วันจันทร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ตรรกะเห่ย ๆ ของนักกฎหมายชื่อ วีรพัฒน์ ปริยวงศ์








จริง ๆ ไม่รู้วีรพัฒน์จะหน้าด้านอ้างว่าเป็นนักกฎหมายอิสระไปทำไม

เพราะถ้าเป็นนักกฎหมายอิสระจริง ๆ ก็ต้องไม่เคยรับเงินเดือนจากพวกนักการเมือง แต่วีรพัฒน์ รับเงินเดือนจากนักการเมือง แล้วก็มาแสดงความเห็นกฎหมายทางการเมือง แบบนี้จะเรียกว่า เป็นนักกฎหมายอิสระไม่ได้หรอกครับ

แนะนำอ่าน วีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักกฎหมายจอมสร้างภาพ

สำหรับบทความนี้ผมจะชี้ให้เห็นว่า นักกฎหมายที่จบจากฮาร์ดวาร์ด (Harvard University) คนนี้มักชอบยกตัวอย่างด้วยตรรกะเห่ย ๆ เสมอ ซึ่งถ้าใครคล้อยตามตรรกะของนายวีรพัฒน์ ก็แสดงว่า เป็นพวกเห่ยเหมือนกัน

โดยผมจะยกตัวอย่างกรณีที่วีรพัฒน์ เห็นแย้งกับข้อเสนอของ กกต. ที่แนะนำให้รัฐบาลเลื่อนการเลือกตั้งออกไป

ก่อนอื่นเราต้องมาดูเหตุผลข้อเสนอของ กกต. ต่อรัฐบาล กันก่อนดังนี้ (โดยเฉพาะในข้อ 4 และข้อ 5)

1.กกต.ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอโทษประชาชนที่ไม่อาจอำนวยการให้การดำเนินการรับสมัครเลือกตั้งเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อยได้

2.ปรากฏการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น เป็นสิ่งที่ กกต.ได้เคยส่งสัญญาณต่อผู้มีส่วนรับผิดชอบแล้วว่าเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ และยิ่งจะทวีความรุนแรงหากเดินหน้าจัดการเลือกตั้งต่อไป จนอาจเป็นต้นเหตุของความไม่สงบ ความโกลาหล การจลาจล และการสูญเสียเลือดเนื้อของพี่น้องประชาชน

3.การรับสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เป็นเพียงกระบวนการขั้นต้นของการเลือกตั้ง ซึ่งต่อไปภายหน้ายังมีการรับสมัคร ส.ส.เขต การหาเสียง การเลือกตั้ง การนับคะแนน และประกาศผล และหากความขัดแย้งในแนวคิดระหว่างการมีหรือไม่มีการเลือกตั้งยังคงอยู่ เป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้ไม่ยากว่า การเลือกตั้งจะไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ด้วยความสงบเรียบร้อย และ กกต.คงไม่สามารถดำเนินการจัดการเลือกตั้งให้เกิดความสุจริตและเที่ยงธรรมตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญได้อีกต่อไป

4.กกต.ขอส่งข่าวสารผ่านแถลงการณ์ฉบับนี้ถึงรัฐบาล คู่ขัดแย้ง และทุกภาคส่วนในสังคมว่า การเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ.57 จะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่มีการทำความเข้าใจและสร้างข้อตกลงร่วมกันเพื่อความสงบสุขในสังคมระหว่างฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น กกต.จึงขอให้รัฐบาลพิจารณาเลื่อนการเลือกตั้งออกไปจนกว่าจะมีข้อตกลงร่วมกันดังกล่าว ทั้งนี้ กกต.พร้อมที่จะทำหน้าที่เป็นคนกลางในการหาข้อยุติร่วมกัน

5.หากยังไม่มีการดำเนินการใดๆ เพื่อให้เกิดการคลี่คลายสถานการณ์ในทางที่ดีขึ้น กกต.จะพิจารณาใช้สิทธิและอำนาจหน้าที่ของกรรมการการเลือกตั้งในฐานะกรรมการการเลือกตั้งรายบุคคล เพื่อตัดสินใจคลี่คลายสถานการณ์ตามวิจารณญาณที่เหมาะสม



การที่ กกต. แถลงนี้ คือ การเสนอให้รัฐบาลเลื่อนเลือกตั้งออกไป ย้ำ ! ว่าเป็นแค่ข้อเสนอ

เพราะ กกต.เองรู้ว่า กกต.เองยังไม่มีอำนาจโดยตรงที่จะเลื่อนการเลือกตั้งออกไปได้เองทั้งหมดโดยลำพัง แต่หากรัฐบาลเห็นด้วยกับข้อเสนอของ กกต. มันก็พอจะมีทางออกร่วมกันที่จะเลื่อนการเลือกตั้งออกไปได้

ย้ำว่า การเมืองจะมีทางออกเสมอ ไม่มีทางตันจริง ๆ หรอกครับ

----------------

ทีนี้มาดูความเห็นเห่ย ๆ ของนายวีรพัฒน์



สิ่งที่นายวีรพัฒน์อ้างว่า กกต.กำลังจับสลากหมายเลข 157 ให้ตัวเอง คงหมายถึง กกต.กำลังจะละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ผิดกฏหมายอาญามาตรา 157

“มาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ”


การที่ กกต. เสนอต่อรัฐบาลให้เลื่อนการเลือกตั้ง เหตุเพราะเกรงการนองเลือดเกิดขึ้นอีก มันก็คือการแสดงความเห็นของ กกต. โดยสุจริต ซึ่งถือเป็นสิทธิที่ กกต.สามารถกระทำได้  เพราะมันได้เกิดเหตุการณ์นองเลือดขึ้นจริง ๆ ในวันจับสลากหมายเลขพรรคการเมือง ซึ่งคือสิ่งยืนยันว่า ข้อเสนอของ กกต. เป็นข้อเสนอที่สุจริตมีเหตุผลรองรับ

กกต.ก็แค่เสนอความเห็นเท่านั้น ซึ่งต่อมารัฐบาลก็รีบชี้แจงทันทีว่า รัฐบาลไม่อาจกระทำตามที่ กกต. เสนอได้

ส่วนกรณีที่รัฐบาลไม่แก้ปัญหาให้สถานการณ์ดีขึ้นได้ กกต. อาจใช้สิทธิส่วนบุคคลนั้น คงหมายถึง กกต.อาจจะลาออก เมื่่อลาออกแล้ว ก็จะไม่เข้าข่ายการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 แต่อย่างใด

แต่นายวีรพัฒน์ กลับอ้างมั่วด้วยตรรกะเห่ย ๆ ด้วยการนำ กกต. ไปเปรียบเทียบกับพวกโจรใต้ไปซะนั่น

ถ้านายวีรพัฒน์เห็นว่า กกต. กับ โจรใต้เอามาเปรียบเทียบกันได้ ผมว่านายวีรพัฒน์นี่ขั้นเลวเลยนะ

เพราะ กกต. เขาทำตามครรลองธรรม คือใช้สิทธิในการแสดงความเห็นและเสนอความเห็นต่อรัฐบาลอย่างเปิดเผยและมีเหตุผลรองรับ แต่โจรใต้มันไม่ได้ใช้สิทธิแบบนี้ แต่มันคือการก่อการร้าย

ซึ่งทุกวันนี้พวกโจรใต้มันก็กระทำอยู่แล้ว คือ ฆ่าคนเพื่อหวังให้รัฐบาลยอมทำตามคำเรียกร้องของมัน นั่นคือ ต้องการแบ่งแยกดินแดน

--------------

ตัวอย่างที่ 2




ไม่รู้นายวีรพัฒน์มันจบกฎหมายมาได้อย่างไร เพราะแค่เรื่องหลักพื้นฐานของคำว่ากฎหมาย มันยังไม่เข้าใจเลย

กฎหมายนั้นย่อมเปลี่ยนแปลงได้ ตามกาลเวลาและเหตุผลที่เปลี่ยนไปของสังคม เช่นในช่วงเวลาหนึ่งกฎหมายเก่ามันไม่อาจตอบโจทย์ของสังคมได้ต่อไป ก็ต้องแก้กฎหมาย หรือออกกฎหมายใหม่

แต่ตรรกะของนายวีรพัฒน์ เข้าทำนองว่า กฎหมายต้องถือเป็นสิ่งตายตัวเปลี่ยนแปลงไม่ได้เลย หรือใครจะเสนอให้เปลี่ยนแปลงกฎหมายไม่ได้ เช่น

เหตุผลข้อแรก ตรรกะเรื่องคนขับรถเมล์

ถ้าคนขับรถเมล์เห็นข้อบกพร่องของกฎหมายจราจร และจะเสนอรัฐบาลให้ช่วยแก้กฎหมายให้ดีขึ้น ก็ต้องนับว่าเป็นเรืองที่ดี

แต่นายวีรพัฒน์ยกตัวอย่างทำนองว่า ถ้าคนขับรถเมล์เสนอแก้ไขกฎหมายกลายเป็นเรื่องผิด คนขับรถเมล์ไม่มีสิทธิเสนอข้อคิดเห็นในการแก้กฎหมายซะงั้น

เพราะเดี๋ยวนี้ประเทศไทยได้มี พ.ร.บ.เข้าชื่อเสนอกฎหมาย หรือการขอเสนอแก้รัฐธรรมนูญโดยประชาชนได้ประกาศใช้แล้วนะครับ

โดยถ้าเสนอกฎหมายปกติ ประชาชนต้องเข้าชื่อ 1 หมื่นคน ส่วนถ้าเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประชาชนต้องเข้าชื่อ 5 หมื่นคน (การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ได้จำกัดสิทธิที่พวก สส. อีกต่อไปแล้ว)


เหตุผลข้อที่ 2 และข้อที่ 3 เรื่อง ตรรกะเรื่องทหาร ตรรกะเรื่องหมอ

ตรรกะเรื่องทหารกับหมอ ที่นายวีรพัฒน์ยกตัวอย่าง เป็นการที่ทหารและหมอเสนอเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง คือ หวังให้ตัวเองสบายขึ้น!!

