พวกเสื้อแดงมักจะถามเรื่อย ๆ ว่า "ที่กล่าวหาว่าทักษิณโกง ไหนลองบอกมาซิว่าโกงเรื่องอะไร"
ผมจะไม่เอาเรื่องโกงที่ยากเกินกว่าระดับสมองเสื้อแดงจะรับได้มายกตัวอย่าง ผมจะขอยกตัวอย่างเรื่องโกงระดับพื้นฐานของทักษิณ มาให้ดูแล้วกัน
ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า แค่โกงระดับพื้นฐานของทักษิณ พวกเสื้อแดงมันจะอ่านเข้าใจหรือไม่ 555
ถ้าย้อนกลับไปตอนทักษิณเป็นนายกสมัยแรก ก็โดนคดีซุกหุ้นภาค 1 เอาไปซุกกับคนขับรถ คนใช้ เลขาส่วนตัว
รายละเอียดผมได้เขียนไว้ในบทความเก่าเมื่อปี 2553 แล้วว่า ทำไมทักษิณถึงต้องซุกหุ้น
คลิกอ่าน ทำไมทักษิณต้องซุกหุ้น
ต่อมาเมื่อทักษิณผ่านคดีซุกหุ้นภาค 1 ไปแล้ว ก็ยังไม่ละทิ้งสันดานเดิม กลับไปเปิดบริษัทในต่างประเทศเพื่อถือหุ้นแทนตัวเอง (ที่เรียกว่าบริษัทนอมินี) เพื่อรอให้ลูก ๆ บรรลุนิติภาวะ จะได้โอนหุ้นให้
ตามหลักนักการเมืองต้องรายงานบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. แต่เมื่อทักษิณไปเปิดบริษัทนอมินีต่างชาติถือหุ้นแทนในต่างประเทศ ก็ทำให้ไม่ได้รายงานทรัพย์สินในส่วนนี้ต่อ ป.ป.ช.
ก็เท่ากับทักษิณได้จงใจรายงานทรัพย์สินอันเป็นเท็จ ถือเป็นการคอรัปชั่นอย่างหนึ่ง
และการที่นำทรัพย์สินไปซุกไว้ในต่างประเทศผ่านทางบริษัทนอมินี ก็เท่ากับรายได้ในส่วนนี้ได้หลีกเลี่ยงการจ่ายภาษีรายได้ประจำปีเช่นกัน
ยิ่งซุกไว้หลายปี ก็เท่ากับว่า ไม่ได้เสียภาษีเงินประจำปีได้ให้กับประเทศชาติมากขึ้นเท่านั้น
ถามว่า แล้วรู้ได้ยังไงว่าเป็นบริษัทนอมินีของทักษิณ ?
ตอบว่า ก็เพราะบริษัทแอมเพิลริช ซึ่งเป็นบริษัทนอมินีของทักษิณได้ขายหุ้นชินคอร์ป ฯ ให้ เอม พิณทองทา ในราคาหุ้นละ 1 บาท ทั้ง ๆ ที่ ราคาหุ้นชินในตอนนั้นราคาประมาณ 49 บาท
ถ้าไม่ใช่บริษัทนอมินีของทักษิณ บริษัทฝรั่งมันจะยอมขายหุ้นที่มีราคา 49 บาทให้เอม พิณทองทา ได้ในราคา 1 บาทได้เหรอ ??
-------------
ตกลงซื้อขายหุ้นชินนอกตลาด แต่กลับย้อนมาขายในตลาด
อีกทั้งการขายหุ้นให้ชินคอร์ปเปอเรชั่นให้กลุ่มเทมาเส็ก ได้ไปตกลงซื้อขายหุ้นแบบยกล๊อตกันที่สิงคโปร์ (ทักษิณบินไปสิงคโปร์กับเอม ในช่วงหยุดวันปีใหม่) มีการตกลงราคาหุ้นกันนอกตลาดหลักทรัพย์ แต่ย้อนกลับมาขายหุ้นในตลาดหุลักทรัพย์อีกครั้ง เพื่อต้องการใช้กฎของตลาดหลักทรัพย์ที่ว่า ซื้อขายหุ้นในตลาดไม่ต้องจ่ายภาษีจากการขายหุ้น นี่คือการเลี่ยงภาษีแบบหน้าด้านที่สุด
(เพราะการตกลงราคาซื้อขายหุ้นนอกตลาดหลักทรัพย์ หากมีกำไรจากส่วนต่างราคาจะต้องเสียภาษีเงินได้ !!)
ถามว่า แล้วใครล่ะที่เอื้ออำนวยให้ทักษิณนำหุ้นชินฯ กลับไปขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ เพื่อเลี่ยงการเสียภาษีขายหุ้น ??
