หากย้อนไปเมื่ออุทกภัยครั้งใหญ่ เมื่อปี 2554 เราคงจำบทบาท ศปภ. ที่ห่วยแตกกันได้ ถ้าคุณไม่ใช่คนลืมง่ายหรือความจำสั้น
ไม่ว่าจะเป็น กักของบริจาคไว้ให้พรรคพวกตัวเองนำไปแจก หรือสมอ้างใส่ชื่อตัวเองเป็นเจ้าของสิ่งของบริจาค หรือจะเป็นของบริจาคเช่นส้วมลอยน้ำ เรือ เหลือบาน ที่ศปภ. แต่ชาวบ้านผู้ประสบอุทกภัยกลับขาดแคลนเรือ และส้วม เป็นต้น จนต้องให้ช่อง 3 เอาไปแจกแทนเพราะขอไปที่ ศปภ. แล้วเงียบหาย เพราะไม่ใช่เขตที่เลือกสส.เพื่อไทย เป็นต้น
เรื่องห่วยแตกแบบนี้ ถ้าใครไม่เจอกับตัวเอง ก็อาจลืมเลือนไปแล้ว แต่สำหรับบทความนี้ซึ่งยังอยู่ในช่วงเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม.
ผมจะขอย้อนดูความเห็นแก่ตัวของคนใน ศปภ. ซึ่งก็หมายถึง นายกรัฐมนตรีและคนในรัฐบาลที่ร่วมกันบริหารศปภ. ในช่วงที่ ศปภ.ยังตั้งบัญชาการอยู่ที่สนามบินดอนเมือง
นั่นก็คือความเห็นแก่ตัวที่พวกศปภ. ไปลากรถของประชาชนที่นำรถส่วนตัวหนีภัยน้ำท่วม ขึ้นไปจอดบนที่จอดรถชั้น 3 ของลานจอดรถสนามบินดอนเมืองแล้ว
แต่กลับถูกคนของศปภ. ลากรถของพวกเขาลงมาจอดชั้นล่างแทน เพื่อให้เหล่าคณะศปภ. ได้มีที่จอดรถสะดวก ๆ บนชั้น 3 ลานจอดรถสนามบินดอนเมือง แทน
สุดท้ายรถของประชาชนหลายคัน ที่พวกเขาคิดว่ารถของเขาคงปลอดภัยแล้ว กลับกลายต้องจมน้ำท่วมอย่างไม่คาดฝัน เพราะความเห็นแก่ตัวของคนในรัฐบาลยิ่งลักษณ์แท้ๆ
อย่างเช่น รถของคุณประพัฒน์ สินธพวรกุล ซึ่งเป็นพนักงานนกแอร์ คุณได้นำรถมาจอดที่ลานจอดรถชั้น 3 สนามบินดอนเมืองก่อนช่วงน้ำท่วม
แต่ปรากฏว่า ตอนหลังรถของคุณประพัฒน์ กลับถูกลากจากลานจอดรถชั้น 3 ลงมาจมน้ำท่วมที่ชั้่น 1 จากฝีมือคนศปก.
คุณประพัฒน์ บ้านอยู่ปากเกร็ด แต่สุดท้ายปากเกร็ดกลับน้ำไม่ท่วม บ้านคุณประพัฒน์ก็เลยน้ำไม่ท่วม แต่เขาเสียใจว่ารถของเขาที่อุตส่าห์นำมาจอดในที่ปลอดภัยกลับกลายต้องโดนลากลงมาจมน้ำ เพื่อเปิดลานจอดรถให้ว่าง เพื่อให้รถของคณะทำงานใน ศปภ. ได้จอดกันอย่างสบาย
สภาพรถของคุณประพัฒน์ ที่โดนลากจากลานจอดรถชั้น 3 ลงมาจมน้ำท่วมชั้นล่างของสนามบินดอนเมือง


ลองฟังคำพูดของคุณประพัฒน์ ครับ
คุณประพัฒน์ "ป้องกันนะ ไม่ใช่ว่าไม่ป้องกัน ถ้าผมนำมาจอดตรงนี้ตั้งแต่แรก (หมายถึงชั้นล่าง) แล้วน้ำท่วม จะไม่มีผมในวันนี้เลย ผมจะไม่มาพูดอะไรเลย แต่ผมได้นำรถไปจอดไว้ในทีปลอดภัยแล้ว แต่กลับถูกย้ายลงมาที่จุดเสี่ยงที่น้ำจะท่วม คือถ้าเป็นตัวผมน่ะไม่เท่าไหร่
แต่คุณแม่ผมน่ะเสียใจมาก เพราะเขาห่วงรถ แม่ผมเขาบอกทุกวัน"


"ผมเดินตามหาตั้งแต่วันที่11 พฤศจิกา เป็นวันที่ผมรู้ว่ารถผมที่จอดจุดเดิมน่ะหายไปแล้ว พอวันที่ 12 เป็นวันที่ผมนั่งรถเข้ามาเพื่อจะตามหารถ แต่วันนั้นน้ำมันท่วมลึกมาก ผมไม่สามารถลงมาตามหาบริเวณนี้ได้เลย"
ข่าว 3 มิติ รายงาน 28/11/54
---------------------
ตัวอย่างเจ้าของรถที่โดนศปภ. ลากรถลงมาจมน้ำอีกราย
คุณศุกรักษ์ มุ่งฝอยกลาง เปิดใจว่า "ก็ตกใจน่ะครับ เสียความรู้สึกน่ะครับ อุตส่าห์ไปจอดในที่สูงแล้วครับ กลับโดนลากลงมา"


