บทความนี้เป็นเพียงคำแนะนำในสิ่งที่ถูกต้องเท่านั้น

เงินที่ใช้ในการสร้างพระบรมรูปทรงม้าเป็นเงินบริจาคจากประชาชน ซึ่งเป็นเงินประมาณ 2แสนกว่าบาท และเงินที่เหลือจากการสร้าง รัชกาลที่6 นำไปสร้างอาคารหลังแรกของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ผมเห็นมีลัทธินึงเกิดขึ้นในเมืองไทย นั่นคือ ลัทธิบูชาเสด็จพ่อร.5 ซึ่งผมกลับมองว่า เป็นลัทธิความเชื่อบนความงมงายไสยศาสตร์ มากกว่าบูชาความดีงาม
เพราะอะไร?
เพราะลัทธิบูชาเสด็จพ่อร.5 นั้น ประเด็นหลักคือ สอนให้คนงมงายไม่ต่างอะไรกับการบูชาภูตผี หรือหลงติดไสยศาสตร์เลย ต่างกันเพียงแอบอ้างพระบารมีของในหลวงรัชกาลที่ 5 บังหน้าเท่านั้น เพราะที่ไหว้นั้น คนจำนวนมากในยุคหลังๆ ไหว้เพราะหวังขอโน่นขอนี่ให้พระองค์ช่วยเหลือทั้งนั้น (ก็ไม่ผิดหรอกถ้าจะขอพึ่งพระองค์ แต่อย่าพึ่งด้วยความเชื่อที่ผิดๆ)
------------------------------
เพราะอะไรการไหว้ ร. 5 จึงเริ่มผิดเพี้ยน ?
คำตอบก็คือ มันเกิดจากพวกทรงเจ้าเข้าผี ช่วยกันสร้างความเชื่อผิดเพี้ยนให้คนไทยในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ด้วยวิธีพูดกันปากต่อปาก
จากเคยไหว้รัชกาลที่5 เพราะรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของรัชกาลที่5 ที่ทรงนำพาประเทศไทยผ่านวิกฤติมากมาย เช่น ทรงพาไทยให้รอดจากการตกเป็นเมืองขึ้นชาติตะวันตก ทรงริเริ่มสร้างสาธารณูปโภคให้คนไทยมากมาย ทรงเลิกทาสได้โดยไม่เสียเลือดเสียเนื้อ ทรงวากรากฐานการพัฒนาประเทศที่ทันสมัย เป็นต้น
แต่ไปๆ มาๆ อิทธิพลพวกทรงเจ้า ทำเอาการไหว้รัชกาลที่ 5 ผิดเพี้ยนไปหมด จากการไหว้เพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ กลายเป็นไหว้แบบงมงายไปเสียฉิบ แถมดันมีการทรงเจ้าเสด็จพ่อ ร.5 อีกด้วย นี่ยิ่งดึงพระเกียรติของพระองค์ให้ตกต่ำลงไปอีก
สุดท้ายลัทธิบูชาเสด็จพ่อ ร.5 ก็กลายเป็นลัทธิแห่งหลอกลวง งมงาย หลอกให้คนเสียเงินเสียทองไปซะอีก พวกทรงเจ้า ร.5 นี่น่าจะโดน ม.112 ซะให้เข็ด
ลัทธิบูชาเสด็จพ่อ ร. 5 จึงคล้ายกับพุทธพาณิชย์ชนิดหนึ่ง หากศรัทธากราบไหว้และ เชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์บ้างก็คงไม่เป็นไรหรอก แต่ถ้าถึงขนาดงมงายจนดึงพระองค์ให้ตกต่ำนั้น ก็มิบังควรอย่างยิ่ง!!
