จากข่าว
พล.ต.ต. อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า เตรียมการเสนอโครงการจำกัดอายุการใช้งานรถยนต์ต่อรัฐบาล อาทิ รถอายุเกิน 7-10 ปี ห้ามนำเข้ามาวิ่งในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งหากนำเข้ามาวิ่งจะต้องเสียภาษีเทียบเท่ารถใหม่ โดยโครงการดังกล่าวได้แนวคิดมาจากประเทศญี่ปุ่น
นี่คือตัวอย่างความโง่แล้วอวดฉลาดของตำรวจไทยอีกกรณี ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นไปทั้งเข่ง แถมรองผบช.น. คนนี้ หน้าดันคล้าย
เสธ.แดงเสียอีก สงสัยอายุอาจไม่ยืน
--------------
แล้วการอ้างว่าได้แนวคิดมาจากญี่ปุ่น เป็นการอ้างชุ่ย ๆ เพราะสักแต่เลือกวิธีการมาแค่บางวิธีการ โดยไม่ศึกษาว่า ที่ญี่ป่นเขาแตกต่างจากไทยอย่างไร
และที่ญี่ปุ่นไม่ใช่อยู่ ๆ เขาจะมาห้ามรถเกิน 7 ปีวิ่ง ตามที่รองผบช.น. อ้างสักหน่อย
แล้วคิดจะเลียนแบบญี่ปุ่นน่ะ หัดดูตั้งแต่ต้นเหตุของปัญหาและวิธีการที่ญี่ปุ่นเขานำมาแก้ปัญหาในขั้นแรกด้วย ไม่ใช่หยิบมาอ้างแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ
นั่นคือการแก้ปัญหาขั้นต้นของญี่ปุ่น เขากำหนดไว้ว่า
ใครจะซื้อรถต้องมีที่จอดรถของตัวเองก่อน ถึงจะมาจดทะเบียนรถใหม่ได้
ซึ่งผมได้เขียนรายละเอียดเรื่องนี้ไว้แล้ว
คลิกอ่าน
-------------
และญี่ปุ่นเขาไม่ได้ห้ามรถเกิน 7 ปีวิ่ง เพราะนั่นคือการ
ละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน เพราะคนญี่ปุ่นที่นิยมเล่นรถเก่ามีมากมาย อยู่ ๆ จะไปห้ามเขาใช้รถเก่าได้ไง
ประเด็นสำคัญมันไม่ใช่รถเก่าหรือใหม่ แต่มันอยู่ที่การบำรุงรักษารถของแต่ละคนต่างหาก อย่างผมเคยเห็นรถยนต์ใหม่อายุไม่เกิน 5 ปี จอดเสียกลางทางก็เห็นบ่อย ๆ
ส่วนรถที่บ้านผมคันนึง มีอายุถึง 18 ปี แต่ยังวิ่งไม่ถึงแสนกิโลเลย ที่สำคัญไม่เคยจอดเสียกลางทางเลยตลอดอายุการใช้งานด้วย
แต่ที่ญี่ปุ่นเขาใช้
วิธีเก็บภาษีรถยนต์ ตามอายุการใช้งาน เช่นรถใหม่ก็เสียภาษีน้อย รถยิ่งเก่ามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเสียภาษีมากขึ้น นี่เป็นวิธีการลดการใช้รถเก่าทางอ้อม
ไม่ใช่อยู่ ๆ จะมาเผด็จการห้ามรถเก่าวิ่งแบบรองผบช.น.โชว์โง่ สักหน่อย
--------------
ที่คนญี่ปุ่นเขาเปลี่ยนรถใหม่ได้บ่อย เพราะราคารถยนต์ในญี่ปุ่นมีราคาถูกว่าราคารถยนต์บ้านเราประมาณ 3 เท่า
เช่นรถยนต์บ้านเราขายคันละ 1.2ล้าน เพราะบวกภาษีสรรพสามิตไปบาน แต่รถยี่ห้อเดียวกันรุ่นเดียวกันนี้ กลับขายที่ญี่ปุ่นประมาณ 3-4 แสนบาทเท่านั้น
(ค่าแรงขั้นต่ำญี่ปุ่นวันละ 2,100บาท ค่าแรงขั้นต่ำไทยวันละ 300บาท)
ถ้าอยากจะให้คนไทยเปลี่ยนรถใหม่บ่อย ๆ ก็ต้องทำให้ราคารถยนต์ในไทยขายถูกเหมือนที่ญี่ปุ่นให้ได้ก่อนเถอะ แล้วรองผบช.น. ค่อยมาเห่าโชว์โง่
-------------
ที่ญี่ปุ่นและกรุงโตเกียว ระบบขนส่งสาธารณะระบบราง เขามีรองรับประชากรได้อย่างเพียงพอและทันสมัย
ถามว่า กรุงเทพ มีระบบขนส่งแบบรางเพียงพอทั่วกรุงเทพแล้วหรือ ?
