วันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

คำขวัญตกยุค ฉันรักธรรมศาสตร์ เพราะธรรมศาสตร์สอนให้ฉันรักประชาชน







ที่มาคำขวัญ

"ฉันรักธรรมศาสตร์ เพราะธรรมศาสตร์สอนให้ฉันรักประชาชน" เป็นวลีอมตะของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วาทะสำคัญนี้มีต้นเค้ามาจาก มองนักศึกษา มธก. ผ่านแว่นขาว บทความของกุหลาบ สายประดิษฐ์ (ศรีบูรพา) ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัย ซึ่งสะท้อนชัดหลักการของประชาคมธรรมศาสตร์ นับแต่มหาวิทยาลัยนี้กำเนิดขึ้นมาเมื่อ พ.ศ. 2477 ภายใต้อุดมการณ์ประชาธิปไตย เสรีภาพ และความเสมอภาคทางการศึกษา

โดยปัจจุบันเปรียบเสมือนคำขวัญอย่างไม่เป็นทางการของมหาวิทยาลัย และประชาคมธรรมศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่าวาทะดังกล่าวนี้อธิบายความหมายของจิตวิญญาณธรรมศาสตร์ได้อย่างดีที่สุด

ทั้งนี้ ปัจจุบันมีเสียงสะท้อนเกี่ยวกับความเป็นไปของวาทะดังกล่าว เช่น เป็นเครื่องหมายการค้าของมหาวิทยาลัยเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ทางธุรกิจ หรือ ปัจจุบันนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ใช้วาทะนี้เพียงเพื่อโอ้อวดตน เป็นต้น

ที่มา วิกิพีเดีย

-------------------------

พอยุคสมัยเปลี่ยน คำขวัญ สโลแกนบางอย่างมันก็ล้าสมัย อาจจะเป็นความจริงอยู่ แต่มันอาจไม่เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบันแล้วก็ได้

พอดีผมเกิดนึกถึงคำขวัญที่ชาวธรรมศาสตร์หลงใหลชื่นชมกันมานาน ก็คือ

"ฉันรักธรรมศาสตร์ เพราะธรรมศาสตร์สอนให้ฉันรักประชาชน"

เหอะ ๆ ถ้าไม่มีใครสอนให้รักประชาชน คิดเองไม่เป็นเหรอ เรื่องง่ายๆ แค่นี้น่ะ 555

--------------------

ยุคนี้การรักประชาชน ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด

คำว่ารักประชาชน มันกว้างมาก เพราะตำรวจดีก็ประชาชน ตำรวจชั่ว ๆ ก็ประชาชน ทหารดีก็ประชาชน ทหารรักตัวกลัวตายมุ่งแต่ลาภยศจนลืมหน้าที่ทหาร ก็ประชาชนเหมือนกัน

แม้แต่โจรปล้นฆ่าก็เป็นประชาชน โจรข่มขืนมันก็ประชาชนเหมือนกัน แล้วจะไปรักประชาชน เห้ ๆ พวกนี้ไปทำซากอะไร ??

มันต้องหัดแยกแยะได้แล้วว่า ควรรักเฉพาะประชาชนดี ๆ ที่รู้จักหน้าที่พลเมืองที่ดีของประเทศชาติ

ไม่ใช่บอกรักประชาชน มันกว้างไป เพราะประชาชนที่บ่อนทำลายชาติ หนักแผ่นดิน ก็ไม่ต้องไปรักมัน

เพราะมนุษย์ชอบยึดถือว่า มนุษย์คือสิ่งมีชีวิตที่สำคัญที่สุดบนโลกใบนี้ มนุษย์จึงเห็นแก่ตัว ทำลายธรรมชาติ ทำลายโลกได้ โดยไม่เกรงใจโลกใบนี้

ทั้ง ๆ ที่โลกใบนี้เปรียบเสมือนพ่อแม่ของสรรพชีวิต ที่เราควรต้องรักษา และเคารพ แต่เพราะมนุษย์ชอบยกตัวเองเป็นใหญ่ จึงชอบทำลายทุกอย่างบนโลกใบนี้ เช่น ตัดไม้ทำลายป่าแค่ไม่กี่ปี ก็ออกจากคุกได้แล้ว เพราะการที่เห็นป่าไม้สำคัญน้อยกว่ามนุษย์นี่แหละ

ฉะนั้น การที่บอกรักประชาชน ในยุคนี้ เป็นการเน้นความสำคัญไปที่ตัวมนุษย์มากกว่าสิ่งอื่นใด ซึ่งผมมองว่า มันตกยุคสมัยไปแล้ว เพราะมนุษย์ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดบนโลกใบนี้อีกแล้ว เพราะมนุษย์คือผู้ทำลายโลกมากกว่าสิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลกใบนี้

สมมุติเช่น ถ้า ไอ้สมศักดิ์ เจียม มันก็อ้างว่า มันรักประชาชน แต่กูไม่รักเจ้า มีไรมะ ? เพราะมันถือว่าเจ้า ไม่ใช่ประชาชน

หรืออย่างไอ้วรเจตน์ ถ้ามันก็อ้างว่า มันรักประชาชนเหมือนกัน แต่มันก็ไม่รักเจ้าเหมือนกัน มีไรปะ ? เพราะมันบอกว่า เจ้ากับประชาชน ใช้กฎหมายคุ้มครองไม่เท่าเทียมกัน !!

ในเมื่อประชาชนส่วนใหญ่รักในหลวง รักสถาบันกษัตริย์ แต่นักวิชาการธรรมศาสตร์ อย่างเช่น สมศักดิ์ เจียม ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และวรเจตน์ กลับมีแนวคิดล้มเจ้า จึงเท่ากับตอแหลย้อนแย้งว่า "รักประชาชน"  เพราะคิดทำลายบุคคลที่ประชาชนรักที่สุด

-----------------------------

รักโลก รักแผ่นดิน รักความเป็นชาติต่างหากคือสิ่งสำคัญที่สุด

การจะรวมเป็นชาติได้ ไม่ได้มีเพียงแค่ประชาชนเท่านั้น เพราะต้องมีผืนแผ่นดิน ขอบเขต และอะไร ๆ อีกหลายอย่างที่ทำให้รวมกันเป็นชาติได้

คำชาติไทย ต้องประกอบด้วย ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ (ประชาชนเป็นส่วนหนึ่งของชาติ)

หากรักชาติเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ก็จะต้องปกป้องชาติ ด้วยการปกป้องแผ่นดิน แต่ถ้ารักประชาชน บางทีก็อาจยอมเสียแผ่นดินโดยอ้างว่า กลัวประชาชนจะตาย กลัวประชาชนจะเดือดร้อน ถุย !! (ไอ้พวกอาจารย์เอี้ยๆ ที่ธรรมศาสตร์หนักแผ่นดินทั้งหลายมันชอบอ้างแบบนี้แหละ)

การแก้ปัญหาโดยเน้นมองที่ปกป้องประโยชน์ของประชาชนหรือคนเป็นหลักจึงไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องนักในยุคนี้

เช่นเรื่องป่าไม้และธรรมชาติของประเทศ หากเรารักแผ่นดินรักประเทศ เราก็ต้องปกป้องทั้งสองสิ่งนี้ว่าเป็นสิ่งสำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่าความสำคัญของมนุษย์ 

