วันอังคารที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ใครวะ ไม่เห็นด้วยกับเรื่องเล่าเช้านี้เพื่อเครื่องมือแพทย์ภูมิภาค






หากคุณผู้อ่านได้อ่านบทความเรื่อง เศรษฐายาวใหญ่ จนยิ่งลักษณ์น้ำแตก ของผมไปแล้ว ชื่อบทความอาจดูวาบหวิว แต่เนื้อหาในบทความผมเน้นเรื่อง ปัญหาความขาดแคลนเครื่องมือทางการแพทย์ในโรงพยาบาลทั่วประเทศ

อีกทั้งในบทความนั้นผมยังได้เขียนเน้นไว้ว่า รัฐบาลที่มาจากพวกนายทุน ย่อมคิดแต่โครงการที่พวกนายทุนจะได้ผลประโยชน์ทับซ้อนร่วมด้วย พวกนายทุนย่อมไม่เห็นความสำคัญในการพัฒนาปัญหาความขาดแคลนโรงพยาบาลและอุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อให้ประชาชนไทยมีใช้อย่างเพียงพอ

ซึ่งบังเอิญว่าบทความนั้นผมได้เขียนก่อนที่ รายการเรื่องเล่าเช้านี้ของสรยุทธ สุทัศนะจินดา จะเริ่มโครงการเรื่องเล่าเช้านี้เพื่อเครื่องมือแพทย์ในภูมิภาคไม่นาน

-------------

ทุกวันนี้เราทุกคนคงยอมรับแล้วว่า สรยุทธ สุทัศนะจินดา เขาคือพิธีกรและผู้เล่าข่าวอันดับ 1 ของไทย เขาได้รับความชื่นชมและศรัทธาจากแฟนข่าว จนเขาสามารถระดมทุนบริจาคจากประชาชนได้เงินจำนวนมากและรวดเร็วในโครงการช่วยเหลือต่าง ๆ ที่ผ่านมาได้หลายโครงการ

ซึ่งต้องยอมรับว่า สรยุทธ เขามีส่วนช่วยเหลือสังคมได้มากทีเดียว น้อยนักที่จะมีใครสักคนที่เวลาขอความร่วมมือระดมทุนบริจาคอะไรจากประชาชนทั่วประเทศ แล้วจะมีประชาชนมาร่วมใจกันบริจาคได้มากเท่ากับนี้

อย่างกรณีบริจาคเพื่อจัดหาเครื่องมือแพทย์ที่ขาดแคลนในภูมิภาค ยอดบริจาคเพิ่มขึ้นวันละ 1-2 ล้านบาททุกวัน จนในขณะที่ผมเขียนบทความนี้ยอดบริจาคมากถึง 51 ล้านบาทแล้ว




และในแต่ละวันของรายการเรื่องเล่าเช้านี้ สรยุทธจะนำเรื่องปัญหาความขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์ชนิดต่าง ๆ ในโรงพยาบาลภูมิภาคมาเล่าให้แฟนข่าวฟังทุกวัน

ซึ่งหากใครได้ฟังย่อมเข้าใจได้เลยว่า ประเทศไทยนี้ ช่างน่าสงสารนัก อนาถายิ่งนัก ที่ภาครัฐละเลยสนใจปัญหาความขาดแคลนอุปกรณ์ช่วยชีวิตทางการแพทย์ในภูมิภาค

ผู้ป่วยที่ไม่ควรจะตาย ก็ต้องมาตายเพราะปัญหาเรื่องความขาดแคลนเครื่องมือแพทย์มากมาย

ผมถึงต้องยกย่องชื่นชมสรยุทธ ที่เขามีส่วนช่วยในการระดมทุนบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยในภูมิภาคได้มากและเร็วจริง ๆ  (เรื่องใดทำไม่ดีผมก็ด่า แต่เรื่องใดดี ๆ ที่เขาทำก็ต้องชื่นชม)

แต่แล้ว !! เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 56 ในรายการเรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา ผมกลับพบสิ่งผิดปกติบางอย่างในรายการ ช่วงประชาสัมพันธ์หาทุนบริจาคเพื่อเครื่องมือแพทย์

นั่นคือ สรยุทธ พูดว่า โครงการนี้มีผู้ไม่เห็นด้วย และคงจะขอบริจาคไปอีกสักระยะหนึ่งเท่านั้นและคงจะปิดโครงการ

หรือแม้แต่คำว่า "ขาดแคลน" สรยุทธก็ไม่กล้าจะใช้คำ ๆ นี้อีก แต่เลี่ยงไปใช้คำว่า ต้องการเครื่องมืออะไรเพิ่มเติม แทน

คุณผู้อ่านลองรับชมตามคลิปด้านล่าง และลองฟังที่สรยุทธพูดดูครับ




หรือแม้แต่ รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ในวันที่ 17 มิ.ย.56

ที่สุราษฎร์ธานี มีข่าวเกี่ยวกับเด็กป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้อหายใจอ่อนแรง ซึ่งต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดชีวิต

คลิกดูคลิปข่าวนี้ที่นี่

สรยุทธ พูดออกมาว่า "ผมไม่กล้าเปิดขอรับบริจาคฮะ เพราะอย่างนั้น ก็อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูนิดนึง คือถ้าได้เครื่องช่วยหายใจเครื่องนึง แล้วให้น้องกลับไปอยู่บ้านได้ตลอดชีวิต"

----------------------------


จากทั้งหมดที่ผมนำมาให้ดูนั้น ได้พบความผิดปกติว่า ต้องมีใครที่มีอำนาจคงเดือดร้อนที่สรยุทธ ประกาศทำโครงการขอรับบริจาคเครื่องมือแพทย์เหล่านี้แน่นอน

ซึ่งที่จริงก็มีลางบอกเหตุมากลาย ๆ สักอาทิตย์นึงที่ผ่านมาได้แล้ว เมื่อมีโรงพยาบาลในจังหวัดหนึ่ง ไม่กล้าให้สรยุทธเอ่ยชื่อโรงพยาบาล ว่าขาดแคลนเครื่องมือแพทย์

แต่ผมไม่คิดว่า เรื่องจะเริ่มแรงขึ้น จนสรยุทธยังต้องออกปากว่า ไม่กล้าขอรับบริจาค หรือไม่กล้าแม้จะใช้คำว่า "ขาดแคลน" อีก

ทำไมนะโครงการดี ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนแบบนี้ อุตส่าห์มีเจ้าภาพออกหน้าหาทุน กลับมีอำนาจมือจากคนมีอำนาจ ซึ่งผมเชื่อว่าต้องเป็นอำนาจรัฐแน่ ๆ ที่มาขัดขวางการระดมทุนบริจาคซื้อเครื่องมือแพทย์ของสรยุทธ

ใครมันชั่งบาปกรรมยิ่งนัก ที่มาขัดขวางการทำความดีร่วมกันของประชาชนทั้งประเทศ

บาปหนักจะต้องลงโทษไอ้คนที่ไม่เห็นด้วยกับโครงการดี ๆ แบบนี้แน่นอนครับ

แถมดันมาเกิดในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ซะด้วย




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น