ที่สำคัญคนญี่ปุ่นเขานิยมการเดินอย่างมาก เวลาจะต่อรถไฟอีกสถานี เขายอมเดินระยะทางไกลไม่น้อยเพื่อไปต่อรถอีกสาย
แล้วคนไทยล่ะ ขยันเดินแบบคนญี่ปุ่นหรือไม่ ?
และ
ที่น่าอิจฉาที่สุดคือ การใช้รถจักรยานในโตเกียวเรียกได้ว่า ทันสมัยที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง เพราะมีเลนจักรยาน มีการเช่ารถ ฝากรถ ที่ทันสมัยมาก แถมยังยืมรถจักรยานได้ฟรี หากใช้รถไม่เกิน 30 นาที
(แล้วผู้ยืมก็ขี่จักรยานไปคืนในที่จอดในอีกจุดก็ได้)
อย่างคนในรัฐบาลeโง่บางคน เคยหาเสียงว่า จะทำรถเมล์ร้อนติดแอร์ให้หมด แต่คิดราคา 10 บาทตลอดสาย มันก็ลืมไปแล้ว
ทั้ง ๆ ที่รัฐบาลควรนำภาษีจากคนกรุงเทพที่ซื้อรถยนต์คันแรกในแต่ละปีมาปรับปรุงรถเมล์ให้ดีขึ้น ดีกว่าเอาไปคืนไปแจกเพื่อประชานิยมในโครงการรถยนต์คันแรกที่ส่งเสริมให้รถยิ่งติดมากขึ้น (อย่างน้อยนำภาษีสักครึ่งนึงจากที่นำไปคืนในโครงการรถยนต์คันแรกมาใช้ก็ยังดี)
แล้วที่อวดว่าจะทำรถไฟฟ้าราคา 20 บาทตลอดสาย มันก็โม้ทั้งเพ
--------------
ที่จริง แค่ตำรวจเข้มงวดกับกฎหมายจราจรให้ดีพอ ก็ลดปัญหารถติดได้เยอะแล้ว
แต่บางทีตำรวจนี่แหละตัวดี ดันไปอำนวยความสะดวกให้โรงเรียนคนรวย ดันไปอนุญาตให้รถผู้ปกครองจอดรถรอลูกหน้าโรงเรียนได้นาน ๆ แถมจอดซ้อนคันก็ได้
มีให้เห็นหลายโรงเรียน จริงไหม ?
ตัวอย่างเช่น บนถนนสามเสน หน้า รร.เซนต์คาเบรียล ตำรวจเป็นเจ้าของถนน เอาใจผู้ปกครอง เลยอนุญาตให้ผู้ปกครองจอดรถรอรับลูกได้ ถึง 2 ช่องทางจราจร
ขนาดเขาให้จอดได้ 2 เลน แต่ก็มีพวกคนรวยยังจะจอดเลนที่ 3 อีกเลนด้วย
ตำรวจนี่แหละตัวดี !!
------------
การไปบังคับว่า ต้องรถใหม่เท่านั้นที่วิ่งในกรุงเทพได้ ก็เท่ากับไปส่งเสริมให้บริษัทรถยนต์ต่างชาติขายรถดีขึ้น แต่คนไทยกลับต้องเป็นหนี้มากขึ้น และต้องเป็นหนี้ทุกๆ 7ปี 10 ปี ในการต้องมาซื้อรถผ่อนรถใหม่กัน เหตุเพราะความจำเป็นที่ต้องใช้รถ เนื่องจากระบบขนส่งสาธารณะดี ๆ มีไม่พอเพียง
ถามจริงเถอะ ใช้หัวแม่ตีนคิดเหรอ รอง ผบช.น. ?
