วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2559

กิตติรัตน์ จอมโกหกหน้าไม่อายเสร่อแนะใครทำงานไม่ได้ผลจงลาออกไป






ขึ้นชื่อว่า คนโกหกจนเป็นสันดาน ไม่ทำชั่วย่อมไม่มี

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีต รมว.คลัง ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ฺ ได้ชื่อว่า เป็นจอมโกหกตัวจริงเสียงจริง เพราะเคยพูดอย่างไรไว้ ก็กลับคำพูด แกล้งจำไม่ได้ และไม่รับผิดชอบการกระทำผิดพลาดของตนเอง

โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2559 ที่ผ่านมา นายกิตติรัตน์ ได้โพสเฟสบุ๊คส่วนตัว โอ้อวดตนว่า ที่ผ่าน ๆ มา ตนเองมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ หากทำงานอะไรแล้วไม่ได้ผล ตนเองก็จะขอลาออก

แล้วนายกิตติรัตย์ก็แนะว่า ใครที่ทำงานไม่ได้ผล ก็จงลาออกไปเสีย



แค่เรื่องการเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลทีมชาติไทย แล้วทำให้ทีมชาติไทยอันดับดีขึ้น ในปี 2550 - 2551 จาก 3 หลักมาเป็น 2 หลัก นายกิตติรัตน์ก็โกหกแล้ว เพราะความจริงในปีนั้นทีมชาติไทยอันดับตกลงไปตามกราฟนี้ของฟีฟ่า และยังมีอันดับ 3 หลักเหมือนเดิมครับ

คลิกที่รูปเพื่อขยาย

http://www.fifa.com/fifa-world-ranking/associations/association=tha/men/


ทีนี้เรามาย้อนดูวีรเวรวีรกรรมในอดีตของนายกิตติรัตน์กัน

อย่างเช่น นายกิตติรัตน์ เคยพูดว่า ถ้าโครงการจำนำข้าวใช้เงินขาดทุนเกินกว่า 6 หมื่นล้านบาทมากกว่าที่รัฐบาลประชาธิปัตย์เคยทำในโครงการประกันราคา รัฐบาลเพื่อไทยก็อยู่ไม่ได้

สื่อทุกฉบับและสื่อทีวีนำเสนอคำพูดนี้ของนายกิตติรัตน์มากมาย  อย่างเช่น ข่าวที่สรยุทธรายงานตามคลิปนี้

คลิป เรื่องเล่าเช้านี้ กิตติรัตน์เดิมพัน


โดยนายกิตติรัตน์พูดว่า "ถ้ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ใช้เงินในการจำนำข้าวมากกว่ารัฐบาลที่แล้วที่ใช้ในการประกันราคาข้าว รับรองรัฐบาลชุดนี้ก็อยู่ไม่ได้ ไม่ต้องตั้งคำถามเลยว่า ในฐานะรัฐมนตรีเศรษฐกิจจะรับผิดชอบอย่างไร"

แต่พอโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์เจ๊งเสียหายหลายแสนล้านบาท พอมีสื่อไปทวงถามคำพูดของกิตติรัตน์ กิตติรัตน์ก็เลยแกล้งโง่ อ้างว่า ไม่เคยพูดว่าจะลาออก ตามข่าวนี้

7 มิ.ย.56 นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยกรณีที่นายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรมว.คลัง ออกมาระบุว่า ตนเคยให้สัมภาษณ์ว่า ถ้านโยบายจำนำข้าวเสียหายมากกว่าโครงการประกันรายได้เกษตรกร ที่มีอยู่ประมาณ 60,000 ล้านบาท ก็ไม่ต้องพูดถึงความรับผิดชอบ คงอยู่ไม่ได้ว่า "ไม่เคยพูดว่าจะลาออกจากตำแหน่งหากโครงการจำนำข้าวขาดทุนเกิน 6 หมื่นล้านบาท เพราะหากพูดจริงก็คงต้องมีหลักฐานหรือคลิปมาชี้แจงแล้ว ไม่ใช่แค่ข่าวลือว่าพูดเท่านั้น"

ใช่ครับ แม้คำพูดตรง ๆ ของนายกิตติรัตน์จะไม่ได้พูดว่า จะลาออก แต่ความหมายที่นายกิตติรัตน์พูดนั้น คนทั้งประเทศรับรู้ว่า ต้องแสดงความรับผิดชอบในฐานะที่ทำโครงการไม่ได้ตามที่พูดไว้ (ซึ่งก็ควรลาออก)

เท่ากับนายกิตติรัตน์ พยายามแถเพื่อเลี่ยงบาลีชัด ๆ แล้วยังจะเสร่อมาแนะนำคนอื่นอีกว่า ถ้าทำงานไม่ได้ผล ก็จงลาออกไปเสีย (ถุยส์!!)