เพราะหากประเทศไม่มีป่าไม้ ไม่มีธรรมชาติที่สวยงามเหลืออยู่ เพราะเหลือแต่เศษเดนมนุษย์ แบบนี้ประเทศชาติก็จะไม่น่าอยู่ ความแร้นแค้นอดอยากจะมากขึ้น สุดท้ายความลำบากก็จะตกไปที่ประชาชนคนดี ๆ ด้วย

อย่างในอดีตตั้งแต่โบราณมาก มีความเชื่อที่สอนให้คนเราเคารพธรรมชาติ ไม่ทำลายธรรมชาติ ผ่านความเชื่อเรื่องเจ้าป่าเจ้าเขา รุกขเทวดา 

การสอนให้รักประชาชน หมายถึงเน้นความสำคัญไปที่มนุษย์มากกว่าธรรมชาติ จนทำให้ทุกวันนี้มนุษย์ที่พวกมึงรักนั่นแหละ เอาเปรียบธรรมชาติ ทำลายชาติ ทำลายป่าไม้ จนแทบไม่เหลือแล้ว แม้จะต้องสิ้นชาติเสียแผ่นดิน มันก็ไม่สนใจ เพราะมันเห็นว่า ปัญหาปากท้องของข้าสำคัญที่สุด ขอข้าไปเป็นคนเขมรก็ได้ ข้ายอมเสียแผ่นดินได้ เพราะดีกว่าข้าตาย !!


อย่างผม ผมรักแผ่นดิน รักโลก รักความเป็นชาติ ผมเห็นว่า ต้นไม้ใหญ่อายุเกิน 30 ปี มีค่ามากกว่าคนชั่วตัดไม้ทำลายป่า 1 คนด้วยซ้ำ

หากคนชั่วตัดไม้ใหญ่ 1 ต้น หรือ ฆ่าสัตว์ป่าสงวน  1 ตัว ผมถือว่า มันควรมีโทษเทียบเท่าฆ่าคนตายไป 1 คน

แต่ทุกวันนี้กฎหมายไทยไม่เป็นเช่นนั้น คนชั่วมันต้ดไม้พยุงไปหลายร้อยต้น พอโดนจับได้ ติดคุกไม่กี่ปีก็ได้ออกมาตัดไม้อีกรอบแล้ว

นี่เพราะ หลักคิดที่เห็นว่าคนสำคัญที่สุด หลักคิดที่ว่า เรารักประชาชน โดยที่ไม่แบ่งแยกว่า ประชาชนมีหลายประเภท ประชาชนชั่ว ๆ จะไปรักมันทำไม ??

ที่สำคัญ นักการเมืองชั่ว ๆ มันก็อ้างรักประชาชนบังหน้าทั้งนั้น !!

ฉะนั้นสำหรับผม หลักการรักประชาชน จึงเป็นข้ออ้างที่คนชั่วอ้างเพื่อทำลายชาติได้เหมือนกัน 

คลิกที่รูปเพื่ออ่าน....?





วันอังคารที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

พาดหัวเดลินิวส์ปี18 ของโอ๊ค ตอกย้ำความโง่ยิ่งลักษณ์







ผมล่ะสมเพศตรรกะพวกฟายแดง และอีโอ๊ค พานทองแท้ เพราะเวลารัฐบาลอีโง่มันเจอปัญหาหนักอะไรที่มันแก้ไม่ได้ มันก็จะใช้วิธีที่น่ารังเกียจในการหาทางเอาตัวรอด ด้วยการขุดเอาความล้มเหลวของรัฐบาลประชาธิปัตย์มาโจมตีกลบเกลื่อนแทน

เข้าทำนองว่า จะมาว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์โง่รัฐบาลเดียวไม่ได้นะ รัฐบาลที่แล้วของนายอภิสิทธิ์ก็โง่เหมือนกัน

พวกนักการเมืองชั่วมันโยนความผิดของกันและกันเพื่อเอาตัวรอด แต่ประเทศชาติซวย ประชาชนที่ไม่สนความขัดแย้งทางการเ38มืองของพวกชั่วก็เลยซวยไปด้วย

อย่างเช่น ปัญหาไข่แพง รัฐบาลอีโง่จนตรอกหาข้อแก้ตัวฟังไม่ขึ้น ก็ไปยกเรื่องนโยบายชั่งไข่ของรัฐบาลที่แล้วมาตอบโต้ ทั้งๆ ที่ประเทศที่เขามีคนฉลาดไม่โง่เหมือนฟายแดงทั้งแผ่นดิน เขาก็ใช้วิธีชั่งไข่กันในหลายประเทศ เพื่อประหยัดต้นทุนการคัดไข่ เช่นที่มาเลเซียเป็นต้น

แต่พวกฟายแดงโง่ ๆ มันมีจำนวนมากในประเทศนี้ มันเลยไม่ยอมรับการชั่งไข่ ก็เลยหาว่าการชั่งไข่เป็นวิธีที่โง่ ทั้ง ๆ ที่พวกมันเองนั่นแหละที่โง่ เพราะเขามีทางเลือกให้หลายทางกลับไม่เอาเอง


คลิกที่รูปเพื่อไปอ่านที่อีโอ๊ค พานทองแท้โชว์โง่กับพาดหัวข่าวเดลินิวส์ปี18



หรือจะเป็นล่าสุด อีโอ๊คนำพาดหัวข่าวของเดลินิวส์ ปี 2518 มาอวด แล้วบอกว่า ปัญหาข้าวแพง สินค้าแพง มันเป็นมาตั้งแต่ปี 2518 แล้ว

นี่จึงยิ่งเป็นการสารภาพว่า สุดท้ายรัฐบาลอีโง่ ก็ไม่ต่างกับรัฐบาลที่ผ่าน ๆ มา คือหลอกประชาชนเพื่ออำนาจและผลประโยชน์ของพวกพ้องไปวัน ๆ

โถ ๆ อีโอ๊คเอ๋ย นึกว่าโพสเรื่องนี้จะช่วยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้ กลับกลายยิ่งเป็นการโชว์โง่ซ้ำซากของโอ๊ค ประจานบรรดานายทุนการเมือง และนักการเมืองทุกยุคทุกสมัยว่า

แม่งเลวเหมือนกันหมดทุกรัฐบาล !! แต่รัฐบาลไอ้เหลี่ยมจรจัดพ่ออีโอ๊ค เลวที่สุด และรัฐบาลอีอาหน้าโง่ของอีโอ๊คก็โง่ที่สุด 5555555

จำไว้อีโอ๊ค ตราบใดคนยังต้องกินต้องใช้ ปัญหาเรื่องราคาอาหารค่าครองชีพ มันก็ต้องเป็นปัญหาที่ทุกรัฐบาลต้องตามแก้ไขไปไม่รู้จบ ไม่ใช่ออกมาโชว์โง่แบบมึง

------------------

ฝากอีโอ็ค พานทองแท้ และเหล่าฟายแดงสมองปูปัญญาตะกวดว่า

พวกฟายแดงและอีโอ๊ค พวกมึงเอาแต่คิดว่า ถ้าใครต่อต้านรัฐบาลยิ่งลักษณ์ แสดงว่าต้องเป็นพวกแมงสาปประชาธิปัตย์ ซึ่งมันไม่ใช่ !!

