วันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

พระกิริยาน่าประทับใจของสมเด็จพระญาณสังวร ฯ กับในหลวงพระโพธิสัตว์







สมเด็จพระญาณสังวร เมื่อครั้งพระองค์ได้รับพระราชทานสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ.2532

ได้มีภาพที่ผมประทับใจอย่างมากนั่นก็คือ ช่วงที่ในหลวงทรงพระราชทานน้ำสังข์รดลงฝ่าพระหัตถ์ของสมเด็จพระญาณสังวร ฯ

สมเด็จพระญาณสังวร ทรงประคองน้ำที่อยู่ในพระหัตถ์ ค่อย ๆ ยกขึ้นมาลูบที่พระเศียรของพระองค์เองจนเปียกอย่างเห็นได้ชัด

ซึ่งภาพแบบนี้ผมเกิดมาก็เพิ่งเคยเห็น เพราะปกติแม้แต่เรารดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ เราก็ไม่ค่อยได้เห็นผู้ใหญ่คนไหนประคองน้ำมารดบนหัวแบบที่สมเด็จพระสังฆราชทรงกระทำ




ดูเหตุการณ์ตามรูปด้านบนในคลิปนี้ครับ งานพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์

(ชมคลิปได้บนคอมพิวเตอร์เท่านั้น และขอบคุณคลิปจากรายการ ดนตรี กวีศิลป์ครับ)

ด้วยที่ในหลวงทรงเคารพสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชทรงเป็นพระอาจารย์ของพระองค์ มาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระญาณสังวร ทรงเป็นพระพี่เลี้ยงในสมัยในหลวงทรงผนวช

ในหลวงจึงทรงมีพระราชอุปถัมป์แก่วัดญาณสังวราราม ฯ จ.ชลบุรี แล้วยกให้เป็นพระอารามหลวงชั้นเอกชนิดวรมหาวิหาร เพื่อเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อสมเด็จพระญาณสังวร  และในหลวงยังทรงให้ถือว่า วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร เป็นวัดประจำรัชกาลที่ 9 คู่กับวัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก ด้วย

------------------

ในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นพระโพธิสัตว์

(ต่อจากนี้โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เพราะมันเป็นความเชื่อส่วนบุคคล จากคำบอกเล่าของพระอริยสงฆ์ที่ล่วงลับไปแล้วหลายรูป)

เพราะในหลวงของเรา ทรงเปี่ยมด้วยทศพิธราชธรรม และทรงมีพระเมตตากรุณามากล้น

ในหลวงของเราทรงเป็นพระโพธิสัตว์ ที่จะสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ที่ 10 ในกัปของพระศรีอารยเมตไตย (พระโพธิสัตว์มีภูมิธรรมระดับพระโสดาบันเป็นอย่างน้อย)

ซึ่งในยุคนั้น พระศรีอาริยเมตไตย จะเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์แรก และในหลวงของเราจะเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ที่ 10 ในกัปนั้น

ในหลวงของเราทรงเคยเกิดเป็นพระยาช้างป่าเลไลยกะ ในสมัยพุทธกาล ที่คอยปรนนิบัติถวายอาหารให้แก่พระสมณโคตมพุทธเจ้าของพวกเราในตอนพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จปลีกหนีเข้าป่า เพราะเบื่อการทะเลาะเบาะแว้งกันเองในหมู่สงฆ์

ช้างปาลิไลกะจักได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ใหม่ในอนาคต ทรงพระนามว่า พระสุมังคละสัมมาสัมพุทธเจ้า ตามที่พระพุทธเจ้าโคดมทรงพระทำนายเอาไว้

บุญบารมีของในหลวงของเรามีมากล้น แต่ก็มีมารผจญมากมายเช่นกัน ดั่งคำกล่าวที่ว่า มารไม่มีบารมีไม่เกิด

ซึ่งหลวงพ่อฤาษีลิงดำ เคยพูดถึงในหลวงว่า ทรงปรารถนาพุทธภูมิมานานแล้ว ซึ่งในชาตินี้พระองค์ทรงบำเพ็ญวิริยะบารมี แล้วพระองค์จะทรงเหลือการเกิดเพื่อสร้างบารมีอีกเพียง 5 ชาติเท่านั้นก่อนจะสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า

------

ส่วนสมเด็จพระญาณสังวร ทรงเคยเป็นพระพี่เลี้ยงให้ในหลวงของเรา เมื่อครั้งที่ในหลวงทรงผนวชเป็นภิกษุ มีพระนามว่า ภูมิพโลภิกขุ

และเมื่อสมเด็จพระญาณสังวร ได้รับพระราชทานน้ำสังข์จากในหลวง พระองค์ก็ทรงรับไว้อย่างตั้งใจ น่าประทับใจแก่ผู้พบเห็นจริง ๆ




แม้ในหลวงจะทรงพูดเรื่อง พระชนม์มายุ 120 พรรษา ด้วยพระอารมณ์ขัน เพื่อเปรียบเทียบเรื่อง ไบโอดีเซล ก็ตาม

ผมก็อยากขอให้พวกเราทุกคนร่วมกันอธิษฐานจิตให้พระราชปณิธานของในหลวงสำเร็จดังที่พระองค์ทรงตั้งพระทัยไว้ครับ

คลิกอ่าน อาลัยสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชในความทรงจำของผม


1 ความคิดเห็น:

  1. ความอ่อนโยนต่อผู้อื่น มีในผู้ที่เจริญในธรรม
    และมีความเชื่อเช่นกัน ว่าในหลวง ท่านเจริญพระโพธิสัตว์ เห็นจากการทำงานเพื่อประโยชน์ต่อผู้คนในวงกว้างมากมาย

    ขอบคุณผู้เขียน ที่นำส่งบทความดีๆค่ะ

    ตอบลบ