แต่เอาเถอะ ความเชื่อและความศรัทธาของคนเราคงจะห้ามกันไม่ได้ เพราะสติปัญญาผู้คนมีหลายระดับ บางอย่างถึงบอกไปบางคนก็ไม่มีวันเข้าใจ นั่นเพราะความหลง และนิยมในไสยศาสตร์มาครอบงำจนขาดปัญญาไปแล้ว
แต่ที่ผมอยากจะติงคือ การเรียกรัชกาลที่ 5 ว่า เสด็จพ่อร. 5 นั้นถือว่ามิบังควร
แต่เพราะกระแสปากต่อปาก พูดกันไปกันมา เรียกกันไปกันไปจนแพร่หลาย จึงพากันเรียกรัชกาลที่ 5 แบบผิด ๆ กันไปหมด
นั่นเพราะใคร ๆ ก็เรียกกันแบบนี้กันทั้งบ้านทั้งเมือง จนเชื่อกันไปว่า นี่คือการเรียกที่ถูกต้อง
--------------------------
ต้นกำเนิด ที่มาของการเรียก "เสด็จพ่อ ร.5"
เวลาพวกทรงเจ้าเข้าผี เข้าทรงวิญญาณ ซึ่งร้อยละ99.99 คือการหลอกลวงทั้งสิ้น ก็มักจะสอนให้บรรดาลูกศิษย์เรียก คนทรงในขณะทรงว่า เจ้าพ่อ เจ้าแม่ เป็นต้น
ทีนี้เมื่อเจ้าพ่อ เจ้าแม่ เริ่มมีเกร่อมากมาย พวกทรงเจ้าก็หาหนทางใหม่คือ หาอะไรที่คนไทยนับถือศรัทธาได้ง่าย มาใช้เข้าทรงแทน
อย่างเช่น การเข้าทรงกรมหลวงชุมพร การเข้าทรงเจ้าแม่กวนอิม และที่มีมากและฮิตก็คือ การเข้าทรงในหลวงรัชกาลที่ 5
ถ้าใครเคยดูรายการเรื่องจริงผ่านจอ หรือรายการแปลกๆ ที่เคยพาไปดูงานรวมพลคนทรงเจ้า
คุณจะเห็นว่า จะมีคนทรงเจ้าเจ้าแม่กวนอิม หรือคนทรงรัชกาลที่ 5 ลงทรงพร้อมกัน ๆ ทีเดียวหลายองค์
ผมขอย้ำว่า นั่นคือแทบทั้งหมดเป็นการหลอกลวงเพื่อหากินทั้งสิ้น
และอีกจำนวนหนึ่งของพวกทรงเจ้าคือ พวกโรคจิตที่มีปมในใจ จนหาทางออกด้วยการสะกดจิตตัวเองให้ตนเองสำคัญว่ามีเจ้ามาเข้าทรง เพื่อให้คนมานับถือบูชา
ซึ่งในทางจิตเวชถือว่า เป็นอาการทางจิตชนิดหนึ่ง คือ อยากเป็นคนสำคัญ ชอบให้ผู้คนมา กราบ มาไหว้ แต่ในโลกแห่งความจริง ตัวเองเป็นแบบนั้นไม่ได้ จึงต้องใช้วิธีการทรงเจ้ามาหลอกตัวเองและหลอกสาวก
ทีนี้พวกที่อ้างว่า เป็นร่างทรงรัชกาลที่ 5 ก็จะสอนให้บรรดาลูกศิษย์ เรียกตัวเองว่า เสด็จพ่อ
เพราะพวกนี้ใช้ตรรกะที่ว่า ในเมื่อรัชกาลที่ 5 เป็นกษัตริย์ ถ้าเวลาเข้าทรงมีลูก (ลูกศิษย์) มาขอความช่วยเหลือ ก็เลยต้องสอนลูกศิษย์ให้เรียก คนทรงรัชกาลที่5 ว่า เสด็จพ่อ
ฉะนั้น จงจำไว้เลยนะครับ การเรียกในหลวงรัชกาลที่ 5 ว่า เสด็จพ่อ ร.5 มีต้นกำเนิดมาจากพวกทรงเจ้าเข้าผี สอนให้เรียกแบบนั้นทั้งสิ้น