ถ้ารัฐบาลยิ่งลักษณ์หมดปัญญาแก้ปัญหา ก็ไปขุดหาเอาปัญหาที่ล้มเหลวของรัฐบาลประชาธิปัตย์มาตอบโต้ เพื่อกลบเกลื่อนความโง่และความล้มเหลวของรัฐบาลตัวเอง

ก็เท่ากับว่า พวกนักการเมืองอย่างเพื่อไทย มันก็คือพรรคเหี้ย ๆ นี่เอง คือถ้ากูชั่ว ก็ต้องไปหาเรื่องที่คนอื่นเคยทำชั่วมาอ้างเพื่อให้พวกกูรอด

ถุย !! คนไทยเขาต้องการรัฐบาลที่มาแก้ปัญหา ไม่ใช่มาแก้ตัว ถ้าแก้ไม่ได้ก็สารภาพมาซะว่า อีนายกโง่หมดปัญญา ไอ้เหลี่ยมจรจัดก็หมดปัญญา ไม่ใช่แก้ไม่ได้ก็ให้อีหลานเกย์ ออกมาแก้ตัวแบบโง่ ๆ

เมื่อรัฐบาลแก้ปัญหาชาติไม่ได้ ก็ไม่ต้องเอาเรื่องล้มเหลวเก่า ๆ ของรัฐบาลอื่นมาอ้างเพื่อเอาตัวรอด เพราะประชาชนต้องการการแก้ปัญหา ไม่ใช่การแก้ตัวเแบบเหี้ย ๆ เหมือนที่อีโอ๊คยกพาดหัวเดลินิวส์ในปี 18 มาอ้าง


คลิกอ่าน ใครคือตัวต้นเหตุที่ทำให้เกษตรกรไทยยากจน


วันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ยิ่งลักษณ์โชว์กินข้าวตราฉัตร แต่ไม่กล้ากินข้าวโคโค่







เกริ่น

ไม่รู้อีโง่นี่จะไปโรงงานข้าวตราฉัตรทำไม

ก็ข้าวยี่ห้อนี้ เขาไม่ได้ใช้ข้าวจากโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลนี่หว่า !!

---------------------

ณ. โกดังสำหรับใช้รมควันพิษข้าวของข้าวตราฉัตร









ณ. โกดังข้าวบรรจุถุง5 กก. ตราฉัตร






---------------

ที่โกดังเก็บข้าวเพื่อรอการส่งออกต่างประเทศ





ยิ่งลักษณ์ระแวงจัด เลยเกิดอุปทานว่ามีคนแอบจับก้น !! 555 

-----------------

ที่ห้องชิมรสชาติข้าวตราฉัตร












ยิ่งลักษณ์ถามนักวิทยาศาตร์ของข้าวตราฉัตรเพื่อความมั่นใจว่าเธอไม่โดนสารตกค้างแน่

ที่สำคัญย้ำว่า ข้าวตราฉัตรไม่ได้ใช้ข้าวในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลเลย

ทำไมยิ่งลักษณ์ไม่ไปชิมข้าวที่โรงงานที่นำข้าวจากโกดังข้าวของรัฐบาลไปผลิตล่ะ ?? 

ไม่แน่จริงนี่หว่า ? อ้อ.. ลืมไป เอาไว้สร้างภาพหลอกควายไง 5555

สังเกตในทุกรูป ยิ่งลักษณ์หน้าตาไม่สบายเลย เพราะตัวยิ่งลักษณ์เองก็กลัวเหมือนกันแหละวะ 555

----------------------

ปูโชว์แดกข้าว เน้นสร้างภาพ ไม่เน้นแก้ปัญหา

ในเมื่อฝายรัฐบาลและ อย. พยายามจะบอกว่า แม้ข้าวโคโค่จะมีสารตกค้างเกิน แค่ก็ยังปลอดภัย เพราะการเปิดถุงทิ้งไว้ การซาวน้ำ และการหุงทำให้สารตกค้างสลายไปเกือบหมด

แล้วทำไมยิ่งลักษณ์ไม่โชว์กินข้าวตราโค-โค่ ล่ะคร้าบ ??

---------

ขำขัน มุขใหม่ปู !!

เรื่องไหนแก้ปัญหาไม่ได้ ก็อย่าถามเรื่องนั้น

นักข่าว "ท่านคะ มีคนเจอข้าวถุงเน่าค่ะ"
ยิ่งลักษณ์ "ขอร้องสื่ออย่าถามเรื่องข้าวเน่าเลยค่ะ จะทำให้เสียภาพลักษณ์ข้าวไทยหมด"

นักข่าว "ท่านคะ มีคนตรวจเจอข้าวมีสารตกค้างค่ะ"
ยิ่งลักษณ์ "อย่าถามเรื่องสารตกค้างเลยนะคะ ภาพลักษณ์ข้าวไทยจะเสื่อมเสีย ถามเรื่องอื่นนะคะ"

นักข่าว "ท่านคะ น้องไปป์ แย่งโอกาสเด็กคนอื่นไปจูงมือนักเตะเชลซีลงสนามค่ะ"
ยิ่งลักษณ์ "เรื่องนี้ก็ยิ่งห้ามถามเลยนะคะ เดี๋ยวภาพลักษณ์ดี ๆของตระกูลชินวัตรจะเสียหาย"

นักข่าวคิดในใจ "นี่มันยังคิดว่า ภาพลักษณ์ตระกูลของมันยังเหลือดีอีกเหรอ"

----------------

ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง



คลิกอ่าน สส.เพื่อไทยมันโง่ คิดว่า รัฐบาลขายข้าวขาดทุนแค่ตันละ 3 พัน


วันพุธที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เฮ้ย !! พระพยอมโฆษณาขายอุปกรณ์ประหยัดน้ำมัน






จากกรณีเณรคำขายเครื่องฟอกอากาศ ถามว่า ถ้าเป็นพระไปโปรโมทสินค้าแบบนั้นเหมาะสมหรือไม่ ?

ผมตอบว่า ผมก็ไม่รู้ครับ รู้แต่ว่า เณรคำมันสามารถทำได้ เพราะมันไม่ใช่พระมานานแล้ว 555!

ทีนี้ผมดันไปเจอคลิปพระพยอมช่วยโฆษณาสินค้า คือ อุปกรณ์ช่วยรถประหยัดน้ำมัน

เอ่อ.. อันนี้ ผมก็ไม่ทราบว่า พระสามารถทำได้หรือไม่ ?

แต่ที่แน่ ๆ ท่านพยอมท่านทำไปแล้ว ลองดูคลิปตั้งแต่นาทีที่ 9.20 เป็นต้นไปนะครับ



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชมนะครับ ^^

-----------------------------

เตือนผู้บริโภคโดนแหกตา อุปกรณ์ประหยัดน้ำมันทดสอบแล้วใช้ไม่ได้ผล

ปตท.ออกโรงเตือนผู้บริโภคโดนแหกตา อุปกรณ์เสริมและสารเคมีที่ช่วยประหยัดน้ำมัน ไม่สามารถช่วยประหยัดน้ำมันได้จริง ผลพิสูจน์แล้ว ไม่มีรายใดผ่านมาตรฐานสากล เพียงแค่ผู้ผลิตอ้างสรรพคุณให้หลงเชื้อเท่านั้น ชี้หากพัฒนาได้จริง อุปกรณ์หรือผลิตภัณฑ์ต้องถูกนำมาติดตั้งในรถยนต์แล้ว เพื่อเป็นตัวเสริมช่วยชิงส่วนแบ่งการตลาด