ทหารไม่อยากไปลาดตระเวนที่พื้นที่ที่ชาวบ้านต่อต้าน เท่ากับทหารอยากสบายขึ้น ทั้ง ๆ ที่ทหารมีหน้าที่ต้องไปเข้าหาชาวบ้านเพื่อสร้างความสงบสุข

แต่ถ้าทหารเสนอให้รัฐบาลยกเลิกพื้นที่ที่พรก.กำหนด เพื่อคลายสถานการณ์ตึงเครียด แต่ทหารก็ยังเข้าไปลาดตระเวนในพื้นที่นั้นเหมือนเดิม ก็ไม่เห็นจะแปลก


ส่วนตรรรกะเรื่องหมอเสนอปรับอัตราค่ารักษา เพราะหมออยากให้ตัวเองงานน้อยลง หมอจะได้สบายขึ้น เป็นการขอเพื่อประโยชน์ของหมอชัดเจน

แต่กรณีข้อเสนอของ กกต. นั้น กกต.เสนอเพื่อให้ไม่ต้องการมีเหตุการนองเลือดของประชาชนเกิดขึ้นอีก ไม่ได้เป็นการเสนอเพื่อประโยชน์ของตัวเอง

ฉะนั้นตรรกะทั้งข้อ 2 และข้อ 3 เป็นตรรกะที่นายวีรพัฒน์จะเอามาเปรียบเทียบกับกรณี กกต.เสนอรัฐบาลเลื่อนเลือกตั้งไม่ได้

เพราะการที่ กกต. เสนอให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไป ก็เพื่อต้องการให้รัฐบาลและฝ่าย กปปส. ไปหาทางให้เกิดสันติเกิดขึ้นก่อน แล้วค่อยมาเลือกตั้งก็ได้ เพราะไม่ต้องการให้เกิดการนองเลือดอีก

มันจะมีประโยชน์อะไร ถ้าการเลือกตั้งกลายเป็นการเลือกตั้งเลือด !!

(หมายเหตุ แต่เรื่องที่เกิดขึ้นจริง เช่น หมอเสนอให้ปลด รมว.สาธารสุข ไงวีรพัฒน์ !! หรือ การที่หมอมีงานเยอะมีคนไข้จนล้นมือ เพราะโครงการ 30 บาท ก็ทำให้มีหมอมากมายลาออกไปอยู่โรงพยาบาลเอกชน)



เหตุผลข้อที่ 4 ตรรกะเรื่องครู

ถ้าครูเห็นข้อเสนอของผู้ปกครองดีมีเหตุผลว่าหลักสูตรเก่ามันมีข้อผิดพลาด ควรแก้ไขปรับปรุง ก็ไม่แปลกถ้าครูจะเสนอให้มีการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรการเรียนการสอน

ไม่เห็นจะผิดตรงไหนเลยนะ นายวีรพัฒน์ เพราหลักสูตรการศึกษาไทยมันเปลี่ยนแปลงมาตลอดแทบทุกปีอยู่แล้ว

------------------------

ขอย้อนกลับมาที่ตรรกะโจรใต้ของวีรพัฒน์ 

ตอนนี้โจรใต้ยังไม่เคยวางระเบิดบังคับขู่เข็ญให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไป ตรรกะนี้แสดงว่า วีรพัฒน์คิดว่า พวกโจรใต้เป็นพวกรู้จักหน้าที่อย่างนั้นหรือ ?

ถ้าวีรพัฒน์คิดว่าใช่ ก็แสดงว่า วีรพัฒน์ก็ชั่วพอ ๆ กับพวกโจรใต้นั่นแหละ 555

นี่แน่ ๆ ผู้สมัคร สส.สังกัดพรรคเพื่อไทย นั่นแหละ ที่สนิทกับโจรใต้เป็นอย่างดี

---------------

ในประเด็นประมวลกฎหมายมาตรา 112 วีรพัฒน์ เคยเสนอให้ศาลฎีกาตีความกฎหมายนี้ให้ชัดเจน

แล้วในประเด็นรักษาการนายกรัฐมนตรีลาออกได้หรือไม่ ?

ทำไมวีรพัฒน์ไม่ลองเสนอให้รัฐบาลร้องขอศาลรัฐธรรมนูญตีความบ้างล่ะว่า ถ้ารักษาการนายกต้องการลาออก จะขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ?

เห็นแต่วีรพัฒน์ อ้างอย่างเดียวว่า ลาออกไม่ได่ท่าเดียวเพราะขัดรัฐธรรมนูญ

ที่วีรพัฒน์ไม่กล้าเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ เพราะกลัวศาลรัฐธรรมนูญจะตีความไม่ตรงใจที่วีรพัฒน์ต้องการหลอกคนต่อไปจริงไหม ? 5555


คลิกอ่าน คณะกรรมการการเลือกตั้งมีอำนาจหน้าที่เลื่อนการเลือกตั้งได้ตามรัฐธรรมนูญ






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น