ข่าว 3 มิติ รายงาน 30/11/54
------------------------
ซึ่งวันต่อมา ก็พบว่ายังมีรถที่โดนแบบหนุ่มนกแอร์อีกหลายคัน ซึ่งก็มีเพียงบางคันโชคดี เจ้าของได้เจอพลตำรวจเอกพงศพัศพอดี ทำให้พลตำรวจเอกพงศพัศน์เลยบอกจะซื้อเครื่องยนต์เปลี่ยนให้
โซลูน่าคันนี้แหล่ะครับ ที่เจ้าของเป็นหนุ่มจากลำลูกกาจอดบนชั้น 3 เหมือนกันแต่โดนลากลงมาจมน้ำ พอดีเจ้าของรถมาเจอพลตำรวจเอกพงศพัศน์จะจะเอง แถมเจอต่อหน้าฐาปนีย์ นักข่าว 3มิติซึ่งกำลังรายงานเป็นพยาน ทำให้หนุ่มลำลูกกาคนนี้ เลยได้เครื่องยนต์ใหม่จากพงศพัศน์ฟรี ๆ พร้อมซ่อมฟรีจากโตโยต้า
เพราะพลตำรวจเอกพงศพัศ ในฐานะโฆษกศปภ. ฝ่ายตำรวจ ที่ได้รับมอบหมายจากนายกยิ่งลักษณ์ ให้มาดูแลแก้ไขในเรื่องนี้ ก็เลยถือโอกาสล้างรถคันนี้โชว์ให้นักข่าวได้ถ่ายรูปสร้างภาพแก้ตัวแทน ศปภ.

คนเป็นข้าราชการระดับชั้นพลเอก อย่างพงศพัศ สุดท้ายก็แค่ขี้ข้านักการเมืองเท่านั้น เพราะคนในคณะทำงาน ศปภ. มีมากมาย ที่ควรออกมารับผิดชอบ แต่ทำไมต้องเป็นพงศพัศ ?
พวกนักการเมืองต่างหากที่ต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบ เพราะเป็นผู้กำหนดนโยบาย แต่กลายเป็นว่า พวกนักการเมืองใน ศปภ. ต่างปัดสวะ แล้วส่งขี้ข้าที่มีภาพลักษณ์ดูดีออกมารับหน้าเสื่อแทน นี่แหละที่เขาเรียกว่า ตำรวจยุคนี้เป็นขี้ข้าพวกชั่ว !!
(เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมเคยตั้งกระทู้ไว้ที่บอร์ดสนุก ลองไปอ่านความเห็นของคนในช่วงนั้นกันครับ คลิกที่นี่ )
----------------------
สรุป
คือหลังจากรถหลายคันที่โดนพวกคณะศปภ. ลากลงมาจมน้ำชั้นล่างนั้น ไม่มีรายงานข่าวตามต่ออีกว่า ตกลงเงินที่จะนำมาชดใช้ให้เจ้าของรถเป็นเงินของใครกันแน่ ?
เป็นเงินบริจาคที่ศปภ. ได้มา หรือว่า นำเงินภาษีของชาติมาจ่ายชดใช้ให้พวกเขา ? ทั้ง ๆ ที่เป็นความผิดจากความเห็นแก่ตัวของ ศปภ. เองแท้ๆ
ซึ่งประเด็นสำคัญที่สุด ที่ผมนำเรื่องนี้มาให้รับรู้กันอีกครั้งนั้น ก็เพื่อจะบอกว่า
พวกนักการเมืองในรัฐบาลนี้มันชั่วขนาดไหน พวกตัวเองต่างร่ำรวยมหาศาล เปลี่ยนรถป้ายแดง เปลี่ยนรถใบ้หวยกันเป็นว่าเล่น แต่กลับแสดงความเห็นแก่ตัว ไปลากรถของประชาชนที่เขาหนีภัยลงมาจมน้ำท่วมที่ชั้นล่าง เพื่อให้รถของพวกคณะ ศปภ. ทั้งหลายได้มีที่จอดรถกันอย่างสบาย ๆ
หากคนอาสามาทำงานเพื่อประชาชน แต่กลับเห็นแก่ตัวมากกว่าเห็นแก่ประชาชน ย่อมนำพาชาติวิบัติ ย่อมเชื่อถือและไว้ใจไม่ได้
คณะทำงานศปภ. ถ้าไม่อยากให้ประชาชนเดือดร้อน ก็ทำงานอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาลไปซะก็สิ้นเรื่อง ตอนแรกมาทำงานกันที่ดอนเมือง คุยโวว่าเอาอยู่ๆ แถมมั่นใจว่าดอนเมืองน้ำจะไม่ท่วม สุดท้ายเป็นไงล่ะ ?
แล้วพอน้ำท่วมสนามบินดอนเมือง มีของบริจาคลอยน้ำกันเคว้งคว้างเกลื่อน แล้วไอ้พวกศปภ. ก็ย้ายหนีไปอยู่ตึกกระทรวงพลังงาน หลัง ตึกปตท. แทน
แล้วสุดท้ายเป็นไงล่ะ ? น้ำท่วมตามมาติดๆ อีก
และถ้าใครยังไว้ใจรัฐบาลที่เห็นแก่ตัวแบบนี้ต่อไป ก็ขอบอกว่า โคตรโง่ล่ะครับ
คลิกอ่าน หลักฐานชี้ชัด ให้ควายบริหารจัดการน้ำ (และไปดูหลักฐานอีกชิ้นของความเห็นแก่ตัวของ พวกศปภ.)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น