ดร.ธานินทร์ อุทวนิช ผู้จัดการฝ่ายวิจัยวิศวกรรมและเครื่องยนต์ สถาบันวิจัยและเทคโนโลยี บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) เปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ"ว่า ในช่วงที่เกิดภาวะราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นเวลานี้ ได้ส่งผลให้มีผู้ประกอบการหลายรายได้ออกมาเสนอขายผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดการใช้น้ำมันของยายนต์ในตลาดมากขึ้น

โดยจะอ้างคุณสมบัติในการช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้หลาย 10 % และเมื่อราคาน้ำมันลดลงมาอยู่ในภาวะปกติ สินค้าเหล่านี้จะค่อยๆ ลดกิจกรรมด้านการตลาดลง ซึ่งจากประสบการณ์ในรอบ 20 ปีที่ทำงานด้านนี้มา พบว่ามีสินค้าที่อ้างว่าช่วยประหยัดน้ำมันได้จะมีอยู่ 2 กลุ่มใหญ่

กลุ่มแรก ได้แก่เป็นอุปกรณ์เสริมติดตั้งในรถยนต์ กลุ่มที่ 2 เป็นประเภทสารเคมีสำหรับเติมลงในน้ำมันเชื้อเพลิงหรือน้ำมันหล่อลื่นโดยอุปกรณ์เสริมติดตั้งในรถยนต์นั้นจะมีหลายชนิด ได้แก่

แม่เหล็กแรกสูง เป็นแท่งเหล็กนำไปรัดติดกับท่อน้ำมันก่อนเข้าสู่เครื่องยนต์ ใช้ได้ทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล ซึ่งมีการอ้าง ช่วยประหยัดน้ำมน 20-30 % ซึ่งระยะแรกราคาอยู่ที่ 7,000-8,000 บาท แต่ระยะหลังราคาลงมาอยู่ที่ 800 บาทท่อเพิ่มพลังงาน สร้างด้วยโลหะผสมพิเศษ มีตั้งแต่ 5-9 ชนิด โดยทำเป็นท่อกลมหรือท่อสามเหลี่ยม ติดตั้งโดยการตัดท่อเข้ากับท่อส่งน้ำมัน โลหะเหล่านี้จะเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้โมเลกุลของน้ำมันเกิดการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ขึ้น มีผลให้ประหยัดน้ำมัน

โดยท่อสามเหลี่ยมผสมโลหะ 9 ชนิด เคยมีขายในราคาอันละ 4,500 บาท ท่อช่วยรีดดูดไอเสีย เป็นท่อขนาดใหญ่ ประกอบด้วยครีบโลหะภายใน ติดตั้งที่ปลายท่อไอเสีย โดยอ้างว่าท่อนี้จะช่วยดูดไอเสียออกมาได้มากและเร็วกว่าปกติ ทำให้เครื่องยนต์มีการเผาไหม้ที่ดีขึ้น ทำให้ประหยัดน้ำมันและลดควันดำ ราคาที่เสนอขาย 20,000 บาท

เครื่องเพิ่มออกซิเจน อ้างเป็นอุปกรณ์คอยล์ไฟฟ้าอิเล็กตรอน เพื่อแยกสารประกอบออกไซด์ในอากาศ ทำให้เพิ่มปริมาณออกซิเจนเข้าไปในเครื่องยนต์มากขึ้น ทำให้เพิ่มกำลังแรงม้าและอัตราเร่งของเครื่องยนต์ และช่วยประหยัดน้ำมันในบางกรณีได้ถึง 60 % ราคาที่เสนอขายเครื่องละ 3,500 บาท

นอกจากนี้ในกลุ่มของสารเคมี ในท้องตลาดจะเรียกว่าหัวเชื้อ มีการทำออกจำหน่ายหลายสิบยี่ห้อ มีตั้งแต่สารหัวเชื้อประเภทพื้นฐาน โดยอ้างสรรพคุณใช้ทำความสะอาดระบบเชื้อเพลิงและเครื่องยนต์ ใช้เพิ่มประสิทธิภาพของน้ำมันเครื่อง ลดการสึกหรอของเครื่องยนต์ ลดการกินน้ำมันและยืดอายุการใช้งาน ซึ่งบางชนิดอาจพอมีประโยชน์บ้าง แต่สำหรับรถยนต์ที่ได้รักบารบำรุงรักษาอย่างดี ใช้น้ำมันและน้ำมันเครื่องที่มีคุณภาพสูงเป็นประจำ ก็ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องใช้สินค้าเหล่านี้

ดร.ธานินทร์ กล่าวอีกว่า จึงอยากขอเตือนว่าผู้บริโภคที่ใช้อุปกรณ์เสริมและสารเคมีที่ช่วยประหยัดน้ำมันนี้ ไม่สามารถประหยัดน้ำมันได้ตามที่มีการอ้างสรรพคุณ เนื่องจากผู้ที่อ้างตัวเป็นผู้ประดิษฐ์คิดค้นส่วนใหญ่ เป็นผู้ที่ไม่มีพื้นฐานทางด้านวิทยาศาสตร์ หรือวิศวกรรมอย่างเป็นทางการ และไม่สามารถหาข้อมูลของแหล่งผลิตที่อยู่ในรูปบริษัทที่เป็นตัวตนได้ ประกอบกับคำบรรยายสรรพคุณของสินค้า ไม่มีหลักทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์สนับสนุน แหล่งต้นตอของสินค้าประเภทนี้ ส่วนใหญ่จะมาจากทางไต้หวันและญี่ปุ่น และคนไทยได้ทำเลียนแบบหรือดัดแปลงขึ้น

อีกทั้งการทดสอบการประหยัดน้ำมันตามที่อวดอ้าง จะเป็นวิธีการของผู้ทำหรือผู้ขายเอง ไม่ใช่วิธีการที่เป็นมาตรฐานสากลที่ทางอุตสาหกรรมยานยนต์ยอมรับกันอยู่ในปัจจุบัน

ซึ่งวิธีการทดสอบการประหยัดน้ำมันที่ใช้เป็นมาตรฐานในประเทศไทยจะใช้คือ มอก.1870-2542 เทียบเท่ากับมาตรฐาน ยูโร 2 และ มอก.2160-2546 เทียบเท่ามาตรฐาน ยูโร 3 ซึ่งในช่วงระยะหลายปีที่ผ่านมา ได้มีผู้นำสินค้าเหล่านี้หลายรายมาว่าจ้างให้ทางสถาบันวิจัยและเทคโนโลยี ปตท.ทำการทดสอบการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง แต่ไม่เคยมีรายใดสามารถแสดงผลการประหยัดน้ำมันได้อย่างมีนัยสำคัญ ตามมาตรฐานที่กำหนดได้

ดังนั้นในสภาพที่เป็นจริง การแข่งขันทางธุรกิจ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์และผู้จำหน่ายปิโตรเลียมทั่วโลกทุกวันนี้ใช้นักวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์และงบประมาณเป็นจำนวนมาก เพื่อทำการศึกษาวิจัยเพื่อให้ได้ยานยนต์ที่ประหยัดเชื้อเพลิงและปล่อยมลพิษน้อยที่สุด

ดังนั้นผู้บริโภคจึงมั่นใจได้ว่า หากมีการคิดค้นและพัฒนาเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมใหม่ๆในการช่วยประหยัดน้ำมัน สิ่งเหล่านี้จะถูกนำมาอยู่ในผลิตภัณฑ์ยานยนต์เพื่อเป็นการดึงดูดให้ประชาชนมาซื้อช่วงชิงส่วนแบ่งทางการตลาด โดยที่ผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินเพิ่ม เพื่อหาซื้อสิ่งพิเศษมาใช้ นอกจากจะไม่คุ้มค่าเงินแล้ว ยังอาจจะต้องเสี่ยงกับผลร้ายข้างเคียงที่จะเกิดกับรถยนต์ด้วย


ข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ

---------------------

จงเลือกเอาเถิด จะเชื่อพระพยอม หรือจะเชื่อนักวิชาการ ปตท. ?


วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

คลิปเสียงจากแดนไกล ของจริงแน่นอน






เป็นข่าวฮือฮามาหลายวัน กับคลิปเสียงจากแดนไกล ที่จริงมันก็ไม่ไกลหรอก อยู่แถว ๆ รอบ ๆ ประเทศไทยนี่แหละ

ควรจะตั้งชื่อว่า คลิปเสียงจากนักโทษหนีคุกจรจัด มากกว่า 555

พวกลิ่วล้อ พวกขี้ข้าในพรรคเพื่อไทย ต่างดาหน้าออกมาบอกว่า คลิปตัดต่อ ไม่ใช่คลิปจริง

แต่พอไปถามนังนายกหญิง กลับใบ้รับประทาน เดินหนีนักข่าวไม่ยอมตอบว่า คลิปนั้นใช่เสียงทักษิณหรือไม่ ?

ส่วนพลเอกยุทธศักดิ์ ที่ได้ฉายาใหม่ไปหลายฉายาตอนแก่ เช่น อ๊อด ถั่งเช่า , หนูอ๊อดถั่งเช่าช่วยตะกวดเหลี่ยม (ไม่รู้จะไปเรียกไอ้เหลี่ยมเป็นราชสีห์ทำไม)

เมื่อดูจากการตอบของนายกยิ่งลักษณ์ ดูจากการตอบของพลเอกยุทธศักดิ์ แล้ว ฟันธงได้เลยว่า คลิปดังกล่าวเป็นของจริงแท้ ไม่ได้ตัดต่อแต่อย่างใด

ที่สำคัญ ทักษิณเองก็ไม่ออกมาปฏิเสธ โอ๊ค พานทองแท้ ก็ไม่เห็นเขียนเฟสบุ้คปฏิเสธว่าไม่ใช่เสียงพ่อมัน

ทั้งพรรคเพื่อไทย ทั้งบิ๊กอ๊อด พลเอกยุทธศักดิ์ ก็ไม่เห็นจะไปแจ้งความเอาผิดคนปล่อยคลิปนี้ หรือฟ้องร้องว่าเป็นคลิปตัดต่อทำลายชื่อเสียงของตน ?

หรือแม้ผู้นำฝ่ายค้าน จะพยายามเรียกร้องให้นายกยิ่งลักษณ์สอบสวนเรื่องนี้ว่า เป็นคลิปจริงหรือคลิปตัดต่อ ก็ดูเหมือนนายกยิ่งลักษณ์ก็เงียบใบ้กินไป

ฉะนั้น เมื่อคนสำคัญที่เกี่ยวข้องใกล้ชิด ยังออกอาการแบบนี้ ก็มั่นใจได้เลยว่า คลิปจากแดนไกลเป็นของแท้แน่นอน

ส่วนบิ๊กอ๊อด ก็เสียหมาไปแล้ว ถ้ายังไม่ลาออก ก็นับว่าเป็นอดีตนายทหารที่หน้าด้านหน้าทนสุด ๆ หมดสิ้นเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีทหารไทย กลายเป็น ทหอย ไป !!

ถ้าบิ๊กอ๊อดยังหน้าด้านอยู่บนโลกนี้ ก็อยู่แบบขี้ข้าทรราชย์ ไร้เกียรติภูมิทหารไทย ไร้ศักดิ์ศรีความเป็นคนไทยไปแล้ว เพราะกล้าโกหกหน้าด้าน ๆ โดยไม่ละอายใจ

เอ๊ะ.. หรือเพราะเป็นขี้ข้าทักษิณ มันก็ต้องหน้าด้านสิ ไม่งั้นจะเป็นขี้ข้าทักษิณได้ไง 555


-----------------

ถั่งเช่า ขายดี ราคาแพงขึ้น

โดยเฉพาะเรื่องถั่งเช่า ถ้าคนที่คิดจะนำเรื่องนี้มาใส่ร้ายทางการเมือง ก็ไม่รู้มันจะตัดต่อเรื่อง ถั่งเช่า เข้ามาทำไมด้วย

เมื่อบิ๊กอ๊อด รับประกันสรรพคุณว่า กินถั่งเช่าวันละตัว แล้วปึ๊งปั๋ง ทำให้ตอนนี้ถั่งเช่าเลยขายดี ราคาแพงขึ้นทันที

และเรื่องถั่งเช่านี้ ทักษิณก็เคยเป็นข่าวในมติชนมาเมื่อไม่นานมานี้ ตามข่าวนี้


ทักษิณ ตลกไม่ออก ส่งยาผิดซองให้"คุณหญิงอ้อ"

คอลัมน์ เรียงคนมาเป็นข่าวสเปเชียล โดย คุณอ้อ อาทิตย์ที่ 21 เมษายน 2556



......"ถั่งเช่า" สมุนไพรจีน ดังเป็นพลุแตกอีกครั้ง หลัง "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่าได้แนะนำให้น้องสาว "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" นายกรัฐมนตรี หา "ถั่งเช่า" มากิน แล้วจะเป็นผลดีต่อร่างกาย

โดยบรรยายสรรพคุณว่า กิน "ถั่งเช่า" จะไม่เจ็บไม่ไข้ไม่เป็นหวัด เวลาทำงานหนัก เหนื่อยๆ จะรู้สึกดี อ้างว่า "ถั่งเช่า" หรือ "ดอง ซองโช" หรือ "หญ้าหนอน" เป็นเห็ดชนิดหนึ่งมีแหล่งกำเนิดบนทุ่งหญ้าทิเบต มีข่าวคลุกวงในระบุว่า

ก่อนหน้าที่จะแนะนำ "ถั่งเช่า" ให้ "น้องปู" รับประทาน "พี่แม้ว" ซึ่งใช้กิน "ถั่งเช่า" มาเป็นประจำ ปรากฏว่าร่างกายฟิตเปรี๊ยะ ชนิดเตะปีบได้ไกลหลายกิโล

อยู่มาวันหนึ่งหวังทำเซอร์ไพรส์แชร์ของดีมาให้เมียบำรุง ส่ง "ถั่งเช่า" กล่องมหึมาให้ "คุณหญิงพจมาน" เพื่อเสริมใยเหล็กสุขภาพ "คุณหญิงอ้อ" ส่องกล้องดู "ถั่งเช่า" เกิดอารามไม่แน่ใจ เลยนำตัวอย่างไปให้หมอประจำตัวตรวจดูสรรพคุณ ส่วนผสม โดยไม่กล่าวเล่าสืบว่าใครเจ้าภาพ ผู้อภินันทน์มาให้

2-3 วันต่อมา "หมอ" เอกซเรย์รู้ผลบอกกับ "คุณหญิงอ้อ" ว่า ยาที่นำไปให้ตรวจ เป็น "ยาโด๊ป" ชูกำลังของคุณผู้ชายทั้งหลายแหล่ "คุณหญิงอ้อ" เลยฉุนขาด ลมออกหู โทรศัพท์ไปเฉ่งซะหลายฉาด ทำนองว่า "ส่งยาผิดซอง" มาให้หรือไง ...เลยซวยไป

มติชนออนไลน์

----------------------

ยิ่งลักษณ์ กับอาการถั่งเช่า ออกฤทธิ์

เมื่อไม่กี่วันก่อน หนังสือพิมพ์เนชั่นลงข่าวว่า เศรษฐา ทวีสิน ผู้บริหารบริษัทแสนสิริ เป็นผัวยิ่งลักษณ์ (อีกคน)

คลิกที่รูปเพื่อขยาย !!