และพวกทรงรัชกาลที่ 5 ก็จะขายพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 และพระบรมฉายาลักษณ์ให้ลูกศิษย์กลับไปบูชาด้วย แถมสอนด้วยว่า ต้องไหว้วันไหน ไหว้อย่างไร ต้องถวายอะไรเวลาไหว้พระองค์ที่บ้าน
การทรงรัชกาลที่ 5 ล้วนเป็นธุรกิจเกี่ยวเนื่องกันได้มากกว่าการทรงเจ้าเข้าผีบุคคลอื่น ๆ แปลง่าย ๆ คือหลอกได้ง่ายกว่า สอนให้คนศรัทธาได้ง่ายกว่า และทำเงินได้มากกว่านั่นเองครับ
ทีนี้คำเรียกแบบนี้ก็เริ่มแพร่ออกไปในสังคม จนผู้ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกทรงเจ้า แต่ไม่รู้ที่มา ก็เลยเรียกผิดเพี้ยนตาม ๆ กันไป
ฉะนั้น ถ้าเราเป็นผู้มีปัญญา ไม่งมงาย และเข้าใจกาลเทศะ ก็ไม่ควรดึงฟ้าลงมาต่ำ ยกตนเสมอพระองค์ท่านนะครับ เพราะถือเป็นการกระทำมิบังควร !!
--------------------------------
การเรียกเสด็จพ่อร. 5 คือตีเสมอเบื้องสูง
เพราะพวกเราเป็นแค่ประชาชนธรรมดา ไม่ใช่พระบรมวงศานุวงศ์
ที่สำคัญพวกเราไม่ใช่พระราชโอรส พระราชธิดาในรัชกาลที่5 เราจึงเรียกรัชกาลที่5 ว่า "เสด็จพ่อ" ไม่ได้
ลองคิดง่ายๆ นะ หากคุณย้อนกลับไปในสมัยพระองค์ยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ ถามว่า คุณกล้าเรียกในหลวงรัชกาลที่ 5 ว่า เสด็จพ่อ ร.5 ต่อหน้าพระพักตร์หรือไม่ ?
หรือแม้แต่ ในหลวงรัชกาลที่ 9 เราก็ยังไม่เรียกพระองค์ว่า เสด็จพ่อ เลย ?
เพราะผู้ที่จะเรียกพระองค์ว่า เสด็จพ่อ ได้ ก็ต้องเป็น สมเด็จพระเทพรัตนฯ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ หรือ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์เท่านั้นที่จะเรียกได้
แล้วทำไมคนไทยจำนวนมากถึงได้กระทำมิบังควรบังอาจเรียก รัชกาลที่ 5 ว่า เสด็จพ่อ ร.5 ได้ หรือคิดว่า เพราะรัชกาลที่5 พระองค์ได้สวรรคตแล้ว ถึงได้กล้าลบหลู่ตีเสมอ (เช่นตีตนเสมอรัชกาลที่ 6 รัชกาลที่7 เพราะทั้งสองพระองค์คือพระราชโอรสในรัชกาลที่ 5)

ผมเชื่อว่า คนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้คิดตีตนเสมอพระองค์หรอก แต่เพราะความไม่รู้ หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จึงทำให้ไม่รู้จักกาลเทศะต่างหาก ที่ทำให้เรียกรัชกาลที่ 5 แบบผิด ๆ ตาม ๆ กันมา
"ผู้ไม่รู้ ย่อมไม่ผิด" แต่เมื่อรู้แล้ว ก็ไม่ควรเรียกผิด ๆ อีก
ซึ่งเมื่อเรารู้แล้วว่านั่นเป็นการเรียกที่ไม่ถูกต้อง ผมขอแนะนำว่า ต่อไปเราก็ควรจะเรียกพระองค์ให้ถูกต้องว่า สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง หรือ พระปิยมหาราช หรือ ในหลวงรัชกาลที่ 5 หรือ รัชกาลที่ 5 ก็ได้
