิงจากตึกข้างทาง บนทางด่วนขั้นที่ 2 หลังจากเดินทางกลับจากศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ จนเป็นเหตุให้มีการ์ด คปท. เสียชีวิต 1 นาย

ตอนที่ผมได้ยินข่าวนี้จากทางวิทยุครั้งแรก ผมรู้สึกสลดใจและหดหู่มาก ๆ ว่า โดนอีกแล้วเหรอเนี่ย มีตายอีกแล้วเหรอเนี่ย

แล้วก็มีข่าวตามมาว่า มีแกนนำเสื้อแดงคนหนึ่งที่ใช้ชื่อในเฟสบุ๊กว่า ลุงยิ้ม ตาสว่าง ได้โพสข้อความบางอย่างก่อนจะเกิดเหตุการณ์ลอบยิงรถของผู้ชุมนุม คปท. ตามรูปข้างล่างนี้



ซึ่งไอ้ลุงยิ้ม ตาสว่าง มันบอกเสมอว่า มันสนิทกับโกตี๋ แกนนำแดงปทุม ขนาดที่ว่า โกตี๋เคยชวนไปอยู่ด้วย

ถ้าสนิทกันขนาดนั้น ถ้าไอ้ลุงยิ้ม ตาสว่าง ไม่โง่ก็ต้องเหี้ย แล้วล่ะครับ ที่ดันเอาชื่อเพื่อนสนิทอย่างโกตี๋มาโพสแบบนี้ให้เสียหาย เพราะโกตี๋เองก็มีชนักติดหลังว่าน่าจะอยู่เบื้องหลังเหตุรุนแรงหลาย ๆ เหตุการณ์

การที่ไอ้ลุงยิ้ม ตาสว่าง กล้าโพสเรื่องเสี่ยงคุกแบบนี้ รวมทั้งกล้านำชื่อโกตี๋มาลงในโพส แม้จะอ้างว่า เป็นทีมงานโกตี๋ก็ตาม นั่นก็ชี้ได้ชัดว่า ข่าวนี้มีมูลพอสมควร!!

ลองดูโพสต่อมา ของไอ้ลุงยิ้ม ตาสว่าง หลังเกิดเหตุการณ์ลอบยิง คปท. แล้ว




ถูกต้องตามสันดานควายแดง ที่กล้าโพส แต่ไม่กล้ายอมรับ แต่เสือกโพสแบบโง่ ๆ ให้เข้าตัวเอง

มึงโง่นะ ไอ้ลุงยิ้ม ตาสว่าง นี่ถ้าไม่ใช่ยุคยิ่งลักษณ์มีอำนาจ หรือยุคตำรวจชั่วรับใช้ระบอบทักษิณอยู่ ป่านนี้มึงคงได้สิทธิไปนอนเล่นในห้องขังแล้วนะ ไอ้โง่ยิ้ม เอ๋ย

ก็คงโดนขังด้วยข้อหาสมรู้ร่วมคิดในแผนการลอบสังหาร หรือไม่ก็ ถ้ามึงไม่อยากติดคุก ก็คงต้องโดนกันตัวไว้เป็นพยาน

เรามาดูสันดานแถแบบโง่ ๆ ของไอ้ลุงยิ้ม ตาสว่าง กันต่ออีก




จากโพสนี้ยิ่งชี้ชัดว่า ไอ้ลุงยิ้ม ตาสว่าง มันยังแถในสิ่งที่มันเคยโพสไว้เอง

เพราะไม่มีใครเขาใส่ร้ายมึงหรอก ถ้ามึงไม่โง่โพสโง่ ๆ ออกมาเอง แล้วที่มึงโพสน่ะ มึงโพสเองว่า ทีมงานโกตี๋เป็นคนกระทำ แล้วมึงจะมาอ้างทำไมว่า มึงอยู่ตั้งไกลกว่า 700 กิโล ไอ้โกตี๋ห่างจากจุดเกิดเหตุ 800 กิโลเมตร

มึงนี่โง่แท้เลยนะ ไอ้ลุงยิ้ม ตาสว่าง กูขอย้ำว่า มึงเสือกโพสเองว่า ทีมงานโกตี๋กระทำ ไม่มีใครบอกว่ามึงเป็นคนยิงหรอก

เพราะมึงไม่ได้โพสว่า มึงทำเอง หรือไอ้โกตี๋ทำเองสักหน่อย เพียงแต่สิ่งที่มึงโพสน่ะ มันเข้าข่ายรู้เห็นเป็นใจในแผนการชั่ว ๆ นี้

แล้วไอ้คนสั่งการ หรือไอ้คนรู้เห็นแผนการ มันก็ไม่จำเป็นต้องไปอยู่ในที่เกิดเหตุก็ได้จริงหรือไม่ ?