เลยทำให้นักข่าวที่เขียนข่าวดังกล่าว กับบก.ข่าว ถูกทำโทษพักงาน 3 เดือนโดยไม่ได้รับเงินเดือน

ส่วนคนที่ได้อ่านข่าวนั้น ต่างบอกว่า ก็เขาเขียนข่าวถูกต้องแล้ว ทำไมต้องไปลงโทษเขาด้วย ?

คนเราเวลากินยาโด๊ปมาก ๆ หากไม่ได้ไประบายออกเช่นที่ ว.5โฟร์ซีซั่นซะบ้าง ก็คงอึดอัด เลยออกอาการแบบนี้ได้นะ ผมว่า ..


ยิ่งลักษณ์กับอาการถั่งเช่าออกฤทธิ์รุนแรงไป!!



ล่าสุด 10 ก.ค. 56 โอ๊คโพสเฟซบุ้ค ยอมรับว่า คลิปนั้นเป็นเสียงพ่อมันจริง ๆ

อีโอ๊คเอาตีนก่ายหน้าผาก นอนคิดมาหลายวัน ว่ากูจะแถช่วยพ่อยังไงดี สุดท้ายคิดไม่ออก เลยออกมายอมรับว่า เป็นเสียงพ่อทักษิณจริงแท้

แต่ก็ยังใช้หลักการที่ว่า ถ้าของจริง ให้รับสารภาพแค่ครึ่งเดียว อีกครึ่งให้โทษคนอื่นต่อไป เพราะมันบอกว่า อาจมีการตัดต่อบางช่วงเพื่อบิดเบือน !!

/@akecity

----------------

ว่าแต่ โอ๊ค มันสารภาพแล้ว ว่าพ่อมันคุย
แต่เอ.. หมาที่ไหน มันบอกว่า ไม่เคยเดินทางไปคุยหว่า ?




วันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เมื่อเฉลิมเสียตำแหน่งขี้ข้าทักษิณให้ยุทธศักดิ์






หลังจากเฉลิม อยู่บำรุง ครอบครองตำแหน่งขี้ข้าทักษิณ มานาน

ก็ถึงคราวที่เฉลิม ต้องเสียตำแหน่งขี้ข้าทักษิณนี้ให้พลเอกยุทธศักดิ์ ศศิประภา ไปในที่สุด

เฉลิมได้ตกกระป๋องจากตำแหน่งขี้ข้าทักษิณ ไปเป็นจับกังที่กระทวงแรงงานแทน

เพราะพลเอกยุทธศักดิ์ ศศิประภา เพิ่งได้ครบคุณสมบัติสำคัญของการเป็นขี้ข้าทักษิณ นั่นก็คือ ขี้ข้าทักษิณสามารถโกหกอย่างหน้าด้าน ๆ เพื่อทักษิณได้เสมอ 

จากกรณีคลิปเสียงจากคนแดนไกลที่ว่ากันว่า เสียงเหมือนทักษิณคุยกับพลเอกยุทธศักดิ์ นั้น

พลเอกยุทธศักดิ์ รีบออกมาปฏิเสธทันทีว่า คลิปนั้นไม่ใช่เสียงของตน เพราะไม่เคยบินไปคุยกับทักษิณที่สิงคโปร์

เหอะ ๆ แน่จริง ถ้าคิดว่ามีคนทำคลิปปลอมใส่ร้าย ก็รีบไปแจ้งความและฟ้องร้องเอาผิดคนเผยแพร่ หรือคนทำคลิปเลยสิวะ

รีบ ๆ เลยจะได้พิสูจน์กันชัด ๆ ไปเลยว่า คลิปจริงหรือคลิปตอแหล !!

-------------------

ทำไมทักษิณอยากเป็นที่ปรึกษาสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์

หลายคนอาจมองว่า ทักษิณคงอยากจะเข้าไปมีส่วนจัดการผลประโยชน์ในนั้นหรือหาช่องโกงกินในนั้นหรือไม่ ?

สำหรับผม ผมเชื่อว่าคงไม่

แต่ที่ทักษิณมันต้องการเข้าไปมีตำแหน่งในสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์นั้น

ผมคิดว่า ทักษิณมันต้องการให้ฝ่ายต่อต้านมันหยุดต่อต้านมันต่างหาก เพราะทักษิณมันอ่านเกมว่า ถ้าได้ไปมีตำแหน่งในนี้ ผู้คนก็จะมองภาพลักษณ์มันใหม่ว่า เป็นคนจงรักภักดีจนเป็นที่ไว้วางใจจาก.. จนได้มีตำแหน่งนี้

ผมไม่แน่ใจว่าตำแหน่งที่ปรึกษาในสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์นี้ ปกติจะมีหรือไม่ ?

ทักษิณมันบอกว่า ขอให้ได้ตำแหน่งนี้ ไม่สนใจเรื่องเงินเดือนอยู่แล้ว ไม่ต้องมีเงินเดือนก็ได้

ผมจึงมองว่า ทักษิณมันต้องการภาพลักษณ์ที่ดูดีสำหรับตัวมันเองมากกว่าครับ คล้าย ๆ เป็นเกราะป้องกันตัวมันเอง 

(ในวงเล็บที่ว่า ถ้ามีโอกาสโกงหรือมีผลประโยชน์ทับซ้อนได้ มันก็คงเอาเหมือนกัน)

------------

อ๊อดถั่งเช่า แม้วไวอากร้า

ในคลิปเสียงแดนไกล มีช่วงนึงที่ไอ้ 2 คนนี้คุยเรื่องอย่างว่า โดยบิ๊กอ๊อดบอกว่ากินถังเช่า ตามที่แม้วเคยแนะนำ

บิ๊กอ๊อดอายุ 76 แล้ว แทนที่จะไปหาความสุขสงบหรือพักผ่อนท่องเที่ยวในบั้นปลายแห่งชีวิต กลับมารับใช้เป็นขี้ข้าแม้ว สังเกตจากการคุยกัน ฟังก็รู้ว่า ยอมเป็นขี้ข้าทักษิณ

เฮ่อ.. อนาถแท้


คลิกอ่าน เฉลิมยืนกุมไข่ กับ แก๊งค์ไอติมอีปู


วันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

2556 ทักษิณรวยที่10ของไทย แต่เลวที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย







ฟอร์บส์ประกาศจัดอันดับ 50 เศรษฐีไทย ปรากฎว่า เจ้าสัวซีพี หรือเจ้าของเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือเจ้าของบริษัทเจี่ยไต๋ ขายปุ๋ย ขายยาปราบศัตรูพืช ขายอาหารสัตว์ ขายพันธุ์พืช ก็ยังรวยเป็นอันดับ 1 ของไทยเหมือนเดิม แถมทรัพย์สินเพิ่มขึ้นอีกแสนกว่าล้าน

ส่วนทักษิณรวยติดอันดับ 10 ของไทย ทั้ง ๆ ที่ยังเร่ร่อนจรจัดเหมือนไอ้เณรคำ แท้ ๆ นะนี่