อย่าเรียกพระองค์ว่า เสด็จพ่อร.5 ตามที่พวกทรงเจ้าเข้าผีมันสอนให้เรียกผิดๆ หรือพวกด้อยการศึกษา สอนให้เรียกผิดๆ ตามๆ กันมา เลยนะครับ เชื่อผมเถอะ
เราเป็นแค่พสกนิกรของพระองค์ท่าน จงอย่าลบหลู่พระเกียรติ ด้วยการดึงพระองค์มาเสมอชนชั้นสามัญอย่างเรา หรือยกตัวเราไปอยู่ในชนชั้นเดียวกับพระองค์ ด้วยการเรียกพระองค์ผิดๆ เลยนะครับ ผมขอร้อง
ผมเองก็ไหว้บูชารัชกาลที่ 5 เสมอที่บ้าน ผมก็เชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์เช่นกัน แต่ผมไม่เคยเรียกพระองค์ว่าเสด็จพ่อ ร.5 เลย เพราะผมรำลึกเสมอว่า พระองค์คือพระมหากษัตริย์ของผม พระองค์ทรงเป็นเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน
แม้ใครจะเคารพรักพระองค์ไม่ต่างจากรักพ่อก็ตาม ก็ไม่ควรเรียกว่าพระองค์ว่า เสด็จพ่อ นะครับ
การเรียกพระองค์อย่างถูกต้อง คือการเคารพเทิดทูนพระองค์อย่างสมพระเกียรติ
------------------------
ขอยกตัวอย่าง เพื่อให้เห็นภาพ
ถ้าผมมีไทม์แมชชีนให้คุณย้อนกลับไปในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้ ให้คุณไปเข้าเฝ้ารัชกาลที่ 5
ถามว่า คุณกล้าเรียกในหลวงรัชกาลที่ 5 ว่า เสด็จพ่อ หรือไม่ ?
อย่าลืมนะครับ ในสมัยนั้นยังเป็นระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช การหมิ่นพระเกียรติกษัตริย์ อาจมีโทษหนักนะครับ
หรือในสมัยปัจจุบัน ถ้าคุณได้เข้าเฝ้าในหลวงรัชกาลที่ 9 คุณกล้าเรียกในหลวงต่อหน้าพระพักตร์ว่า เสด็จพ่อ หรือไม่ครับ ?
ส่วนกรณีเพลงของธงไชย แมคอินไตย์หลายเพลง ที่มีคำว่าพ่อ ซึ่งแทนความหมายถึง ในหลวงรัชกาลที่ 9 นั้น ถือเป็นการเปรียบเทียบเปรียบเปรย แต่นั่นไม่ใช่การเรียกพระองค์โดยตรง
แม้แต่ในเพลงเทิดทูนในหลวงทุกเพลง ก็ไม่เคยมีคำว่า เสด็จพ่อ ในบทเพลงใด ๆทั้ง ๆ ที่เราคนไทยรักและเทิดทูนในหลวงเสมือนพ่อ ก็ตาม
แต่พระองค์ทรงเป็นพ่อของแผ่นดิน
-------------------------------
พระปิยมหาราช ทรงฉายพระรูปในอิริยาบถแบบชาวบ้านๆ

จากพระบรมฉายาลักษณ์ด้านบน ในหลวง ร. ๕ ทรงทำอาหาร ณ บริเวณ พระที่นั่งวิมานเมฆ พระราชวังดุสิต รูปเดิมไม่มีสี ผมพยายามแต่งสีเพิ่มเข้าไป
ซึ่งคนในปัจจุบัน ที่ทำกิจการร้านอาหารมักชอบนำพระบรมฉายาลักษณ์รูปนี้ไปติดไว้ในร้าน เพราะเชื่อกันว่าจะช่วยทำให้ทำมาค้าขายดี