คำตอบก็คือ ก็นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ไงครับ
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เคยดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2544 – วันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2549
ส่วนการแถลงขายหุ้นชินฯ มีขึ้นในวันที่ 23 ม.ค. 2549
23 ม.ค.2549 เวลา 14.30 น. นายบุญคลี ปลั่งศิริ ประธานกรรมการบริหารบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย มร.เอส.อิสวาราน กรรมการผู้จัดการด้านการลงทุน กลุ่มบริษัทเทมาเส็กโฮลดิ้ง ร่วมกันแถลงผลซื้อขายหุ้นของชินคอร์ป จำนวน 49% ราคาหุ้นละ 49.25 บาท มูลค่ากว่า 73,000 ล้านบาท โดยมี นายสุวรรณ วลัยเสถียร โฆษกตระกูลชินวัตร และดามาพงศ์ ร่วมแถลงด้วย
ถึงบางอ้อไหมครับคุณผู้อ่านว่า ทำไมตอนนี้นายกิตติรัตน์ ถึงได้มีตำแหน่งใหญ่โตในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เพราะขนาดดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจผิดพลาดหลายหน หรือมีข่าวว่าจะโดนเปลี่ยนออกจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์หลายครั้ง สุดท้ายนายกิตติรัตน์ก็ยังอยู่คงทนมาจนวันนี้
--------------------------
ประโยคเด็ดที่ทักษิณใช้หลอกควาย
หลังจากที่กลุ่ม พธม. ออกมาขับไล่ทักษิณ สืบเนื่องมาจากประเด็นเลี่ยงภาษีขายหุ้นชินฯ
ทำให้ทักษิณเดินสายปราศัยหลอกเสื้อแดง โดยมีไอ้ตู่คางคก ไอ้เต้นเผาเมือง ยืนอยู่ข้างหลัง
ทักษิณปราศัยท่ามกลางสายฝนว่า "เอะอะอะไรก็หาว่าผมไม่เสียภาษี.. ผมเสียภาษีมากกว่าพวกมันรวมกันทั้งประเทศเสียอีก"
แล้วเสื้อแดงก็เฮ !!
ทักษิณมันเก่งมากในการพูดให้คนคล้อยตาม แถมเก่งที่จะพูดความจริงไม่หมดไปด้วยในตัว
ไม่ปฏิเสธหรอกครับที่ว่า ทักษิณกับตระกูลชิน รวมทั้งชินคอร์ป ที่ผ่านมา ได้จ่ายภาษีมากมาย
แต่ความจริงอีกด้านก็คือ ทักษิณและเครือญาติมันก็เลี่ยงภาษีมากกว่าคนทั้งประเทศรวมกันเสียอีก
การเลี่ยงภาษี ก็ถือเป็นการคอร์รัปชั่น !!
ครั้งหนึ่งสมัยทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี ได้เคยพูดถึง มีบริษัทในอเมริกาจำนวนมากที่หาทางเลี่ยงภาษีโดยไปเปิดบริษัทในประเทศที่เป็นสวรรคด้านภาษี เช่น เกาะบริทิชเวอร์จิ้น แต่สุดท้ายทักษิณก็ทำเสียเอง
คนไทยจำนวนมากไปหลงใหลได้ปลื้มกับโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคแบบอนาถาของทักษิณ จนลืมไปว่า
เงินที่ทักษิณและเครือญาติโกงผ่านนโยบายผลประโยชน์ทับซ้อนต่าง ๆ รวมทั้งการเลี่ยงภาษี มันอาจมากกว่าเงินที่มีในโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคเสียอีก
และที่สำคัญโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคของทักษิณแม้จะดี แต่การบริการห่วยมาก โรคหลายโรคจำนวนมากไม่สามารถใช้สิทธิรักษาได้ เช่น โรคไตวายระยะสุดท้าย การผ่าตัดหัวใจ ซึ่งในสมัย 30 บาทรักษาทุกโรคของทักษิณไม่ช่วยเหลือเลยแม้แต่นิดเดียว
แต่ในปัจจุบันนี้คือ โครงการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ที่ดีกว่า 30 บาทรักษาทุกโรคของทักษิณ ราวฟ้ากับเหวเลยครับ นั่นเป็นเพราะรัฐบาลขิงแก่ ของพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้แก้ไขและปรับปรุงให้ดีขึ้นเรื่อยมาจนถึงรัฐบาลอภิสิทธิ์ แล้วก็เลิกเรียกเก็บเงิน 30 บาทไปแล้ว
แต่พอมาถึงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ พยายามจะกลับมาเก็บ 30 บาทอีกครั้ง เพราะเอางบประมาณไปทำประชานิยมอย่างอื่นจนแทบหมด แล้วรัฐบาลยิ่งลักษณ์ยังหั่นงบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติลงอีกด้วย
ข่าว รัฐตัดงบรายหัวสปสช.ลง4.9% กระทบ30บาท-บริการคุณภาพต่ำ
เลิกคลั่งระบอบทักษฺิณ ด้วยข้ออ้าง 30 บาทรักษาทุกโรคได้แล้ว เพราะหลักประกันสุขภาพแห่งชาติตั้งแต่ยุครัฐบาลสุรยทธ์เรื่อยมาดีกว่าโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคของทักษิณเสียอีก
คลิกอ่าน ศาลรัฐธรรมนูญปอดแหก ปล่อยโจรลอยนวลคดีซุกหุ้น1
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น