เอาเถอะใครจะรวยมากแค่ไหน สุดท้ายเวลาตายก็เอาอะไรไปไม่ได้นอกจากบุญกรรมที่กระทำเอาไว้ในช่วงมีชีวิตอยู่

---------------------

ทักษิณรวยอันดับ10 แต่เลวอันดับ1

ทักษิณอาจจะรวยอันดับ 10 ของไทย แต่ถ้านับจำนวนคนที่สาปแช่งทักษิณแล้ว เชื่อว่า ทักษิณต้องเป็นอันดับ 1 ตลอดกาลหาใครมาแซงยาก

ถ้าทักษิณตาย ก็เชื่อว่า จะมีคนชั่ว ๆ โง่ ๆ ในประเทศนี้จะเสียใจมาก

แต่ที่ไม่แพ้กันคือ จะมีคนดีๆ ดีใจมากที่สุดเป็นอันดับ 1 เช่นกัน

ว่าแต่..ทักษิณจะตายแบบกลางอากาศ หรือ ตายแบบไร้แผ่นดินเกิด หรือตายแบบท่าพิสดาร หรือตายแบบหาศพไม่เจอ ก็ต้องรอดูกันไป

หมอดูบางคนเคยฟันธงไว้ว่า ทักษิณไม่มีโอกาสกลับไทยอย่างเท่ตามฝัน แต่จะได้กลับแบบอยู่ในห่อผ้าขาวแล้วเท่านั้น

จะจริงตามหมอดูเดาหรือไม่ ? ไม่สำคัญ !

แต่ที่แน่ ๆ นับตั้งแต่เป็นประเทศชาติไทยเป็นต้นมา

ไม่มีใครได้รับการประณามว่า เป็นคนที่เลวที่สุด ชั่วที่สุด เหี้ยที่สุด ในประวัติศาสตร์ชาติไทยเทียบเท่าทักษิณอีกแล้ว

เชื่อว่า ตระกูลชินว้าก!! คงจะภูมิใจที่ทักษิณได้ตำแหน่งนี้ และควรทำป้ายติดไว้หน้าฮวงซุ้ยหลังทักษิณตายไว้ว่า

"ทักษิณ คือ คนที่เลวที่สุดและเหี้ยในประวัติศาสตร์ไทย มิอาจหามีผู้ใดมาเทียบเทียม"

เท่ไม่หยอกเลยว่ะ 5555



-----------------------

ข้อสังเกต ในขณะที่มหาเศรษฐีไทยต่างรวยขึ้นกันพร้อมหน้า แต่คนไทยกลับมีหนี้ครัวเรือนเพื่มขึ้น ประเทศไทยมีหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น

--------------------------


50 อันดับมหาเศรษฐีไทยประจำปี 2556

1.ธนินทร์ เจียรวนนท์ ประธานเครือเจริญโภคภัณฑ์ มูลค่าทรัพย์สิน 3.93 แสนล้านบาท รวยขึ้น 1.12 แสนล้านบาท

2.ตระกูลจิราธิวัฒน์ เครือเซ็นทรัล มูลค่าทรัพย์สิน 3.83 แสนล้านบาท รวยขึ้น 1.68 แสนล้านบาท
3.เจริญ สิริวัฒนภักดี บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ มูลค่าทรัพย์สิน 3.30 แสนล้านบาท
4.ตระกูลอยู่วิทยา กลุ่มกระทิงแดง มูลค่าทรัพย์สิน 2.43 แสนล้านบาท
5.กฤตย์ รัตนรักษ์ บริษัทกรุงเทพ วิทยุโทรทัศน์จำกัด ผู้บริหารช่อง7สี มูลค่าทรัพย์สิน 1.21 แสนล้านบาท

6.จำนงค์ ภิรมย์ภักดี ประธานบริษัท บุญรอด บริวเวอรี่ มูลค่าทรัพย์สิน 7.48 หมื่นล้านบาท
7.วานิช ไชยวรรณ ประธานกรรมการ บมจ.ไทยประกันชีวิต มูลค่าทรัพย์สิน 6.55 หมื่นล้านบาท
8.วิชัย มาลีนนท์ ประธานกรรมการและผู้ร่วมก่อตั้ง BEC World มูลค่าทรัพย์สิน 6.24 หมื่นล้านบาท
9.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ เครือกรุงเทพดุสิตเวชการ มูลค่าทรัพย์สิน 5.62 หมื่นล้านบาท

10.ทักษิณ  อดีตนายกรัฐมนตรี มูลค่าทรัพย์สิน 5.30 หมื่นล้านบาท

11.วิชัย ศรีวัฒนประภา (นามสกุลเดิม รักศรีอักษร) กลุ่มคิง เพาเวอร์ มูลค่าทรัพย์สิน 4.99 หมื่นล้านบาท
12.บุญชัย เบญจรงคกุล ผู้ก่อตั้ง บมจ.โทเทิ่ล แอคเซส คอมมูนิเคชั่น หรือดีแทค มูลค่าทรัพย์สิน 4.21 หมื่นล้านบาท
13.พรเทพ พรประภา กลุ่มสยามกลการ มูลค่าทรัพย์สิน 4.06 หมื่นล้านบาท
14.ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ผู้ก่อตั้ง บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท มูลค่าทรัพย์สิน 3.9หมื่นล้านบาท
15.คีรี กาญจนพาสน์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ มูลค่าทรัพย์สิน 3.74 หมื่นล้านบาท

16.ประยุทธ มหากิจศิริ กลุ่มควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักท์ส (เนสกาแฟ) มูลค่าทรัพย์สิน 3.59 หมื่นล้านบาท
17.วิชัย ทองแตง ถือหุ้นเครือกรุงเทพดุสิตเวชการ,บมจ.ซีทีเอช มูลค่าทรัพย์สิน 3.43 หมื่นล้านบาท
18.อนันต์ อัศวโภคิน บมจ. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มูลค่าทรัพย์สิน 3.37 หมื่นล้านบาท
19.ประณีตศิลป์ วัชรพล หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ มูลค่าทรัพย์สิน 3.28 หมื่นล้านบาท
20.William Heinecke บริษัท Minor International มูลค่าทรัพย์สิน 3.12 หมื่นล้านบาท

21.สุรางค์ เปรมปรีดิ์ ถือหุ้นบริษัทกรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ,ถือหุ้นธุรกิจธนาคาร ซีเมนต์ มูลค่าทรัพย์สิน 2.9 หมื่นล้านบาท
22.Aloke Lohia บริษัท Indorama Ventures มูลค่าทรัพย์สิน 2.85หมื่นล้านบาท
23.อิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการกลุ่มน้ำตาลมิตรผล มูลค่าทรัพย์สิน 2.84 หมื่นล้านบาท
24.พิชญ์ โพธารามิก บมจ.จัสมินอินเตอร์เนชั่นแนล มูลค่าทรัพย์สิน 2.68 หมื่นล้านบาท
25.สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานกรรมการกลุ่มไทยซัมมิท มูลค่าทรัพย์สิน 2.34 หมื่นล้านบาท