ตามความเห็นส่วนตัวของผม ผมมองว่า
การที่พระพุทธเจ้าหลวง ทรงประกาศเลิกทาสแบบไม่เสียเลือดเนื้อได้นั้น ในทางหนึ่ง ในหลวงก็ทรงรับเทคโนโลยีของตะวันตกเข้ามาพัฒนาประเทศด้วย เพื่อให้ประเทศเจริญทัดเทียมชาติอื่นๆ เพื่อไม่ให้พวกฝรั่งล่าอาณานิคมมีเหตุอ้างในการยึดครองสยาม ด้วยข้ออ้างที่ว่า เพราะสยามด้อยพัฒนาล้าหลังและป่าเถื่อน ได้
ซึ่งคนไทยในสมัยก่อนโดยส่วนใหญ่จะไม่เคยเห็นในหลวง ไม่เคยรู้ว่าในหลวงมีพระพักตร์เป็นอย่างไร แถมวัฒนธรรมของคนไทยก็มักเคารพเทิดทูนในหลวงดุจดั่งสมมุติเทพ
ในหลวงร.5 จึงทรงใช้กุศโลบาย ด้วยการฉายพระรูปของพระองค์ในพระอริยาบถแบบชาวบ้านๆ ทั่วไป เพื่อให้คนไทยได้รับรู้ว่า เจ้านายชั้นสูงก็ทรงเป็นมนุษย์ธรรมดาเฉกเช่นคนไทยทุกคน ซึ่งในอดีตโบราณที่ผ่านๆ มา คนไทยจะไม่เคยเห็นว่า ในหลวงจะฉลองพระองค์แบบชาวบ้านสามัญเช่นนี้
ผมคิดว่า นี่ก็อาจเป็นกุศโลบายอีกอย่างหนึ่ง ที่ช่วยในการประกาศเลิกทาส เลิกระบบทาส ไพร่ เลิกระบบศักดินา ได้โดยไม่ยากของพระองค์เช่นกันครับ
คลิกอ่าน ทุกข์ที่สุดของรัชกาลที่ 5
ถ้าอย่างงั้น...ท่านใหม่ เมืองเอก.. ช่วยตีประเด็นที่คนไทยนิยมห้อยพระที่คอให้ฟังหน่อยครับ
ตอบลบท่านเป็นถึงพระพุทธเจ้า ศาสดาของชาวพุทธ ...ทำไมเอามาห้อยไว้ที่คอ(ตั้งแต่สมัยโบราณกาลจนถึงปัจจุบัน)
พระเครื่อง พระเหรียญ กับ พระพุทธเจ้า คนละอย่างกันนะครับ อย่านำมาปนกันจนมั่วแยกแยะไม่ออก
ลบเพราะพุทธเจ้าทรงเสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้ว ส่วนพระที่คนไทยห้อยคอ ก็แค่วัตถุที่อยากจะใส่เพื่อระลึกถึงใครก็ได้ ที่เราอยากจะระลึกถึง
ก็เหมือนชาวคริสต์ห้อยไม้กางเขน หรือคนบางคนห้อยรูปพ่อแม่ไว้ ก็เท่านั้น
เพราะคอ เป็นอวัยวะที่เหมาะสมกับการใส่สร้อยคอ ก็เท่านั้น ไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องคิดลึกครับ
พระห้อยคอเพื่อเตือนสติ ให้รลึกถึงคำสอนของพระพุทธเจ้า ให้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ แต่ว่าจุดประสงค์ของคนห้อย อันนั้นก้อแล้วแต่สติปัญญาที่จะเข้าใจ ต่างจิตต่างใจ บัวยังมีสี่เหล่า
ลบตามคำสอนพระพุทธเจ้า ไม่มีบัวสี่เหล่านะครับอย่ามั่ว บัวมีแค่สามเหล่า ....บัวสี่เหล่าคนไทยมาคิดเองทั้งนั้น......หาข้อมูลบ้างนะครับไม่ใช่เอาแต่เชื่ออย่างเดียว.....
ลบ