เรื่องต่อมาคือ การโกหกสีขาวของนายกิตติรัตน์ ซึ่งจริง ๆ มันไม่ใช่โกหกสีขาว แต่เป็นการโกหกหน้าด้านต่างหาก

โดยนายกิตติรัตน์ ได้โกหกเรื่องตัวเลขการส่งออกของไทย โดยยืนยันว่า สูงถึง 15% แน่นอน แต่เมื่อตัวเลขการส่งออกไม่ได้สูงอย่างที่นายกิตติรัตน์เคยยืนยันไว้ ต่อมานายกิตติรัตน์ได้พูดแก้ตัวว่า

“ปีนี้การส่งออกจะเติบโตไม่ถึง 15 เปอร์เซนต์ ซึ่งไม่น่าแปลกใจ โดยก่อนหน้านี้การที่ผมได้ยืนยันว่า การส่งออกจะขยายตัวได้ 15 เปอร์เซ็นต์ เป็นไปตามหน้าที่ ซึ่งในฐานะ รมว.คลัง และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ที่สามารถพูดไม่จริงได้ในบางเรื่อง และขณะนี้ก็ตั้งเป้าให้ส่วนราชการผลักดันส่งออกให้ได้ 9 เปอร์เซนต์”

“คำภาษาอังกฤษ เขาใช้คำว่า White lie คือ การพูดไม่จริงสีขาว ถ้าผมพูดตั้งแต่ต้นปีว่า เราคงจะขยายตัวส่งออกไม่ได้ ความไม่มั่นใจจะอยู่ในภาวะอะไร เวลานั้นใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะพูดอย่างนั้นไหม แล้วในแง่ของความตั้งใจ ตั้งเป้า ผมก็พูดชัดเจนว่า เป้าในการทำงาน ผมก็จะทำราวกับว่าจะทำให้การส่งออกขยายตัวได้ 15 เปอร์เซนต์” นายกิตติรัตน์กล่าว

คลิป กิตติรัตน์แก้ตัวโกหกสีขาว


หลังจากนายกิตติรัตน์ ได้ออกมายอมรับว่า ได้โกหกตัวเลขการส่งออก ก็ถูกหลายฝ่ายออกมาตำหนิ เช่นสภาอุตสาหกรรม และหอการค้าไทย ได้ตำหนิว่า รมว.คลังไม่ควรโกหกเรื่องตัวเลขการส่งออก เพราะจะทำให้การวางแผนการลงทุนของเอกชนเกิดความผิดพลาดและคลาดเคลื่อนได้

เมื่อตัวเลขการส่งออกไม่ได้ผลตามที่ตัวเองยืนยัน นายกิตติรัตน์ก็ไม่ลาออก แต่กลับแถแก้ตัวแถหน้าด้าน ๆ ทั้งที่มันคือการโกหกต่อประชาชนอย่างไม่ละอายใจ

แล้วเรื่องที่น่าทุเรศที่สุด ก็คือ นายกิตติรัตน์ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบา่ลยิ่งลักษณ์ไม่สามารถขายข้าวในโครงการจำนำข้าว เพื่อนำเงินมาจ่ายให้ชาวนาให้ได้ทันตามเวลาที่ระบุไว้ในใบประทวน จนมีชาวนาฆ่าตัวตายหลายราย

ตามคลิปข่าวนี้ นายกิตติรัตน์ยังโกหกต่อหน้าชาวนา จนถูกชาวนาขับไล่


ัเมื่อจ่ายเงินให้ชาวนาไม่ได้ตามกำหนดเวลา นายกิตติรัตน์ก็ยังหน้าด้านต่อไป โดยไม่ลาออก ทั้งที่เป็นผลงานที่ล้มเหลวที่สุด

แล้วถ้ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ ไม่คิดแต่จะออกกฎหมายนิรโทษกรรมเหมาเข่ง ถามว่า กปปส. จะหาเหตุออกมาขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์จนได้คนมากมายขนาดนั้นหรือ ?

แล้วถ้ายิ่งลักษณ์เลือกไม่ยุบสภา แต่ยิ่งลักษณ์เลือกลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรีตามคำเรียกร้องของ กปปส. เสียตั้งแต่แรก บ้านเมืองก็คงไม่ตกอยู่ท่ามกลางสุญญากาศทางการเมือง จนทำให้ คสช. จำเป็นต้องออกมารัฐประหารหรอก

ฉะนั้น การที่นายกิตติรัตน์ เสร่อออกมายกหางตัวเองว่า ถ้าตัวเองทำงานไม่ได้ผลแล้วก็จะลาออก จึงถือว่า เป็นการโกหกคำโตของนายกิตติรัตน์ อีกครั้งหนึ่ง

คลิกอ่าน การโกงระดับพื้นฐานของทักษิณ




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น