26.สรรเสริญ จุฬางกูร ถือหุ้นบริษัทไทยซัมมิท และบริษัทไทยสตีลเคเบิ้ล มูลค่าทรัพย์สิน 2.23 หมื่นล้านบาท
27.วิทูร สุริยวนากุล บริษัท สยาม โกลบอล เฮ้าส์ มูลค่าทรัพย์สิน 2.18 หมื่นล้านบาท
28.เพชร และ รัตน์ โอสถานุเคราะห์ กลุ่มบริษัทโอสถสภา มูลค่าทรัพย์สิน 1.97 หมื่นล้านบาท
29.พงษ์ศักดิ์ วิทยากร ผู้ร่วมก่อตั้งกรุงเทพดุสิตเวชการ มูลค่าทรัพย์สิน 1.87 หมื่นล้านบาท
30.นิติ โอสถานุเคราะห์ ถือหุ้นบริษัทโอสถสภา มูลค่าทรัพย์สิน 1.79 หมื่นล้านบาท

31.เฉลิม อยู่วิทยา กลุ่มกระทิงแดง มูลค่าทรัพย์สิน 1.72 หมื่นล้านบาท
32.ไกรสร จันศิริ ประธาน บมจ.ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ มูลค่าทรัพย์สิน 1.7 หมื่นล้านบาท
33.สมยศ และ จรีพร อนันตประยูร บริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด มูลค่าทรัพย์สิน 1.64 หมื่นล้านบาท
34.จำรูญ ชินธรรมมิตร์ กลุ่มน้ำตาลขอนแก่น มูลค่าทรัพย์สิน 1.59 หมื่นล้านบาท
35.วิชา พูลวรลักษณ์ เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ มูลค่าทรัพย์สิน 1.5 หมื่นล้านบาท

36.ปลิว ตรีวิศวเวทย์ บมจ. ช.การช่าง มูลค่าทรัพย์สิน 1.44 หมื่นล้านบาท
37.นิจพร จรณะจิตต์ และ เปรมชัย กรรณสูต ถือหุ้น บมจ. อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ มูลค่าทรัพย์สิน 1.26 หมื่นล้านบาท
38.Nishita Shah Federbush บมจ.พรีเชียส ชิปปิ้ง มูลค่าทรัพย์สิน 1.19 หมื่นล้านบาท
39.วัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ บมจ.สามารถ คอร์ปอเรชั่น มูลค่าทรัพย์สิน 1.15 หมื่นล้านบาท
40.สมโภชน์ อาหุนัย บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ มูลค่าทรัพย์สิน 1.03 หมื่นล้านบาท

41.เฉลิม หาญพาณิชย์ บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล มูลค่าทรัพย์สิน 1.01หมื่นล้านบาท
42.รุ่งโรจน์ แสงศาสตรา บมจ.ไดนาสตี้ เซรามิค มูลค่าทรัพย์สิน 9.98 พันล้านบาท
43.วันดี กุญชรยาคง ประธานกรรมการ SPCG มูลค่าทรัพย์สิน 9.36 พันล้านบาท
44.ทัศพล แบเลเว็ลด์ ผู้ถือหุ้นใหญ่ บมจ.เอเชียเอวิเอชั่น มูลค่าทรัพย์สิน 9.04 พันล้านบาท
45.ประชัย เลี่ยวไพรัตน์และครอบครัว บมจ.ทีพีไอ โพลีน มูลค่าทรัพย์สิน 8.42 พันล้านบาท

46.พรดี ลี้อิสระนุกูล และครอบครัว กลุ่มบริษัทสิทธิผล มูลค่าทรัพย์สิน 8.27 พันล้านบาท
47.ประทีป ตั้งมติธรรม บมจ.ศุภาลัย มูลค่าทรัพย์สิน 8.11 พันล้านบาท
48.วรวิทย์ วีรบวรพงศ์ บมจ.สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตร เคมิคัลส์ มูลค่าทรัพย์สิน 6.7 พันล้านบาท
49.อนันต์ อาญจนพาสน์ บมจ.บางกอกแลนด์ มูลค่าทรัพย์สิน 6.6 พันล้านบาท
50.วิโรจน์ ธนาลงกรณ์ บริษัท ซาบีน่า มูลค่าทรัพย์สิน 6.24 พันล้านบาท


วันอังคารที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

โรลล์สลอยซ์ รถอัปมงคลของเฉลิม






เมื่อทักษิณสั่งปรับ ครม.ปู 5 ก็ลดเกรดเฉลิม จากรองนายกฯ คุมตำรวจ ให้ไปนั่งเป็น รมว. กระทรวงแรงงานแทน

นี่คือการลดเกรด ลดระดับ จนเฉลิมโกรธจัด

วันถ่ายรูปร่วมกันของ ครม.ปู 5 เฉลิมก็เบี้ยวไม่มาร่วมถ่ายรูป

และพอวันจันทร์วันแรกของการทำงานที่กระทรวง รัฐมนตรีหน้าใหม่คนอื่น ๆ เขาไปกระทรวงกันทั้งนั้น

คงมีแต่เป็ดเหลิมลาป่วยไม่ไปกระทรวงแรงงาน นี่แหละหนา อาการไม่พอใจที่โดนย้ายแบบลดเกรดไปนั่งกระทรวงเกรดบีของเฉลิม

เชื่อหรือไม่ ?

อาจเพราะรถโรลล์สอลยซ์ เลขทะเบียน พอ 4444 ของเฉลิมนั่นแหละ ที่พาความซวยมาเยือน





มีอย่างที่ไหนช่วงที่ชาวนากำลังเดือดร้อน  แต่ไอ้เหลิมดันอวดร่ำอวดรวยไม่เลือกดูกาลเทศะ สมแล้วที่มีฉายา ไอ้เป็ด ที่คิดอะไรฉาบฉวยไม่ลึกซึ้ง

คนอย่างไอ้เหลิม เลยต้องโดนลดเกรดไปใช้แรงงานที่กระทรวงแรงงานแทน

เอ้า ดูการทำนายเลขศาสตร์ของทะเบียนรถ 4444 ของเป็ดเหลิมแล้วกัน


คลิกที่รูปเพื่อขยาย!!


อ่านคำทำนายเลขทะเบียน 4444 แล้ว ผมว่าก็ใกล้เคียงมากเลยนะ

คือว่า เฉลิมเอารถทะเบียนไม่ค่อยเป็นมงคลมาใช้ในช่วงนี้ ก็เลยพาชีวิตตกอับ ถูกลดเกรดไปนั่งกระทรวงเกรดบีซะเลย

แถมเลข 4444 ก็ออกเสียงใกล้เคียง ซี๊ ซี๊ ซี๊ ซี๊ (ตาย ตาย ตาย ตาย) ซะด้วยสิ 555

-----------------------

สรุปง่าย ๆ ว่า

เฉลิมปากไม่ดี ไปขู่หน้ากากขาวจะโดนระเบิด

แถมเฉลิม ยังใช้รถไม่เป็นมงคล ในช่วงนี้อีก

ความอัปมงคลเพราะปาก และเพราะรถ เลยทำให้ชีวิตเฉลิมตกต่ำลง

นี่ยังดีนะ ที่แม้วมันยังเหลือเก้าอี้ให้นั่ง คิดซะว่า กำขี้ดีกว่ากำตด นะเหลิมนะ จะได้สบายใจ 555

------------------------

ขำ ๆ

เป็ดเหลิม "หน้ากากขาวชุมนุมระวังโดนระเบิดล่ะ"

หน้ากากขาว "ไอ้เหลิมปากหมาอย่างมึง ระวังตกกระป๋องล่ะ"

5555555 /@akecity


คลิกอ่าน เหตุผลที่ยิ่งลักษณ์ถ่างควบกลาโหม เฉลิมนั่งแรงงาน