คนไทยมันรวยมากนักเหรอ ? คนไทยเป็นเจ้าของโรงงานผลิตรถยนต์ เป็นเจ้าของยี่ห้อรถยนต์เองเหรอ ?
ไทยเรามันแค่ลูกจ้าง รับจ้างประกอบรถยนต์ให้ต่างชาติ กำไรส่วนใหญ่จากการขายรถยนต์ก็ตกเป็นของเจ้าของยี่ห้อรถเขา
ถ้าไทยขายรถแล้วได้กำไรมากจริง ๆ ป่านนี้ประเทศไทยของเราคงรวยมหาศาลไปแล้ว
--------------
สรุปง่าย ๆ เลยนะ
รองผบช.น. ควรไปเลียนแบบวิธีแรกของญี่ปุ่น ที่ว่า
ใครจะซื้อรถต้องมีที่จอดของตัวเองมาแสดงในการขอจดทะเบียนรถยนต์ก่อน ไม่งั้นจะมีรถส่วนตัวไม่ได้
ไม่ใช่ที่บ้านก็ไม่มีที่จอดรถ แต่เจือกมีรถได้ แล้วเอาไปจอดเกะกะบนถนนหนทางสาธารณะ
ดูตัวอย่างในซอยแคบ ๆ ก็ยังมีคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง เอาเหล็กมากั้นไว้เป็นที่จอดรถส่วนตัวของลูกค้าคอนโด
ขอบคุณรูปประกอบจากคุณ Noi Noi
รองผบช.น. กล้าเสนอวิธีการนี้เป็นกฎหมายหรือเปล่าล่ะ ?
คนไทยไม่ได้รวยเหมือนตำรวจนะ ที่แค่ค่าส่วนแบ่งจากค่าปรับคนทำผิดกฎจราจร เดือน ๆ นึง ตำรวจแต่ละคนก็ได้หลายหมื่นแล้ว ใช่ไหม ?
ถ้ากฎหมายห้ามรถเกิน 7-10 ปีคลอดมาได้จริง ต่อไปคนต่างจังหวัดคงขับรถเก่าผ่านเข้ากรุงเทพไม่ได้ด้วยอีกสิ หรือไง ?
-----------------
ขำสัส !!
เรื่องผัวเมียคู่หนึ่ง ในทาวน์เฮ้าส์เล็กๆ ชานกรุง
ผัว "ที่รัก รถคันนี้เป็นของเราจริง ๆ แล้วนะจ๊ะ พี่อุตส่าห์อดทนผ่อนมาเกือบ 6 ปีในที่สุดรถคันนี้ก็ผ่อนหมด เราหมดภาระเรื่องผ่อนรถไปอย่าง พี่สบายใจขึ้นมากเลยจ้ะ"
เมีย "แต่พี่จ๊ะ ถึงรถคันนี้จะเป็นของเราจริง ๆ แล้วก็ตาม แต่เราก็คงใช้มันได้อีกแค่ปีกว่า ๆ เท่านั้นเองล่ะจ้ะ"
ผัว "อ้าว ทำไมล่ะ"
เมีย
"ก็พอรถเราอายุครบ 7 ปี ตำรวจนครบาลเขาก็ไม่ให้รถของเราเข้าไปวิ่งในกรุงเทพฯ อีกแล้วล่ะจ้ะพี่ สงสัยเราคงต้องซื้อรถใหม่แล้วทนลำบากผ่อนกันอีก 6 ปีเหมือนเดิมมั้งพี่"
พอผัวได้ยินเมียบอกเช่นนั้นถึงกับเข่าทรุด ลงไปนั่งหมดอาลัยตายอยากกับพื้นบ้าน..
คลิกอ่าน คนไทยแม่ง...ไม่แพ้ใครในโลกจริง ๆ