อยู่ห่าง 800 กิโลเมตรอย่างไอ้โกตี๋อยู่ มันก็สั่งการจากระยะไกลก็ได้ โลกนี้มันยุคไหนแล้วไอ้โง่ลุงยิ้ม

แล้วไอ้ลุงยิ้ม ตาสว่าง ก็ออกสันดานหน้าตัวเมีย ด้วยการโทษว่า สลิ่มยิงกันเอง โถออกลายหน้าตัวเมียเลยนะไอ้ลุงยิ้ม

-----------------------

ขนาดเสื้อแดงยังรุมด่าไอ้ลุงยิ้ม

พวกเสื้อแดงที่เป็นเพื่อนในเฟสบุ๊กของลุงยิ้ม มันก็พากันมาด่าไอ้ลุงยิ้มว่า ทำไมเสือกโง่ไปโพสให้เข้าตัวแบบนั้น

เพราะการโพสว่าทีมโกตี๋กระทำ ก็เท่ากับไปตอกย้ำให้พวกสลิ่มเชื่อว่า พวกแดงเลว พวกแดงคือคนลอบยิง

หรือจะแปลความง่าย ๆ ว่า มีพวกเสื้อแดงจำนวนมากไปด่าลุงยิ้มว่า มึงจะโพสโง่ ๆ แบบนี้ทำไมวะ นั่นแหละ

จนไอ้ลุงยิ้มมันเดือด โพสด่ากลับไปแบบนี้




และด้วยสันดานแดงแท้ของไอ้ลุงยิ้ม ตาสว่าง มันก็เลยรีบแจ้นไปแสดงตัวต่อตำรวจ อย่างกินปูนร้อนท้อง เพื่อจะบอกว่า ผมไม่เกี่ยวนะครับ ผมถูกใส่ร้าย




ไอ้ลุงยิ้ม ตาสว่าง นี่มันเหมือนจะฉลาดนะ จากที่ผมเพิ่งจะไปดูเฟสบุ๊กของมันก่อนจะเขียนบทความนี้

แต่สุดท้าย ไอ้ลุงยิ้ม ตาสว่าง ก็คงได้แค่เหมือนจะฉลาดนั่นแหละ

เพราะไอ้ลุงยิ้ม มันมาอ้างกับตำรวจว่า มันรำคาญนายสุเทพที่ชอบพาคนขึ้นทางด่วนแล้วไม่จ่ายเงิน เลยแกล้งโพสเรื่องทีมโกตี๋ไปอย่างนั้น แล้วดันเกิดเหตุการณ์ขึ้นจริง ๆ (จากข่าวไทยรัฐ)


------------------------

ก่อนจะจบบทความนี้ ผมอยากจะบอกว่า เหตุการณ์ยิง M79 หรือปาระเบิดไปที่ฝ่าย กปปส. หรือปาระเบิดไปที่บ้านของแกนนำ กปปส. นั้น รวมถึงการยิง M79 ไปใกล้ที่ทำการของ ศรส. แต่ไปตกที่สถานนีไทยพีบีเอสแทน

เชื่อหรือไม่ ? คือผลงานของพวกเดียวกันทั้งสิ้น

เพียงแต่การที่มันยิง M79 หรือปาระเบิด หรือลอบยิงฝ่าย กปปส. พวกมันหวังผลถึงตาย !!

แต่สำหรับการยิงM79 ไปที่สถานที่ของฝ่ายรัฐบาลบ้าง ยิงตึกชินวัตรบ้าง มันแค่ยิงหวังเพื่อสร้างสถานการณ์เท่านั้น

ก็เพื่อจะได้ให้พวกแกนนำแดงได้มีเรื่องไปอ้างแก้ตัวว่า ไม่ใช่มีแต่ฝ่าย กปปส. ที่โดนยิงด้วย M79 ฝ่ายเดียว

อย่างตำรวจนนทบุรี ค้นและจับอาวุธของพวกการ์ด กวป. (กลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย) ที่มีเครื่องยิง M79 และอาวุธสงครามอื่น ๆ ได้นั้น

ก็ชี้ชัดให้เห็นว่า ตำรวจน้ำดียังมีอยู่ จึงจับอาวุธเหล่านี้จากฝ่ายเสื้อแดงได้จำนวนมาก จนไอ้เฉลิมแทบไปไม่เป็นเลย



จากข่าวตำรวจพบหลักฐานว่า M79 เป็นชุดเดียวกันกับที่ยิงสถานีไทยพีบีเอส

เห็นไหมครับ ที่แท้พวกแดงมันแกล้งยิงM79 ไปตกที่ไทยพีบีเอส แต่ไม่ยิงไปที่ ศรส. โดยตรง เพราะมันต้องการหวังสร้างสถานการณ์นั่นแหละ


คลิกอ่าน ตำรวจเตะระเบิด ฮีโร่ของสรยุทธ เตะระเบิดของฝ่ายไหนกันแน่ ?